จิวโมไป๋หันไปมองเฉินหูด้วยความแปลกใจ เขาไม่คิดเลยว่าเฉินหูจะตระหนักกฎแห่งธาตุทองในช่วงเวลานี้ และเฉินหูยังเป็นคนที่ 2 ในหมู่ของพวกเขาที่ตระหนักกฎแห่งธาตุ
แม้ว่ากฎแห่งธาตุทอง ยังไม่ถึงระดับต้น แต่การที่เฉินหูสามารถตระหนักกฎแห่งธาตุทองได้ในขณะที่อยู่ขั้นที่ 3 พรสวรรค์ของเขาน่ายกย่อง
กฎแห่งธาตุทองจุดแข็งอยู่ที่พลังในการทำลายล้าง เมื่อรวมเขากับการบ่มเพาะร่างกาย ความแข็งแกร่งของเฉินหูเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาเหนือกว่าอูเหวินไปในทันที
ในอดีตเฉินหูสามารถตระหนักกฎแห่งธาตุทอง ในตอนที่เลื่อนระดับเป็นปราณก่อกำเนิด เพราะเคล็ดบ่มเพาะที่เขาฝึกไม่ได้มีความพิเศษอะไร
เคล็ดบ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะพลังพยัคฆ์ทองคำ 8 เนตรที่เฉินหูฝึกฝนอาจมีส่วนช่วย เพราะมันเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังที่จิวโมไป๋พัฒนาให้เข้ากับเฉินหูที่สุด แม้การตระนักกฎแห่งธาตุจะขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ แต่เคล็ดบ่มเพาะพลังที่เข้ากันได้ดีกับผู้ฝึก ก็มีส่วนช่วยมากเช่นกัน ถ้าเคล็ดบ่มเพาะพลังไม่เหมาะกับผู้ฝึก อาจทำให้พรสวรรค์ที่มีถูกบดบัง จนการเป็นการสูญเปล่า
เหมือนอูเหวินที่กว่าจะรู้พรสวรรค์ในกฎแห่งธาตุลม เขาก็เสียโอกาสครั้งใหญ่ ที่ไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขได้
ถ้าในอดีตเฉินหูได้รับเคล็ดบ่มเพาะพลังที่ดี เขาอาจเป็นแนวหน้าของผู้บ่มเพาะพลังก็เป็นได้…
วิญญาณสีเลือดพยายามลุกขึ้นยืน แต่ใบหน้าของมันลูกทำลายไปเกือบครึ่งบ่งบอกถึงพลังหมัดของเฉินหูที่ชกเข้าไป ทำให้มันสูญเสียพลังชีวิตไปมาก ใกล้จะล้มสลายเต็มที
จิวโมไป๋มองไปยังร่างของวิญญาณสีเลือด เขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดไป เขาพุ่งเข้าไปใช้กระบี่ตัดคอของวิญญาณสีเลือด พลังวิญญาณเกือบทั้งหมดห่อหุ้มที่กระบี่ คมกระบี่ตัดคอวิญญาณสีเลือดขาดออก
จิวโมไป๋ใช้วาดมือซ้าย ข่ายอาคมสีทองสร้างม่านแสงสีเหลี่ยมกักชิ้นส่วนของร่างกายวิญญาณสีเลือดไม่ให้กระเด็นไปไกล จากนั้นก็หยิบยันต์ออกมา 6 แผ่น โยนใส่ร่างวิญญาณสีเลือด เกิดเป็นเปลวเพลิงร้อนแรง เผาทำลายร่างวิญญาณสีเลือดจนกลายเป็นเถ้า ไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสได้ฟื้นขึ้นมา
หมอกสีเลือดที่ปกคลุมโรงงานชำแหละก็สลายไป ทุกคนทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่สนใจว่าพื้นจะอยู่ในสภาพยังไง
