ชายชุดคลุมสีเขียวเข้ม ที่กำลังปีนขึ้นมาบนหน้าผา เห็นร่างในชุดคลุมสีม่วงพุ่งเข้าหา เขาชะงักตกใจ ตัวเขากำลังขึ้นหน้าผาทำให้ไม่มีที่ยึดเกาะให้มั่นคง ชายชุดเขียวเข้มได้แต่จำใจใช้มือเกาะขอบหน้าผา เหวี่ยงตัวขึ้นเตะใส่ชายชุดคลุมสีม่วงให้หยุดไม่ตกหน้าผา แต่มันทำให้ตัวเลาลอยกลับไปด้านหลัง
ในเวลาเดียวกันหลิวยี่อิงก็ปีนตามขึ้นมา เธอเห็นชายชุดคลุมสีเขียวเข้มกำลังเสียหลักตกลงมา เธอใช้มือข้างขวาผลักร่างของชายชุดคลุมสีเขียวเข้ม กลับขึ้นไปบนหน้าผา
ชายชุดคลุมสีม่วงที่โดนเตะตกลงบนพื้น เขายันลุกขึ้นมา มองชายชุดคลุมสีเขียวเข้มอย่างดุร้าย แล้วฟันดาบเขาใส่ โดยไม่สนว่าเป็นพวกเดียวกัน
ชายชุดคลุมสีเขียวเข้มที่ถูกผลักกลับมาเห็น เห็นคมดาบพุ่งเข้าใส่ เขาสาปแช่งในใจ ใช้มือที่สวมถุงมือเหล็กรับคมดาบ
เป้ง! เสียงฟันดาบลงกระแทกถุงมือเหล็กเสียงดัง ชายชุดคลุมสีเขียวเข้ม แปลกใจเล็กน้อย เพราะพลังในการฟันมันเบามาก ราวกลับไม่มีแรงเหลืออยู่
ชายชุดคลุมสีเขียวเข้มเปลี่ยนเป็นคว้าจับดาบและเหวี่ยงไปด้านข้าง พร้อมปีนขึ้นหน้าผาได้สำเร็จ เขาพุ่งเข้าไปชกท้องชายชุดคลุมสีม่วงอย่างแรง
“อัก…แก…”ชายชุดคลุมสีม่วงทรุดลงอย่างเจ็บปวด ไอออกมาเป็นเลือด เขาโดดชกที่ชุดเดิมถึงสองครั้งติดๆกัน ทำให้กระดูกตรงส่วนนั้นร้าว
หลิวยี่อิงขึ้นมาบนหน้าผา หันหน้ามองชายชุดคลุมสีม่วงและขมวดคิ้ว ก่อนหันไปเห็นจิวโมไป๋ที่ถือพลองผ่านฟ้าอยู่ไม่ไกลนัก เธอก็แปลกใจปนสงสัย เพราะเธอรู้ระดับการบ่มเพาะของจิวโมไป๋อยู่ที่ขั้นที่ 2 ต้น แต่เขากลับสามารถเอาชนะฟงอี้เฟย อัจฉริยะรุ่นใหม่ของหน่วยลับ ระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ขั้นที่ 4 ปลายได้ โดยไม่มีการบาดเจ็บ ความแข็งแกร่งของจิวโมไป๋ไม่สามารถคาดเดาได้
หลิวยี่อิงระมัดระวังตัวมากขึ้น
“พวกแกเป็นใคร? ทำไมเข้ามาในพื้นที่ของฉัน”จิวโมไป๋รีบพูดป้องกันตัวเองทันที“หรือว่าเป็นพวกเดียวกับคนที่ดักฆ่าฉัน เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน”
“ใจเย็นๆ เราไม่ได้มาทำอะไร เราได้รับคำสั่งให้มาคุ้มครองนาย”หลิวยี่อิงอธิบายอย่างใจเย็น
“คุ้มครอง? ใครส่งพวกคุณมา”จิวโมไป๋แกล้งแสดงสีหน้าสงสัย
“คนที่นายติดต่อไปให้มาตรวจสอบ กลุ่มคนที่ดักฆ่านาย เขาส่งพวกเรามา”หลิวยี่อิงไม่พูดรายละเอียดมากนัก
แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ
“เจ้าคนชั้นต่ำ แกตาย!”ชายชุดคลุมสีม่วงลุกขึ้นมาร้องเสียงดัง เขาฟันไปที่ชายชุดคลุมสีเขียวเข้มอย่างโกรธจัด แต่ก็ชายชุดคลุมสีเขียวเข้มก็ไหวตัวทัน เขาหลบคมดาบและชกจนชายชุดคลุมสีม่วงล้มลงไป
“นี้มาคุ้มครองหรือมาฆ่าฉันกันแน่”จิวโมไป๋พูดด้วยท่าทางจริงจัง พร้อมยกพลองผ่านฟ้าขึ้นมาตั้งท่าต่อสู้
หลิวยี่อิงขมวดคิ้ว หันไปทางชายชุดคลุมสีเขียวเข้ม
“พาไปสงบสติก่อน ที่นี่ฉันจะดูแลเอง”
“ได้”ชายชุดคลุมสีเขียวเข้มตอบรับทันที เขามองชายชุดคลุมสีม่วงด้วยแววตาเป็นประกาย เขาจับแขนชายชุดคลุมสีม่วงกระโดดลงหน้าผาไป
เหลือไว้เพียงจิวโมไป๋และหลิวยี่อิง ที่กำลังมองหน้าหันอยู่
“ขอโทษที่คนของเราทำแบบนั้น…”หลิวยี่อิงก้มหัวขอโทษ
“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร แต่ฉันต้องบอกก่อนว่า ที่นี่มีกล้องวงจรติดอยู่ทุกที่ และบนตัวของฉันตั้งมีอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิต ถ้าฉันตายวีดีโอบันทึกทั้งหมดจะถูกส่งออกไป”จิวโมไป๋พูดเสียงดังขัดขึ้น
“อุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิต?”หลิวยี่อิงพูดทวนคำด้วยความสงสัย
