ก่อนหน้านั้น
“หลิวอิง พวกเราเปลี่ยนร้านกันเถอะ”เหยาติงติงดึงแขนเพื่อนสาวของเธอทันที เมื่อเห็นชายหัวล้านคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะห่างออกไปไม่ไกล
เพื่อนสาวหันไปมองตามเห็นชายหัวล้านเธอก็ชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม
“ติงติง เธอจะกลัวอะไร พี่ชายของเธอเป็นผู้บ่มเพาะขั้นที่ 3 ปลายแล้ว เขาอยู่ในหมู่ผู้นำนักศึกษาของมหาวิทยาลัย แม้ว่าจะเป็นคนของกลุ่มเลือดมังกร ก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก”
ชูหลิวอิงไม่ลดเสียงเลยสักนิดทำให้ชายหัวล้านได้ยิน เขาเงยหน้ามองมาทางต้นเสียง โดยไม่ต้องพูดอะไร ลูกน้องทั้งสี่ที่กำลังนั่งกินอาหารอยู่วางของในมือลงแล้วผุดลุกขึ้นยืน
บรรยากาศในร้านตึงเครียดทันที คนที่อยู่โต๊ะข้างๆหันมามองด้วยความตกใจ
ชูหลิวอิงเห็นท่าทางของอีกฝ่าย เธอก็ถอยไปหลบด้านหลังของเพื่อนสาว แต่ยังไม่วายพูดขู่
“พวกแกจะทำอะไร เพื่อนของฉันเป็นน้องสาวของเหยาติงหลง อัฉริยะปี 3 ของมหาวิทยาลัย ถ้านายทำอะไรพวกเรานายไม่ตายดีแน่”
“หลิวอิง!”เหยาติงติงร้องหยุดเพื่อนสาวที่เหมือนจะพูดใส่ไฟ ให้อีกฝ่ายไม่พอใจพวกเธอมากขึ้นไปอีก
ชายหัวล้านกงหนาน ยืนขึ้นมองเหยาติงติง ด้วยแววตาเป็นประกาย ปากฉีกยิ้มก่อนพูดขึ้น
“เธอคือน้องสาวของรุ่นพี่เหยาติงหลงหรอกเหรอ หึหึ ฉันได้ยินว่าพี่ชายของเธอกำลังสร้างกลุ่มอยู่ใช่ไหม แต่อย่าคิดว่าพี่ชายของเธอจะช่วยเธอได้เลย เพราะอีกไม่นานกลุ่มของพี่ชายเธอ ก็จะถูกกลุ่มเลือดมังกรของพวกเรายึดครอง”กงหนานค่อยๆเดินมาอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาเริ่มแสดงความหื่นกระหายมากขึ้น
“ไหนๆก็มาแล้ว มาดื่มกับพวกเราหน่อยเป็นยังไง ถ้าทำให้ฉันพอใจได้ ฉันจะพูดให้นายน้อยฟัง เพื่อให้เขายอมปล่อยพี่ชายของเธอไปดีๆโดยไม่ต้องเจ็บตัว”
เหยาติงติงยืนตัวตรง เก็บสีหน้าไม่เปิดเผยความหลาดกลัวให้อีกฝ่ายเห็น เธอผลักเพื่อนของเธอให้ถอยไปด้านหลัง โดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนสาวของเธอส่งสายตาให้กงหนาน ก่อนจะทำเป็นกลัวแอบหลบไปไกล
“จะต่อสู้เหรอ?”กงหนานฉีกยิ้ม อย่างไม่เกรงกลัว เขาค่อยๆย่างเท้าเข้าหาหญิงสาวอย่างช้าๆ เขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อปลาย เขามีความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างมาก ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อกลางจะทำอะไรเขาได้
เหยาติงติงสูดหายใจเข้าช้า เธอตักสินใจบุกเข้าไปก่อน โดยไม่รอช้าเธอพุ่งเข้าหากงหนานอย่างรวดเร็ว กงหนานยิ้มไม่สนใจ เหยาติงติงเห็นดังนั้น เธอจึงอาศัยความยืคหยุดที่สูงของเธอหมุนตัวด้วยความเร็วสูง เตะตวัดใส่ใบหน้าของกงหนานอย่างแรง กงหนานหัวเราะดูถูก เขาไม่คิดที่จะหลบแม้แต่น้อย เขายกมือซ้ายข้างเดียวขึ้นมากัน
ผัวะ แต่แรงเตะอันรุนแรงกระแทกผ้ามืออย่างแรง กงหนานที่ประมาทไม่ได้ยืนทรงตัวดีนัก เสียหลัก เอียงตัวไปชนที่โต๊ะข้างๆจนล้มลง
เพล้ง!
