“…การเปลี่ยนแปลงของพลังงานธรรมชาติ นอกจากจะทำให้ศิลปการต่อสู้ พัฒนาสู่จุดสูงสุดเหนือกฏของการวิวัฒนาการ… ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีต่างๆ ก็เริ่มก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเทคโนโลยีโลกเสมือน ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาตร์ของมวลมนุษย์…”
เสียงราบเรียบราวกับท่องตำราดังขึ้น ทำให้จิวโมไป๋ลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสน เมื่อลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือ ห้องเรียนที่เขาเคยเรียนเมื่อตอนอยู่มหาวิทยาลัยเทียนซู ปี 1
เขาชะงักครู่หนึ่งด้วยความสับสน เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เมื่อครู่เขาพึ่งจะวาดข่ายอาคมข่มมังกรและข่ายอาคมกักนภา สำเร็จและใช้ วิชาหลอมดาราโลหิตคลั่ง ทำลายล้างทุกคนยกเว้นพี่สาม
แล้วตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
เขากวาดตามองสำรวจ ห้องเรียนขนาดกลางมีที่นั่ง 1,000 ที่นั่ง มีชายหญิงวัยรุ่นอายุประมาณ 18-19 ปี จำนวนแค่ 30 คน ส่วนมากกำลังนอนหลับ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่นั่งฟัง แต่สีหน้าของพวกเขานั้นแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายพอๆ กับอาจารย์วัยกลางคนหน้าเวทีบรรยาย ที่เขากำลังก้มหน้าอ่านหนังสือเสียงดัง เพื่อทำให้ให้นักศึกษาได้เข้าใจเนื้อหา?
“เป็นไปไม่ได้…”จิวโมไป๋ตกตะลึง เขาหยิกต้นขาตัวเองอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บแปลบ ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย
ไม่ใช้ความฝัน
ผ่านไปครู่ใหญ่จิวโมไป๋ก็ตั้งสติได้ นี่หรือว่าจะเป็นการเกิดใหม่ เขาไม่คิดว่าตัวเองฝัน เพราะถ้าเป็นความฝันจริงๆ มันคงเป็นความฝันที่ยาวนานกว่า 90 ปี และเป็นความฝันที่ตราตึงลึกลงไปในวิญญาณ
สมองที่สับสนงุนงง เริ่มได้สติ เขามองอาจารย์วัยกลางคนที่มานั่งอ่านหนังสือเล่นๆ มากกว่าบรรยายเสริมสร้างความรู้แก่นักเรียน เขายกมือขึ้น กำไลสีเงินสภาพเก่ากระพริบแสงเบาๆ แผ่นหน้าจอโฮโลแกรมโปร่งใสปรากฏขึ้นกลางอากาศ จิวโมไป๋ตรวจสอบเวลาเป็นอันดับแรก
วันที่ 28 เดือน 8 รุ่งอรุณที่ 8
“ถึงจะไม่รู้ว่าฉันย้อนเวลากลับมาได้ยังไง แต่ก็ขอบคุณที่ส่งกลับมาในเวลานี้”จิวโมไป๋ พูดพึมพำเสียงเบา มุมปากกระตุกยิ้มเย็นชา ถ้ามีใครเห็นจะต้องรู้สึกหนาวลึกจนถึงขั้วหัวใจ
เขาหลับตาลงแล้วเพ่งสมาธิ พริบตาเดียวเขาก็เข้ามองเห็นทะเลปราณที่ตอนนี้แห้งขอด เหนือทะเลปราณมืดสนิทไร้แสงใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อเพ่งมองดีๆแล้วจะเห็นว่า มีเศษซากชิ้นส่วนของอะไรบางอย่างลอยอยู่
มันเป็นช่วงเวลานี้จริงๆ
จิวโมไป๋เปิดตาขึ้นมา แล้วก็กดลงไปที่กำไลข้อมือ เข้าสู่ฟอรั่มการดานข่าวสารพูดคุยของผู้บ่มเพาะพลัง ภายในมีหัวข้อข่าวสายมากมายให้พูดคุย และหัวข้อที่มีคนพูดถึงที่สุดจะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับเหตุการลึกลับแปลกประหลาด ที่ปรากฏขึ้นบนโลก
ในหน้าการพูดคุย มีหลายข่าวที่เขาในชาติที่แล้วไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่เคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง และบางข่าวเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน ในอดีตเขาไม่ค่อยสนใจมันมากนัก ในภายหลังเขารู้ดีถึงความสำคัญของข่าวสาร…