จิวโมไป๋ทำเป็นเงียบไม่พูดต่อ เขารู้ว่าอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิต การทำงานคล้ายกับของนักฆ่าจากตระวันตก ที่สามารถรู้ได้ทันที ว่าผู้สวมใสถูกสังหาร แต่อุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตของเขาพิเศษกว่าเล็กน้อย เพราะมันสามารถตรวจสอบอันตราการเสียเลือดและการบาดเจ็บอย่างแม่นยำ ถ้ามีอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตของเขา การเสียชีวิตจะลดลงอย่างมาก
อุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตเป็นสิ่งประดิษย์ที่มีประโยชน์อย่างมาก เขาพูดเป็นเหยื่อล่อให้หลิวยี่อิงสนใจ เพราะเธอเป็นคนฉลาด แค่เขาพูดเล็กน้อย เธอก็สามารถรู้ถึงคุณค่าของอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตแล้ว
ถ้าหลิวยี่อิงขออุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตไปศึกษา แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในหน่วยลับ แต่เขาก็ยังคงได้รับคะแนนความดี จากรัฐบาล คุณค่าของอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิต มีมากพอที่เขาจะกลายเป็นพลเมืองชั้นดีของประเทศ แม้จะไม่มีประโยชน์อะไรมากนัก แต่ก็ช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาได้หลายอย่าง
หลิวยี่อิงเหมือนจะสนใจอุปกรณ์ตรวจจับพลังชีวิตอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็เลือกที่จะปัดความสนใจออกไปและกลับมาเรื่องเดิม
“ถ้านายไม่สะดวกใจให้พวกเราคุ้มครอง ฉันขอแนะนำให้นายกลับไปที่เมืองเทียนซู เพราะในเมืองมีกล้องวงจรติดตรวจสอบอยู่ทุกที ไม่มีใครกล้าฆ่านายในเมืองแน่”หลิวยี่อิงพูดแนะนำ
จิวโมไป๋นิ่งเงียบไม่ตอบสนอง ทำเหมือนไม่เชื่อที่เธอพูด
“ถ้าไม่อยากไปเมืองเทียนซู พวกเราจะคุ้มครองนายจากที่นี่ ไม่ลงไปด้านใน รบกวนอาณาเขตที่ดินของนาย”พูดจบหลิวยี่อิงมองไปรอบๆ ก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นไม้ ที่สามารถมองเห็นสภาพรอบของเกาะโดดเดี่ยวทั้งภายในและภานนอก
เมื่อเห็นว่าหลิวยี่อิงจบการสนทนา จิวโมไป๋ก็ยักไหล่ แกล้งทำเป็นมองกล้องวงกรปิด เพื่อบอกอีกฝ่ายเป็ยนัยๆ และเดินลงหน้าผา ไปที่ภูเขาสำนัก เมือห่างสายตาของอีกฝ่าย เขาเชื่อมต่อกล้องวงจรติด จับภาพไปที่หลิวยี่อิง และชายชุดคลุมทั้งสองที่ลงไปใต้หน้าผาด้านนอก
เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรสำคัญ เขาก็เดินกลับบ้านพัก เห็นเสี่ยวหวงกำลังบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็ง เขาก็พยักหน้าชื่นชม เสี่ยวเหมยเขาเห็นมันนั่งบนต้นไม้เงียบๆ เขาไม่ได้ร้องทัก เดินเข้าไปในบ้าน
เสี่ยวไป๋ยังคงนอนขี้เกียจไม่ทำอะไร
จิวโมไป๋นั่งบนเกาอี้ข้างเสี่ยวไป๋ลูบขนมันเบาๆ ถอนหายใจครุ่นคิดบางอย่าง ในตอนนั้นเองกำไลข้อมือก็ส่งสัญญาณดังขึ้นมา
เห็นชื่อผู้ติดต่อเขาก็ยิ้มออกมา
“ติดต่อพี่มามีอะไรหรือเปล่าสาวน้อย”
“ใครสาวน้อย อีกหนึ่งเดือนหนูก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว”เสียงของจิวเสวี่ยเหม่ยดังออกมาอย่างไม่พอใจ
“พี่ชายกลับเมืองเทียนซูตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่มาหาหนูบ้าง”จิวเสวี่ยเหม่ยพูดบ่นอย่างน้อยอกน้อยใจ ที่เขาไม่ยอมไปหาเธอ จิวโมไป๋พูดยอกล้อ ปลอบใจน้องสาวของเขาอยู่พักใหญ่ จนเธอหายโกรธ
“พี่ชายพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเจียวเจียว หนูจะพาเธอไปเที่ยวสวนสนุก พี่ชายมากลับพวกเรานะ”จิวเสวี่ยเหม่ยพูดออดอ้อนจนจิวโมไป๋ใจอ่อน
“ได้เดี๋ยวพี่กลับไปวันนี้”
วางสาย จิวโมไป๋ก็ตัดสินใจกลับเมือง เพราะเขาไม่อยากให้คนของหน่วยลับ อยู่บนเกาะโดดเดี่ยวนานๆ โดยเฉพาะคนฉลาดๆอย่างหลิวยี่อิง