“แก!”กงหนานโกรธเพราะเสียหน้า เมื่อทรงตัวได้เขาพุ่งเข้าหาทันที โดยไม่ยังคิด
เหยาติงติงที่รู้ตัวว่าไม่สามารถล้มอีกฝ่ายได้ เธอพยายามจะถอยหลบ แต่เพราะระดับการบ่มเพาะพลังของเธอน้อยกว่าอีกฝ่าย ทำให้เธอหลบไม่พ้น กงหนานฟาดฝามือใส่ใบหน้าของเหยาติงติงอย่างรุนแรง
แต่ในขณะที่ฝามือจะกระทบใบหน้าของเหยาติงติง ได้มีมืออันแข็งแกร่งรับฝามือนั้นได้ก่อน
“แก… ไอ้อ้วน…”ชายหัวล้านแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดสบถอย่างเกลี้ยวกลาด
หวังเสี่ยวเปาไม่พูดอะไรเลย เขาชกหมัดหนักๆเข้าใส่เต็มอกของชายหัวล้านจนกระเด็นไปไกล ชนเข้ากับโต๊ะจนหักพังจานอาหารและแก้วน้ำเศษบนโต๊ะแตกกระจายหกใส่ทั่วร่างของกงหนาน
“ลูกพี่กงหนาน”ลูกน้องทั้งสี่ร้องออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะมีคนหัวไว พุ่งเข้าไปดูอาการของกงหนานเป็นคนแรก ปล่อยให้อีกสามคนต้องยืนรับหน้าหวังเสี่ยวเปา
ลูกน้องที่อยู่หลังสุดหน้าซีดเล็กน้อย เพราะพวกเขาอ่อนแอกว่ากงหนานทุกคน อีกฝ่ายสามารถชกกงหนานจนบาดเจ็บในหมัดเดียวได้ แสดงว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา แต่เพราะขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก ทางเดียวที่เลือกได้คือสู้ตาย!
“มันมีคนเดียวพวกเราเข้าไปพร้อมกัน”เมื่อพูดจบชายคนนั้นก็หยิบขาโต๊ะไม้ที่หักขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปคนแรก
ลูกน้องอีกสองคนก็สูดหายใจเรียกกำลังใจ ก่อนจะเข้าตามหลังไป
หวังเสี่ยวเปาหันมามองหญิงสาวเล็กน้อยก่อนจะพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลบไปด้านหลังก่อน”
ไม่รอให้หญิงสาวได้ตอบหวังเสี่ยวเปาก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว ไม่สมกับร่างกายที่อ้วนท้วม พริบตาเดียวเขาก็มาถึงชายถือไม้ มือขวาของหวังเสี่ยวเปาโบกปัดเบาๆ ร่างของอีกฝ่ายหมุนกระเด็นเป็นวงกลมออกไปไกลราวลูกบอล ไม่รอให้อีกสองคนได้ตั้งตัว หวังเสี่ยวเปาใช้วิธีเดียวจัดการทั้งสองอย่างง่ายดาย
เมื่อจัดการทั้งสาม หวังเสี่ยวเปาก็เดินไปหากงหนานที่ถูกลูกน้องพยุงตัวขึ้น
“ออกไป”หวังเสี่ยวเปาพูดออกมาอย่างแผ่วเบา แต่ทำให้กงหนานสั่นไปทั้งตัว เขาเก็บความโกรธลง โดยไม่พูดอะไรเขารีบเดินจากไปทันที
ลูกน้องอีกสามคนที่ถูกโยนกระเด็นออกไป ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพสะบักสะบอม เพราะถูกโยนเป็นลูกบอลทำให้ร่างของพวกเขากระแทกลงพื้นพร้อมหมุนกลิ้งไปอีกหลายตลบ แม้กระดูกจะไม่หักแต่ก็ปวดราวไปทั้งตัว พวกเขารีบเดินกระเพลกตามลูกพี่ไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งหมดออกไปหวังเสี่ยวเปาหันมาหาเหยาติงติงที่ยื่นมองเขาด้วยตากลมโต จนเขาเขินอายเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
“ที่นี่ไม่ปลอดภัย รีบกลับเข้ามหาวิทยาลัยก่อน เดี่ยวพวกมันตามคนมาจะอันตราย”
เหยาติงติงมองหวังเสี่ยวเปา แต่เหมือนเธอจะนึกอะไรออก เธอหันกลับไปมองหาเพื่อนสาวแต่ก็ไม่พบ สุดท้ายเธอก็หันกับมาแล้วพูด
