เซิ่งอี่เจ๋อหัวเราะหึๆ “พูดจริงนะ”
“จริง!” อันซย่าซย่าพยักหน้าหงีกๆ
ชายหนุ่มเดินอ้อมเธอไปอุ้มเจ้าเสี่ยวไป๋ขึ้นมาและพามันไปส่งที่ฟูกนอนของมัน หลังจากเทอาหารแมวให้แล้ว เจ้าเสี่ยวไป๋ก็ร้องเหมียวๆ อยู่อีกเดี๋ยวเดียวก่อนจะนอนกลิ้งเกลือกไปมาบนฟูกนอนจากนั้นก็หลับไป
เขากลับมาที่ห้องเพียงเพื่อที่จะพบว่าอันซย่าซย่ายังคงแอบอยู่หลังประตูห้องเขา เพื่อคอยฟังเสียงอันตรายทุกย่างก้าว
“ปลอดภัยแล้ว” เขากระซิบ
อันซย่าซย่าถอนหายใจด้วยความโล่งใจพลางตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ขณะที่ยืนพิงประตู แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเหลือบไปดูเซิ่งอี่เจ๋อที่กำลังเดินผ่านไป หญิงสาวก็ตะลึงอยู่กับที่ราวกับใครบางคนร่ายมนตร์ตรึงเธอไว้
พระเจ้าช่วย!
ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้เธอฟังหน่อยได้ไหม ทำไมเซิ่งอี่เจ๋อถึงไม่สวมเสื้อผ้าอะไรเลย
งั้น…เมื่อกี้เธอก็ปะทะเข้ากับเนื้อตัวเปล่าเปลือยของเขาน่ะสิ
เซิ่งอี่เจ๋อโบกมือไปมาใส่หน้าอึ้งๆ ของเธอพลางถาม “สวัสดี มีใครอยู่ไหม”
อันซย่าซย่ารู้สึกเหมือนศีรษะถูกโยนลงเครื่องอบผ้า ฉันเพิ่งเห็นอะไรไป อ๊าย! “ทำไมนายถึงเดินไปเดินมาโดยไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่เรื่อย!” อันซย่าซย่าถามด้วยความโมโห
“…” เซิ่งอี่เจ๋อเองก็เพิ่งนึกได้เดี๋ยวนั้นเช่นกัน เขากระแอมแก้เก้อ “แล้วทำไมเธอถึงชอบพรวดพราดเข้ามาในห้องฉันอยู่เรื่อยเลยล่ะ”
ทั้งสองต่างก็ยอมรับในความผิดของตนและต่างก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบงันแปลกๆ
อันซย่าซย่าลูบผมอย่างเขินอาย พลางมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาข้ออ้างจะขอตัวออกไป แต่แล้วสายตาเธอก็เผอิญมองเห็นกองยาภายในห้อง
อันซย่าซย่าสะดุ้งกับสิ่งที่เห็น จากนั้นก็มองสำรวจเซิ่งอี่เจ๋ออย่างใกล้ชิดจนลืมความเขินอายเมื่อครู่ก่อนไปเสียสนิท เรียวคิ้วน่ารักขมวดเข้าหากัน หญิงสาวเอ่ย “เซิ่งอี่เจ๋อ อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล”
เซิ่งอี่เจ๋อส่ายหน้า
อันซย่าซย่า “… นายรอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไงกันนะ”
ภายหลังจากการค่อนแคะแล้ว เธอก็ลากตัวเซิ่งอี่เจ๋อมาที่โซฟา แล้วบอกให้เขานั่งลงจากนั้นก็ออกคำสั่ง “ห้ามขยับระหว่างที่ฉันแปะปลาสเตอร์ที่แผลนะ!”
เซิ่งอี่เจ๋อประหลาดใจเกินว่าที่จะตอบโต้กับคำสั่งนั้น จึงต้องปล่อยให้อันซย่าซย่าจัดการกับเขาตามสบาย
ต้องขอบคุณความเชี่ยวชาญของป่าป๊าอัน เพราะอันซย่าซย่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในการจัดการกับบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ หลังจากแกะปลาสเตอร์เก่าออกจากแผ่นหลังของเขาอย่างกระฉับกระเฉงแล้ว เธอก็หยิบก้อนสำลีชุบยาขึ้นมาด้วยมือที่ค่อนขางเย็นเล็กน้อยแล้วทาไปที่แผลของเขา
ชายหนุ่มเกร็งร่างทันที สัมผัสวาบหวามบนแผ่นหลังนั้นกำลังกัดกินเขา
มันทรมานยิ่งกว่าความเจ็บปวดจากบาดแผลเสียอีก
อันซย่าซย่าคิดว่าเขาเกร็งเพราะความปวดจึงเอ่ยขอโทษ “เจ็บเหรอ ขอโทษด้วยนะ ฉันจะเบามือ” เธอยู่ปากแล้วเป่าไปที่แผลเขา
เซิ่งอี่เจ๋อลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่งทันที เขาดันตัวอันซย่าซย่าออกจากห้องอย่างแทบจะเรียกได้ว่าอย่างหยาบคาย
“ออกไป”
อันซย่าซย่าแกว่งสำลีในมือไปมา ยิงฟันด้วยความโกรธจัด “นายจะบ้าหรือไง นี่คือการตอบแทนความใจดีของฉันงั้นเหรอ ถ้าเกิดแผลนายติดเชื้อขึ้นมาจะว่ายังไง ถ้าเกิด…”
“ฉันจะทำแผลเอง เธอไม่ต้องมายุ่ง” เซิ่งอี่เจ๋อรู้สึกถึงเปลวเพลิงของความระคายเคืองใจลุกโชนขึ้นภายในตัวเขา แล้วจากนั้นก็กระแทกประตูปิดใส่หน้าเธอ
อันซย่าซย่าแทบจะรู้สึกได้เลยว่ามีควันไฟลอยขึ้นมาจากกระหม่อมเธอ
ไอ้คนบ้า! ปล่อยให้ทรมานตายไปเลยซะก็ดี สมควรแล้ว!
หญิงสาวเดินลงไปชั้นล่างด้วยความโมโห
ภายในห้อง เซิ่งอี่เจ๋อยืนพิงประตูด้วยใบหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าที่เขาจะถอนหายใจออกมาได้ในที่สุด
ยัยซื้อบื้อตัวน้อย เขาจะทำยังไงกับเธอดี
ด้วยเพราะอุบัติเหตุที่อันซย่าซย่าและเซิ่งอี่เจ๋อเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง การฝึกเตรียมทหารจึงถูกยกเว้นให้ไปโดยปริยาย ทั้งสองพักผ่อนอยู่กับบ้านเป็นเวลาสองสามวันก่อนที่ภาคการศึกษาใหม่จะเริ่มต้นขึ้น
การกลับไปเรียนอีกครั้งทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายต่ออันซย่าซย่า
ผลการสอบรายเดือนถูกประกาศออกมาแล้ว และทุกๆ คนต่างก็พากันกดรีเฟรชเว็บไซต์ของโรงเรียนกันอย่างต่อเนื่อง อันซย่าซย่าก็เช่นกัน
เซิ่งอี่เจ๋อเปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองและเลื่อนหน้าจอด้วยนิ้วเรียวยาว เขาเริ่มค้นหาจากอันดับที่ ห้าร้อยไล่ขึ้นไป
อันดับที่ 476 อันซย่าซย่า
เมื่อเห็นบรรทัดนั้นแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์มือถืออย่างไม่แยแสอะไร
แต่อย่างไรก็ตาม มุมปากของเขากลับมีรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้