ในเวลาเดียวกัน ภายในทะเลวิญญาณของทุกคน ก็เกิดเมฆหนาสีเลือดจำนวนมาก พุ่งเข้าไปในทะเลวิญญาณ เมฆวิญญาณเข้าปกป้องทะเลวิญญาณและกลืนกินเมฆสีเลือด พลังวิญญาณของทุกคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนทะลุผ่านไปขั้นต่อไป
อูเหวิน มู่คัง และเฉินหูที่สลบ การบ่มเพาะจิตวิญญาณของพวกเป็นระดับทองแดง เกือบจะผ่านไประดับทองแดงปลาย แต่ก็ถูกหยุดไว้แค่นั้น เพราะพวกเขายังไม่เข้าใจเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณมากนัก ทำให้ผ่านแค่ระดับเดียว
แต่หวังเสี่ยวเปาโชคดี ที่เขาผ่านระดับทองแดงก่อนหน้านั้น ในตอนนี้ทะเลวิญญาณของเขา มีเมฆสีเงินหนาแน่นยึดพื้นที่เมฆสีทองแดงที่บางเบาเกือบทั้งหมด ใกล้จะผ่านไปขั้นเงินต้น
จิวโมไป๋หลับตาลงทะเล จิตวิญญาณสีทองปรากฏเมฆสีม่วง ผสมครึ่งหนึ่ง เขายังไม่ถึงระดับสูงสุดของระดับทองปลาย จิตสัมผัสขยายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็น 4 กิโลเมตร
ในเวลาเดียวกันตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้นสั่นระริกอย่างรุนแรง กรรมชั่วในตำหนักยุทธ์หนาแน่นทุกตารางนิ้ว
จิวโมไป๋สะกดข่มเอาไว้
ก่อนที่เขาเดินไปหาทุกคนที่รออยู่ เสี่ยวไปและเสี่ยวเหมยกลับร่างเดิม พวกมันดูอ่อนแรง เมื่อกระโดดขึ้นไหล่จิวโมไป๋ พวกมันก็ขดตัวก้มหน้าวางไปในขน พักเอาแรง
“พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ ก่อนที่ตำรวจจะมา”จิวโมไป๋บอกคนอื่นๆ
ผู้คุ้มกันวัยกลางคน ยืนตะลึงอยู่นอกโรงงาน มองสภาพโรงงานชำแหละในตอนนี้พังยับเยินไม่เหลือสภาพสมบูรณ์ มีศพมนุษย์กองซ้อนๆไปตามอาคารที่ถล่ม แรงระเบิดทำให้โรงงานทั้งหลังถล่มลงมา
“นายน้อย”ผู้คุมกันวัยกลางคนอ้าปากจะถาม
แต่มู่คังโบกมือไม่ให้พูด เขากำลังพยายามลืมฝันร้ายออกไป แต่ขณะที่กำลังเดินออกไป เขาเห็นชื่อโรงงานบนป้ายเหล็กที่พังลงบนพื้น เขาก็เบ้ปากจะอ้วกอีกครั้ง เขารีบนำทุกคนไปทันที พวกเขาหลบไปด้านข้าง เพราะเห็นว่าห่างออกไปมีกลุ่มคนที่เขาได้ช่วยเอาไว้ แอบมองเข้ามาในโรงงานชำแหละจากด้านนอก ไม่ยอมหนีออกไป เหมือนรออะไรอยู่
จิวโมไป๋คิดอะไรบางอย่างได้ เขาก็ส่งข้อความไปให้จี้หยางเฟย เขาเขียนบอกเกี่ยวกับเหตุการณ์ ก่อนจะรีบจากไปเมื่อได้ยินเสียงของรถตำรวจ
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนรีบตามพวกเขาไปเปิดรถให้ทุกคนขึ้นไป ก่อนจะขับรถกลับทันที
ผู้ที่ถูกกลุ่มของจิวโมไป๋ช่วย เมื่อออกไปพ้นจากหมอกสีเลือด กำไลข้อมือก็กลับมาใช้งานได้ พวกเขาแจ้งตำรวจให้มาช่วยทันที มีคนรีบวิ่งออกไปไม่อยู่รอ บางคนไม่จากไปเพราะกังวลเกี่ยวกับคนที่ช่วยชีวิต…
