“เชิญๆ”ชายวัยกลางคนเชิญจิวโมไป๋ให้นั่งที่โต๊ะรับรอง จิวโมไป๋พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลง
ชายวัยกลางคนลอบสำรวจจิวโมไป๋เงียบๆ แม้เสื้อผ้าจะราคาไม่แพง แต่ก็เขากับรูปร่างและหน้าตาเป็นอย่างดี ท่าทางสุภาพสำรวม แต่แววตามีพลัง
ไม่ใช้ชายหนุ่มธรรมดา
ชายวัยกลางคนสรุปในใจ
“เธอจะซื้อบริษัทใช้ไหม”ชายวัยกลางคนถามอย่างไม่อ้อมค้อม เขาอยากจะโยนเผือกร้อนออกไปโดยเร็ว แต่ไม่มีใครซื้อ เพราะเทคโนโลยี่โลกเสมือนยังอยู่ในยุคฟักตัว ยังไม่เติบโตเต็มที ทำให้บริษัทได้แต่พัฒนาเทคโนโลยี่แต่ไม่สามารถขายสินค้าได้ ที่บริษัทอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะค่าเช่าสิทธิบัตร
คนที่รู้ว่าบริษัทเป็นหลุมดำไร้ก้นไม่สามารถสร้างกำไรได้ ต่างก็ส่ายหน้าหนีกันทั้งนั้น ชายวัยกลางคนคิดว่าจิวโมไป๋ เป็นชายหนุ่มที่อยากรู้อยากเห็น
“ผมตรวจสอบราคาหุ้น 100% ที่คุณถืออยู่ คือ 2.45 หมื่นล้านเครดิต ถ้าคุณต้องการที่จะขาย เราทำสัญญากันได้เลย”จิวโมไป๋ก็ไม่เสียเวลาอ้อมค้อมเขาเสนอซื้อโดยตรง ไม่พูดต่อรองเพื่อลดราคาหุ้น
ชายวัยกลางคนระงับความตื่นเต้นมองจิวโมไป๋ด้วยความสงสัย แต่ไม่ถามอะไร เขากดกำไลข้อมือเบาๆ ไม่นานก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาจากประตูทางเข้าอีกด้านหนึ่ง
ทันทีที่เห็นหญิงสาว หนิงหานเป๋ยแสดงสีหน้าตกใจออกมา หญิงสาวก็ตกใจเช่นกัน แต่เพียงไม่นาน เธอก็เก็บสีหน้าอย่างรวดเร็ว
“รู้จักกันเหรอ”จิวโมไป๋ถามหนิงหานเป๋ย
“เราเรียนมหาวิทยาลัยรุ่นเดียวกัน”หนิงหานเป๋ยก้มหน้าอายเล็กน้อย เพราะเขาแสดงออกมากเกินไป
“ฮ่าๆ คุณเรียนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 เหมือนกันเหรอ คุณหลิวมี่เอิน เธอเป็นผู้ช่วยของฉันมา 1 ปี เธอทำให้บริษัทของเราประคับประคองอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่มีเธอบริษัทเราคงต้องปิดตัวลงไปแล้ว”ชายวัยกลางคนถอนหายใจด้วยความเศร้า แต่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“คุณหลิวมี่เอิน ให้เขาดูเอกสารสัญญา”
หลิวมี่เอินยื่นหนังสือสัญญามาที่จิวโมไป๋ เขารับมาอ่านอย่างรอบครอบ ไม่มีช่องโหว่ในเอกสาร แสดงให้เห็นว่าชายวัยกลางคนต้องการขายจริงๆ จิวโมไป๋จึงเซ็นชื่อลงไปทันที
