“เซิ่งอี่เจ๋อ นั่นใส่ร้ายกันชัดๆ!” อันซย่าซย่าเค่นเสียงตอบประท้วง
ม่านตาดำของเขาขยาย “ใส่ร้ายเรอะ อันซย่าซย่า ฉันควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว เธอชอบหรงเช่อ และใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าสตาร์รี่ไนต์กับหรงเช่อไม่ได้ญาติดีกัน อืม…”
การโกหกเล็กๆ น้อยๆ ของเธอถูกเปิดโปงเสียแล้ว หญิงสาวดูสิ้นท่า
เธอถามหน้าแหยๆ พลางบิดนิ้วไปมา “นายจะไม่ทำร้ายฉันใช่ไหม…”
ฮือ ในที่สุดแอนตี้แฟนคงต้องได้รับผลตอบแทนสินะ!
โอปป้าหรงเช่อ ฉันขอโทษ! ดูเหมือนฉันจะต้องกลายเป็นผู้พลีชีพในการเดินทางของเราเสียแล้ว!
เซิ่งอี่เจ๋อหักข้อนิ้วพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย “ลองเดาสิ”
อันซย่าซย่าออดอ้อนประจบประแจง “บอสอี่เจ๋อคะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! ฉันจะไม่ว่าร้ายคุณอีกแล้ว! ฉันจะเป็นแฟนเพลงที่ซื่อสัตย์! ฉันสัญญา!”
เซิ่งอี่เจ๋อยังแกล้งหักข้อนิ้วต่อไปพร้อมพูดอย่างเนิบๆ “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะคอยดูความประพฤติของเธอจากนี้เป็นต้นไป”
อันซย่าซย่ารอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะทันได้ฉลองโชคดีของเธอนั้น คำพูดต่อมาของเขาก็ถาโถมใส่เธอพร้อมความสิ้นหวัง
“แต่เห็นทีฉันคงคิดทบทวนเสียใหม่เรื่องให้เธอเป็นคณะติดตามในกองถ่าย”
“อ๊า! ทำงั้นได้ไง! นายสัญญาแล้วว่าจะพาฉันไปด้วยถ้าฉันสอบได้ห้าร้อยอันดับแรก!” หญิงสาวยื่นปากอย่างไม่พอใจ
เซิ่งอี่เจ๋อจิ้มศีรษะเล็กๆ ของเธอด้วยนิ้วเพื่อผลักเธอให้ห่างจากเขาพลางเย้ย “เธอกลายเป็นระเบิดเวลาสำหรับฉันแล้ว เธอเคยเห็นพวกไอดอลได้อยู่อย่างสงบสุขกับพวกแฟนๆ ที่ต่อต้านเขาไหมล่ะ อันซย่าซย่า พอใจในสิ่งที่ตนมีเถอะ!”
อันซย่าซย่าเอนพิงกระจกรถพลางมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
คราวนี้เธอรู้สึกว่าน้ำตาเอ่อขึ้นมาจริงๆ …
ฮือ…
คนขับรถจอดรถที่ด้านนอกบ้านครอบครัวอัน
เซิ่งอี่เจ๋อหยิบหมวกใบหนึ่งจากเบาะด้านหลัง สวมแล้วดึงปีกหมวกลงมาบังใบหน้าไว้ จากนั้นก็เข้าบ้านพร้อมกับอันซย่าซย่า
หญิงสาวได้โทร.มาหาป่าป๊าอันและทางโรงเรียนแล้วเมื่อเช้านี้เพื่อแจ้งให้ทั้งสองฝ่ายทราบว่าพวกเธอทั้งคู่ปลอดภัยดี ถึงอย่างนั้นก็ตามป่าป๊าอันก็แทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่กับการกลับมาของพวกเธอ
วันนี้ร้านกาแฟปิด ป่าป๊าอันมองสำรวจลูกสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางถาม “บาดเจ็บหรือเปล่าลูก รู้สึกสบายดีไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า ไปเจออันตรายอะไรมาบ้าง”
อันซย่าซย่ายิ้มหวาน “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูสบายดีสุดๆ เอ่อ… ว่าแต่ เซิ่งอี่เจ๋อเขาบาดเจ็บ…”
ป่าป๊าอันดูมีท่าทางตกใจไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “ไปหยิบชุดปฐมพยาบาลมาที อี่เจ๋อ ให้ลุงตรวจดูบาดแผลก่อนโอเคไหม”
เซิ่งอี่เจ๋อพยักหน้ารับ
ป่าป๊าอันเคยเป็นหมอมาก่อนแล้วจากนั้นไม่นานก็ให้คำวินิจฉัยออกมา “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก เธอไม่มีกระดูกหักตรงไหนแต่ว่ามีแผลลึกสองสามแห่ง ลุงจะทำแผลให้อีกทีนะและจะเขียนใบจ่ายยาให้ คอยระวังอย่าให้แผลถูกน้ำสักสองสามวันเผื่อว่าแผลอาจจะติดเชื้อ”
เซิ่งอี่เจ๋อตกตะลึงกับความเป็นมืออาชีพของป่าป๊าอัน
ทำไมหมอที่เก่งๆ อย่างเขาถึงได้พอใจเพียงแค่การเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ธรรมดาๆ แบบนี้
เมื่อเห็นว่าเซิ่งอี่เจ๋อเงียบไป ป่าป๊าอันก็คิดไปว่าเด็กหนุ่มไม่เชื่อถือในตัวเขาและหัวเราะ “ถ้าเห็นว่าการวินิจฉันของลุงไม่น่าเชื่อถือละก็ ไปตรวจอย่างละเอียดต่อที่โรงพยาบาลก็ได้นะ”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” เซิ่งอี่เจ๋อส่ายหน้า “ขอบคุณครับคุณลุง”
“ลุงต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบใจเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ซย่าซย่าของลุงคงตายไปแล้วป่านนี้…” ป่าป๊าอันกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งบุญคุณ จากนั้นเขาก็เอ่ยต่อ “บาดแผลพวกนี้ค่อนข้างเจ็บมากทีเดียว เอายาแก้ปวดหน่อยไหม”
เจ็บเหรอ… แผลน่ะใช่ แต่มันเล็กน้อยมากสำหรับเขา
ช่ายหนุ่มส่ายหน้า เขามองไปยังอันซย่าซย่าซึ่งเพิ่งจะกลับมาหลังจากเอาชุดปฐมพยาบาลไปเก็บที่ชั้นล่าง เด็กสาวผู้หิวโซกำลังสวาปามแซนด์วิช เพราะอะไรก็ไม่รู้ เขารู้สึกถึงแรงกระตุ้นประหลาดภายในใจ
“คุณลุงครับ ซย่าซย่าเคยตกน้ำเมื่อตอนที่เขายังเด็กหรือเปล่า” เขาทำใจนานมากกว่าจะกล้าถามคำถามนั้นออกมาได้ในที่สุด เหมือนกับว่าเขากำลังพยายามยืนยันอะไรบางอย่าง