เมื่อพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์ของมู่คัง แพทย์ประจำคฤหาสน์ก็ช่วยรักษาบาดแผลให้กับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้มีใครบาดเจ็บมากนักยกเว้นเฉินหู แต่มันก็เป็นแค่บาดแผลภายนอก ไม่มีอันตรายกับร่างกาย ยกเว้นที่เขาใช้พลังมากเกินไปจนหมดสติ
มู่คังสั่งแม่บ้านพาจิวโมไป๋และคนอื่นๆไปที่ห้อง ส่วนตัวเขารีบให้แพทย์ตรวจสอบร่างกาย และสั่งยาล้างท้องอย่างแรง
จิวโมไป๋เข้าห้องที่มู่คังจัดให้เขาพัก เขาก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และมานั่งพักฟื้นฟูร่างกาย
ผ่านไป 1 ชั่วโมง เมื่อร่างกายของจิวโมไป๋ฟื้นฟูกลับมาสมบูรณ์ เขาก็วาดข่ายอาคมโดยใช้วัตถุดิบหลายชนิด ในหมู่ของพวกนี้ มีสมุนไพรที่เขาได้รับมาจากการปล้นกลุ่มต่างๆในเมืองเทียนซู
จิวโมไป๋ยืนอยู่กลางข่ายอาคม มือของเขาทำสัญลักษณ์มือนับสิบรูปแบบอย่างรวดเร็ว ข่ายอาคมส่องแสงสีทองม่วง วัตถุดิบทั้งหมดสลายหายไปทันที ก่อนที่จะเกิดเป็นแรงดึงดูดรวบรวมพลังธรรมชาติมหาศาลมาที่ข่ายอาคม
ความหนาแน่นของพลังธรรมชาติมากกว่าภายนอก 25 เท่า
จิวโมไป๋สูดหายใจก่อนจะเริ่มบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน พร้อมใช้กระบวนท่าบ่มเพาะร่างกาย วิชาหลอมกายามังกรเทวะ
ร่างกายของจิวโมไป๋สั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย หมอกขาวผสมเลือดสีแดงกระกายออกตามรูขุมขนทั่วร่าง ภายในตำหนักยุทธ์เตาหลอม 9 สุริยัน เตาหลอมทองแดงอันเลือนราง ถูกเพลิงนิรันดรเผาไหม้อย่างรุนแรง หยดปราณที่ตกลงไปในทะเลปราณแทบจะไม่มี
เพราะมันถึงขีดจำกัดของขั้นการบ่มเพาะ การกระทำของจิวโมไป๋เหมือนเป็นความพยายามที่เสียเปล่า แต่จิวโมไป๋ก็ยังคงพยายามบีบเค้นหยดปราณให้มากที่สุด เพลิงนิรันดรลุกไหม้อย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋กัดฟันแน่นแยกเขี้ยวยิ้มด้วยความอดทน ยิ่งใช้กระบวนท่าหลอมกายามังกรเทวะมากเท่าไหร่ ร่างกายก็ยิ่งสั่นไหวอย่างรุนแรง หมอกเลือดที่วนอยู่รอบร่างกายเริ่มหนาขึ้นในหมอกเลือดสีแดงมีประกายทองบางเบา
ใบหน้าของจิวโมไป๋ซีดขาวอย่างน่ากลัว แต่เขาก็ยังอดทน
เมื่อครบ 18 ท่า ร่างกายของจิวโมไป๋ก็กระตุกเล็กน้อย ภายในตำหนักยุทธเตาหลอม 9 สุริยัน หยดปราณ 1 หยดตกลงไปในทะเลปราณ ราวกับจะบอกว่า 1 รอบวิชาหลอมกายามังกรเทวะ จะได้ 1 หยดปราณ ถ้าจิวโมไป๋ต้องการที่จะใช้วิธีปกติในการทะลุขั้นสร้างฐานสูงสุด เขาต้องใช้หยกปราณนับไม่ถ้วนเพื่อเติมเต็มทะเลปราณ มันแทบเป็นไปไม่ได้
ถ้าไม่ใช้โอสถล้ำค่าหรือวิธีพิเศษ
แต่จิวโมไป๋ไม่สนใจว่าเขาจะได้รับหยดปราณหรือไม่ เขาสนใจแค่ทำให้ร่างกายของเขาถึงขีดจำกัดให้มากที่สุด!
