อันซย่าซย่าตกตะลึงไปกับ “ความมีน้ำใจ” ของเจ้าของร้าน ก่อนถามด้วยความไม่อยากเชื่อนัก “จริงเหรอคะ ให้จริงเหรอคะ”
เจ้าของร้านหัวเราะหึๆ กับปฏิกิริยาของเธอ “จริงสิ นี่ เอาไป”
อันซย่าซย่ารีบเดินไปรับเอาผักดองมาอย่างดีอกดีใจ
เจ้าของร้านอดถามอย่างเสียไม่ได้ “นั่นแฟนหนูเหรอ เขาหล่อมากเลยนะ… หน้าตาดูเหมือนคนที่เป็นนักร้องอยู่ในวงที่ลูกสาวฉันชอบดูในทีวีน่ะ…ชื่อวงอะไรนะ…”
หญิงสาวฝืนยิ้มออกมา “ฮะๆ เหมือนใช่ไหมล่ะคะ”
เธอวิ่งกลับมาหาเซิ่งอี่เจ๋อโดยไม่ปล่อยให้เจ้าของร้านได้มีเวลาคิด จากนั้นก็ยกถุงผักดองให้ดูราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า “ดูสิ! ผักดอง!”
เซิ่งอี่เจ๋อเหลือบมองเธอแล้วก็ถอนใจ
ยัยคนนี้มีความสุขง่ายดี
เขาเกือบจะจนปัญญากับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอ
“กินไปเลย” จากนั้นเขาก็จ้องมองออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ระหว่างที่อันซย่าซย่าถือถ้วยบะหมี่ด้วยความงงงัน ก่อนกินบะหมี่ที่เหลือจนหมด
เธอจะไม่ยอมกินทิ้งกินขว้างหรอก!
แต่บะหมี่ถ้วยเดียวมันคงไม่พออิ่มสำหรับสองคน เมื่อรถบัสมาจอดที่สถานีแล้วอันซย่าซย่าก็ยังหิวอยู่
เซิ่งอี่เจ๋อจองตั๋วรถบัสสองใบผ่านทางออนไลน์และขึ้นรถพร้อมกับอันซย่าซย่า
รถบัสเดินทางสู่เมืองอวี้นั้นแน่นเกือบเต็มคัน มีที่นั่งเหลือเพียงสองที่ที่แถวหลังเท่านั้น
การมีผู้โดยสารแน่นเต็มภายในรถทั้งคันทำให้อันซย่าซย่ารู้สึกหวาดหวั่นอย่างไรไม่รู้
ชายหนุ่มดูเหมือนจะสัมผัสถึงสิ่งที่เธอกำลังคิดได้ เขากุมมือเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะทันรู้สึกตัว
หญิงสาวรู้สึกว่าความตะขิดตะขวงใจของเธอหายไปในทันใด
ทั้งสองคนนั่งประจำที่และพูดคุยกันเล็กน้อย ก่อนอันซย่าซย่าจะหาวแล้วผล็อยหลับไป
เซิ่งอี่เจ๋อเห็นศีรษะเธอค่อยๆ เอนไปอีกข้างหนึ่งจนเกือบจะกระแทกเข้ากับบานหน้าต่าง ไวเท่าความคิด เขาทาบฝ่ามือกับกระจกแล้วหน้าผากของเธอก็ชนเข้ากับหลังมือของเขา แต่เธอกลับไม่ตื่น
ชายหนุ่มนั่งงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หันศีรษะของเธอมาอีกด้านหนึ่งและปล่อยให้ซบเข้ากับไหล่เขา
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ
เซิ่งอี่เจ๋อหยิบโทรศัพท์ของอันซย่าซย่าออกมาส่งข้อความ พลางคิดว่าในช่วงสองวันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ขึ้นมากมาย
ทั้งตกลงไปในลำธาร ทั้งไม่มีเงินจะซื้อของกิน ทั้งได้เดินทางด้วยรถโดยสารระยะไกล…
ประสบการณ์ทุกอย่างที่ว่ามานี้เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้พบเจอและยังได้แบ่งปันมันกับอันซย่าซย่าด้วย
มันก็ไม่ถึงกับเลวร้ายเสียทีเดียว
เมื่ออันซย่าซย่ารู้สึกตัว รถบัสก็เพิ่งเข้าเขตเมืองอวี้
หลังจากลงรถแล้ว เธอก็กำลังจะโทร.หาอันอี้เป่ยเพื่อให้มารับเธอขณะที่รถปอร์เช่สุดหรูคันหนึ่งมาหยุดตรงหน้า
ว้าว… รถสวยจัง…
ว่าแต่ ทำไมมันดูคุ้นๆ แฮะ
หญิงสาวยังคงนึกสงสัยขณะที่เซิ่งอี่เจ๋อดึงตัวเธอเข้ามาในรถคันนั้น
แต่พอเธอได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของคุณลุงซึ่งเป็นคนขับรถ เธอก็จำได้ว่านี่เป็นรถของเซิ่งอี่เจ๋อ!
หญิงสาวตาโต “คุณลุง รู้ได้ยังว่าพวกเราจะมาถึงสถานีแล้วคะ”
“นายน้อยติดต่อมาครับ” คุณคนขับตอบอย่างเคารพนบนอบ
อันซย่าซย่าหันไปหาเซิ่งอี่เจ๋อก็พบกับสีหน้าเฉยเมยอันเป็นปกติของเขา แต่อย่างไรก็ตาม บางอย่างดูแปลกไป แต่เธอก็บอกไม่ถูกว่าอะไร
เซิ่งอี่เจ๋อมองดูวิวทิวทัศน์ข้างนอกพลางยิ้มเย้ยหยันกับตัวเอง
มีเป็นหมื่นล้านหนทางที่พวกเขาทั้งคู่จะสามารถกลับมาได้ก่อนหน้านี้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำอะไร
ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในโลกจริงๆ นั่นแหละ
เขาหันกลับมาพลางพูดเนิบๆ “อันซย่าซย่า เธอยังไม่ได้อธิบายให้ฉันฟังเลย ว่าที่พูดตอนนั้นน่ะหมายความว่ายังไง”
“ตอนไหน” อันซย่าซย่าพยายามตีหน้าซื่อ
“เธอบอกว่าเธอจะไม่ว่าร้ายฉันอีกแล้ว…” เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้วเรียวสวยของเขาขึ้น “หรือเธอเป็นแอนตี้แฟนของฉัน”
“ไปเอามาจากไหน ไม่! ไม่ใช่นะ! ฉันไม่ได้เป็นนะ!” อันซย่าซย่าปฏิเสธเสียงแข็ง รู้สึกถูกกัดกินด้วยความสำนึกผิด
“งั้นคำตอบก็คือใช่สินะ” เซิ่งอี่เจ๋อเย้ยหยัน และเตรียมพุ่งเข้าใส่อันซย่าซย่าซึ่งตอนนี้ขดตัวเป็นลูกบอลไปแล้ว