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ถ้าไม่ใช้นายฉันแย่แน่”พูดจบหญิงสาวก้มหัวขอบคุณ ทำเอาหวังเสี่ยวเปาใจเต้นระรัว
“ฉันเหยาติงติงปี 1 คณะภาษาศาสตร์ นายคือ?”เหนาติงติงถาม
“ผมหวังเสี่ยวเปาปี 1 คณะภาษาศาสตร์ เหมือนคุณ แต่ผมเรียนสาขาภาษาโบราณ”หวังเสี่ยวเปาพูดแผ่วเบาพยายามเก็บอาการ
“เรียนคณะเดียวกันเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายเลย”เหยาติงติงพูดด้วยความสงสัย
หวังเสี่ยวเปาเกาหัวไม่ตอบ
ในตอนนั้นเองพวกจิวโมไป๋ที่ยืนดูอยู่วงนอกก็เดินเข้ามา
“พวกเรารีบออกไปกันก่อน ถ้ายังอยู่ที่นี่พวกมันอาจจะกลับมา”
เหยาติงติงมองจิวโมไป๋อย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น จิวโมไป๋ยิ้มให้เล็กน้อย
หวังเสี่ยวเปาพยักหน้ารับหันมามองเหยาติงติง “งั้นกลับไปพร้อมกันเถอะ ยังไงเราก็กลับมหาวิทยาลัยด้วยกัน”
เหยาติงติงพยักหน้ารับ
อูเหวินและเฉินหูเดินมาตบไหล่หวังเสี่ยวเปาเบาๆ แววตาเป็นประกายหยอกล้อ หวังเสี่ยวเปาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หันหน้ามองไปทางอื่น จิวโมไป๋เดินไปจ่ายเงินพร้อมค่าเสียหายทั้งหมดก่อนจะพากันเดินออกจากร้านอย่างรวดเร็ว
เจ้าของร้านเมื่อได้เงินชดเชยเขาก็โทรไปบอกตำรวจไม่ต้องมา ก่อนจะสั่งพนักงานเก็บร้าน
—
คฤหาสน์แห่งหนึ่ง
“นายน้อยสายข่าวของเราส่งข้อความมาว่าจิวโมไป๋กลับมาที่เมืองแล้ว”ชายในชุดพ่อบ้านก้มหัวพูดด้านหน้าของเซียวหนานจิ้น ที่กำลังนั่งจิบไวน์แดงอย่างช้าๆที่โต๊ะทำงาน
เซียวหนานจิ้นขมวคคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบเฉยแฝงด้วยความเย็นชา
“คนของเราที่หายไปยังตรวจสอบไม่ได้?”
“ข้อความสุดท้ายที่ส่งมาคือพวกเขาติดตามจิวโมไป๋ไปที่หมู่บ้านใบไม้ร่วง จากนั้นก็ขาดการติดต่อไปทันที แต่ที่น่าแปลกคือสัญญาณระบุตำแหน่งหายไป แต่สัญญาณชีวิตยังคงอยู่และสภาพร่างกายของพวกเขายังคงสมบูรณ์ ไม่เหมือนถูกจับกุมตัว จนกระทั้งเมื่อครึ่งเดือนก่อนสัญญาณชีพของพวกเขาทั้งหมดหายไป”ชายในชุดพ่อบ้านตอบ โดยไม่กลัวบรรยากาศที่ค่อยๆเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ
“ไร้ประโยชน์จริงๆ”เซียวหนานจิ้นหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ยกเลิกการติดตามครอบครัวของจิวโมไป๋ แล้วเริ่มใช้แผนB”
“ครับนายน้อย”พูดจบพ่อบ้านก็เดินไปหยิบผ้าเช็ดมือออกมาจากชั้นวางด้านข้างห้อง นำมาวางบนด้านซ้ายของโต๊ะทำงานเบื้องหน้าของเซียวหนานจิ้น ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตูอย่างแผ่วเบา
เพล้งงง!
เซียวหนานจิ้นบีบแก้วไวน์แดงแตกกระจายเป็นชิ้นๆ มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดมือขึ้นมาบรรจงเช็ดทำความสะอาดมือที่บีบแก้วอย่างช้าๆ
“เป็นแค่คนตัวเล็กๆแท้ๆ แต่กับทำให้ฉันคนนี้เสียเวลาได้นานขนาดนี้ ทางเดินไปดีๆไม่ไป แต่เลือกมาขวางทางฉันคนนี้…”