จิวโมไป๋หยิบโอสถเสริมกายาออกมากิน 2 เม็ดในคราวเดียว เมื่อโอสถเสริมกายาทั้ง 2 ตกถึงท้อง มันก็ถูกดูบซับอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองตำหนักยุทธ์เตาหลอม 9 สุริยันและทะเลปราณ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เหมือนจะบุกทะลวงผ่านไปขั้นต่อไปแต่จิวโมไป๋ข่มมันเอาไว้
จิวโมไป๋ฝืนใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะอีก 1 รอบ ร่างของเขาก็อ่อนแรงจนถึงขีดสุด หมอกเลือดหมุนวนไปรอบๆร่างกาย ปริมานของมันมากจนอย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋สูดหายใจช้าๆ ตั้งสมาธิสะกดข่มตำหนักยุทธ์เตาหลอม 9 สุริยันที่พยายามจะเลื่อนผ่านไปขั้นที่ 3 ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเคล็ดบ่มเพาะพลัง เป็นเคล็ดบ่มเพาะพลังกระบี่เลือนเร้น
เปรี้ยง! สายฟ้าที่เงียบสงบในทะเลจิตวิญญาณผ่าลงไปที่ทะเลปราณทั้งสองอย่างรุนแรง จนทะเลปราณทั้งสองเกิดการคลื่นโหมกระหน่ำ
จิวโมไป๋กัดฟันแน่นพยายามตั้งสมาธิ แต่สายฟ้าผ่าลงไปยังทะเลปราณทั้งสองไม่ยั้ง แม้มันจะช่วยทำให้ปราณในทะเลปราณบริสุทธิ์ แต่ในตอนนี้ ทะเลปราณของเขาใกล้จะหลุดจากการควบคุมผ่านไปขั้นที่ 3
แต่สิ่งที่เขาต้องการคือทะลวงขั้นสร้างฐานสูงสุด!
จิวโมไป๋ใช้พลังสมาธิอย่างหนัก ส่วนหนึ่งกำลังระงับทะเลปราณที่บ้าคลั่ง อีกส่วนควบคุมกระบี่เลือนเร้นในตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้น ให้ทำลายกรรมชั่วให้เร็วที่สุด
จิวโมไป๋ฝืนใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะโดยไม่สนความเจ็บปวด หยดปราณจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้น
ปัง! ทะเลปราณกระบี่เลือนเร้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ขั้นที่ 2 ปลาย!
เปรี้ยง! สายฟ้าผ่าลงมาใส่ทะเลปราณอีกครั้ง ใบหน้าจิวโมไป๋ซีดเผือก หมอกสีเลือดย้อนกลับเข้ารูขุมขนจนหมด ร่างของจิวโมไป๋กำยำขึ้นเล็กน้อย
กระบี่เลือนเร้นฟันกรรมชั่ววิญญาณสีเลือด หยดปราณตกลงไปในทะเลปราณเหมือนน้ำตก ทำให้ทะเลปราณยิ่งบ้าคลั่งขึ้นไปอีก ทะเลปราณทั้งสองพยายามฝ่ากระระดับขั้น
ในเวลาเดียวกัน
เปรี้ยง! สายฟ้าโหมกระหน่ำผ่าลงถี่ยิบ
จิวโมไป๋ร้องคำรามในใจ ท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังกระบี่เลือนเร้น หยดปราณที่เหลืออยู่ในตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้น รวมกันเป็นก้อนขนาดใหญ่และตกลงไปในทะเลปราณอย่างรุนแรง!
—