เมื่อวันที่ 1 มกราคม ปี 2056 อยู่ๆโลกทั้งใบก็ตกอยู่ภายใต้ความมืดมิด โดยไม่ทราบสาเหตุ ในช่วงเวลานั้นโลกตกอยู่ในสถานะการณ์ที่สับสนวุ่นวาย ผู้คนต่างหวาดกลัว ว่าวันสิ้นโลกได้มาถึง นักวิทยาศาสตร์ทุกสาขาวิชาทั่วโลกต่างจับมือกันหาสาเหตุ แต่ก็ไม่พออะไรผิดปกติ
จนเวลาผ่านไป 1 เดือน ความมืดที่ปกคลุมทั่วโลกก็หายไป ราวกับว่าไม่เคยมีอยู่มาก่อน และในตอนนั้นเองเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นกับมนุษย์แทบทุกคนบนโลก
มนุษย์ที่มีอายุมากกว่า 15 ปี ต่างก็จะมี ตำหนักยุทธ ปรากฏขึ้นในจิตวิญญาณภายในร่างกาย
ช่วงแรกที่ผู้คนต่างเริ่มสัมผัสถึงตำหนักยุทธในร่างกาย พวกเขาต่างก็หวาดกลัวเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั้งมีผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาเหนือธรรมชาติ จากทั่วโลกเปิดเผยว่า ตำหนักยุทธ คือสิ่งที่จะช่วยให้มนุษย์สามารถบ่มเพาะพลังได้
แค่พวกเขาท่องตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะ ไม่ว่าใครก็สามารถกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังได้ ต่อให้เป็นคนที่ไร้พรสวรรค์ที่สุด ขอแค่มีเคล็ดบ่มเพาะ พวกเขาก็สามารถฝึกเคล็ดบ่มเพาะจนผ่านขั้นแรกได้
ในประเทศมังกร มีเคล็ดบ่มเพาะพลังหลักๆอยู่ 2 ประเภทคือ เคล็ดบ่มเพาะลมปราณภายใน และเคล็ดบ่มเพาะร่างกายภายนอก
เมื่อบ่มเพาะตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลัง ภายในตำหนักยุทธจะปรากฏสัญลักษณ์ของเคล็ดบ่มเพาะที่ฝึก มันจะช่วยให้ผู้บ่มเพาะเข้าใจเคล็กบ่มเพาะของคนเองได้ง่ายขึ้น ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูงขึ้น สัญลักษณ์ในตำหนักยุทธจะยิ่งชัดเจนทรงพลัง มันจะช่วยให้ผู้บ่มเพาะหลอมรวมพลังงานในร่างเพื่อเสริมสร้างร่างกาย เพื่อทะลวงผ่านขีดจำกัดของร่างกาย ทำให้ร่างกายของผู้บ่มเพาะพลังแข็งแกร่งทรงพลังเหนือมนุษย์
มนุษย์ทุกคนจะมีเพียง 1 ตำหนักยุทธเท่านั้น และ ภายในตำหนักยุทธ 1 แห่งสามารถบ่มเพาะได้เพียงเคล็ดบ่มเพาะพลัง 1 วิชาเท่านั้น ไม่สามารถฝึกเคล็ดบ่มเพาะพลังอื่นได้อีก นอกจากจะทำลายตำหนักยุทธอย่างสมบูรณ์ เพื่อฝึกเคล็ดบ่มเพาะพลังใหม่
ตำหนักยุทธ นอกจากจะทำให้บ่มเพาะได้ง่ายและบ่มเพาะได้เร็วขึ้น ตำหนักยุทธยังมีข้อดีที่สำคัญที่สุดคือ สามารถพัฒนาเคล็ดบ่มเพาะในตำหนักยุทธให้แข็งแกร่งขึ้นได้ ทำให้ผู้บ่มเพาะไม่ต้องกลัว ว่าเคล็ดบ่มเพาะที่ตนฝึกจะอ่อนแอตลอดไป
หลังจากที่รู้ว่าตำหนักยุทธภายในร่างกาย ทำให้มนุษย์สามารถบ่มเพาะได้แล้ว ทั่วโลกต่างก็เริ่มเสาะหาเคล็ดบ่มเพาะที่ทรงพลัง เพื่อฝึกฝน สำนักศิลปะการต่อสู้ที่ปกติจะปิดตัวอยู่ในป่าเขาอย่างสันโดษจากโลกภายนอก ต่างก็เปิดรับสมัครศิษย์ที่มีความสามารถเข้าสำนัก พวกเขาเรียกตัวเองว่า สำนักดั้งเดิม
และมีผู้คนไม่น้อยที่ศึกษาค้นคว้าจนสามารถสร้างเคล็ดบ่มเพาะของตัวเอง และสร้างสำนักขึ้นมา พวกเขาเรียกตัวเองว่า สำนักยุทธ
จนเวลาผ่านไปแค่เพียงไม่กี่เดือน โลกได้กลายเป็นโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง โลกแห่งความแข็งแกร่ง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า พลังงานธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลัง เพิ่มความหนาแน่นขึ้นทุกๆวัน มันทำให้โลกได้ก้าวผ่านเข้าไปสู่ยุคสมัยใหม่อย่างแท้จริง
คนทั่วทั้งโลกต่างลงความเห็นให้เปลี่ยนคำเรียกยุคสมัยขึ้นใหม่ เป็น ยุครุ่งอรุณ เพราะโลกได้ก้าวผ่านยุคสมัยของมนุษย์สามัญ เข้าสู่รุ่งอรุณแห่งความแข็งแกร่งของการวิวัฒนาการ