ชายวันกลางคนรับหนังสือสัญญามาเซ็น ก่อนที่เขาจะเปิดกำไลข้อมือแสกนหนังสือสัญญา ในตอนนั้นเองภาพโฮโลแกรมหนังสือสัญญาก็ลอยขึ้นมา เขาเซ็นชื่อซ้ำอีกครั้ง กำไลของจิวโมไป๋ดังขึ้น จิวโมไป๋เปิดกำไลภาพโฮโลแกรมหนังสือสัญญาปรากฏขึ้นจิวโมไป๋เซ็นทันที เงินในบัญชีของเขาหายไป 2.45 หมื่นล้านเครดิต
เมื่อเสร็จแล้วใบหน้าของชายวัยกลางคนเหมือนได้ปลดปล่อยภาระที่หนักอึ้งออกไป ใบหน้าระบายยิ้ม แต่แววตาเศร้า
“ช่วยพัฒนาบริษัทนี้ให้ก้าวหน้าด้วยนะ”ชายวัยกลางคนพูดจบเขาก็จากไป โดยไม่เหลียวกับ
“ที่จริงแล้วท่านประธานรักบริษัทนี่มาก”หลิวมี่เอินมองด้านหลังชายวัยกลางคน ก่อนหันมายิ้มให้จิวโมไป๋และหนิงหานเป๋ย
“ช่วยพาผมไปดูข้อมูลการเงินและแผนงานของบริษัทได้ไหม”จิวโมไป๋ถาม
“ตอนนี้คุณเป็นเจ้าของบริษัทแล้ว ข้อมูลทุกอย่างคุณสามารถดูได้”หลิวมี่เอินกดกำไลข้อมือไม่กี่ครั้ง กำไลข้อมือของเขาก็ดังขึ้น
เขาเปิดโฮโลแกรมอ่านข้อมูลทุกอย่างโดยเฉพาะสิทธิบัตร จิวโมไป๋พยักหน้าเล็กน้อยก่อน กดทะเบียนบริษัทแล้วลงชื่อหนิงหานเป๋ยที่ตำแหน่งผู้อำนายการฝ่ายเทคนิค
จากนั้นเขาก็ส่งข้อมูลสิทธิบัตรให้หนิงหานเป๋ย
“พี่หนิง พี่ศึกษาข้อมูลไปก่อน ผมจะพูดเรื่องงานกับคุณหลิวก่อน”จิวโมไป๋พูด หนิงหานเป๋ยพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งอีกที่หนึ่ง ใบหน้าเขาของเขาดูสิทธิบัตรด้วยความตื่นเต้น
หลิวมี่เอินยิ้มเล็กน้อย แต่จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจากหญิงสาว
“คุณเป็นผู้ช่วยมา 1 ปี น่าจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับบริษัทดี ผมขอแต่งตั้งคุณให้ดำรงตำแหน่งCEO คุณสนใจจะรับตำแหน่งไหม”จิวโมไป๋เสนอตำแหน่งให้หลิวมี่เอินทันที
เพราะเขารู้ว่าในอนาคต หลิวมี่เอินจะเป็นผู้บริหารเหรียญทอง ที่ทำให้บริษัททำกำไรมหาศาล จากความทรงจำหลิวมี่เอินก็เป็น CEO บริษัทเชอรี่ หลังจากที่หนิงหานเป๋ยซื้อบริษัท ทั้งสองช่วยกันพัฒนาจนบริษัทกลายเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ในระดับหลายมิติ
ความสำเร็จของผู้สร้างหนิงหานเป๋ย ต้องบอกว่าเครดิตของหลิวมี่เอิน เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
ไม่แปลกที่เขาจะให้ตำแหน่งCEO แก่หลิวมี่เอิน
หลิวมี่เอินลังเลไม่ตอบรับ
จิวโมไป๋จึงพูดขึ้น“จากที่ผมได้ยินคุณได้ช่วยให้บริษัทได้รอดพ้นวิกฤตมาได้ 1 ปี มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของคุณแล้ว และที่สำคัญคุณเป็นเพื่อนกับพี่หนิง ทำให้ผมสามารถไว้ใจคุณได้”
หลิวมี่เอินเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับ
“ขอบคุณ ที่เห็นความสามารถของฉัน”
จิวโมไป๋ยิ้มก่อนที่เขาและหลิวมี่เอินจะประชุมเล็กๆเกี่ยวกับบริษัท จิวโมไป๋จ่ายเงินชำระหนี้ทั้งหมดทันที เขาไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อยเพราะเป็นเงินของตระกูลเซียว
เมื่อวิกฤตการเงินหมดลง
จิวโมไป๋ก็ขอให้หลิวมี่เอินจัดการบริษัทให้เรียบร้อย เขาจะจัดประชุมครั้งสำคัญในอีก 2 วัน
“พาพวกเราไปที่ฝ่ายเทคโนโลยี่ที”จิวโมไป๋จะพาหนิงหานเป๋ยไปควบคุมฝ่ายเทคนิค
หลิวมี่เอินพยักหน้า ก่อนจะนำพวกเขาไปที่ชั้น 4
ภายในชั้น 4 พนักงานกว่า 30 ชีวิตกำลังเขียนโปรแกรมด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย บรรยากาศการทำงานติดลบอย่างมาก
หลิวมี่เอินกระแอมเบาๆ
“ผู้ช่วยหลิว”พนักงานคนหนึ่งสะดุ้งตกใจหันมา คนอื่นๆก็หันตาม
หลิวมี่เอินไม่สนใจท่าทางของพวกเขาเธอชี้ไปที่จิวโมไป๋
“นี่คือประธานคนใหม่ และ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคคนใหม่”
พนักงานพยักหน้าเบาๆไม่สนใจเท่าไหร่นัก
จิวโมไป๋ยิ้มออกมาแล้วถามหลิวมี่เอิน
“ใครเป็นผู้อำนวยการคนปัจจุบันของฝ่ายนี้”
หลิวมี่เอินส่ายหน้า“ไม่มี เพราะผู้อำนวยการลาออก ทำให้การพัฒนาหยุดชะงักลง พนักงานที่เหลือไร้หลักให้ชี้นำเลยกลายเป็นแบบนี้ ก่อนหน้านี้เราได้หาผู้อำนวยการคนอื่นแล้วแต่ไม่มีใครเหมาะสมเลย”จบคำเธอมองหนิงหายเป๋ย
หนิงหานเป๋ยอายเล็กน้อยแต่เขามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น จิวโมไป๋หันมาถามอีก
“ห้องผู้อำนวยการอยู่ตรงไหน?”
หลิวมี่เอินชี้ไปที่ห้องกระจกใสไม่ไกล หนิงหานเป๋ยได้ฟังก็เดินตรงไปทันที จิวโมไป๋ไม่ห้าม เขาปล่อยให้หนิงหายเป๋ยได้คุ้นเคยกับที่นี่ก่อน
สำหรับขวัญกำลังใจของพนักงาน รออีก 2 วัน เขามีวิธีเพิ่มความกระตือรือร้น
จิวโมไป๋ไม่สนใจพนักงานเขาเดินไปดูรอบๆห้อง ก่อนเดินเข้าห้องผู้อำนวยการ โดยมีหลิวมี่เอินเดินตามไม่ห่าง
หนิงหานเป๋ยกำลังอ่านเอกสารอย่างตั้งใจ จิวโมไป๋ก็ไม่ขัด เขากลับไปที่ชั้น 6 และพูดคุยแผนงานต่างๆ
จนถึงเที่ยงวันจิวโมไป๋และหลิวมี่เอิน ลงไปกินอาหารที่ชั้น 2 เมื่อเสร็จแล้วเขาและหลิวมี่เอินพร้อมทนายประจำบริษัท ไปที่สำนักงานซื้อขายทรัพยสิทธิ เพื่อยืนยันการทำสัญญาซื้อขายบริษัทใช้เวลาแค่ 30 นาทีทุกอย่างก็เสร็จ ก่อนจะแยกกัน เขาใส่เงิน2,000 ล้านเครดิตเข้าบัญชีบริษัท…