จิวโมไป๋หลับตาเพ่งสมาธิไปที่ภายในทะเลสติ ตำหนักยุทธ์ 108 หลัง ลอยอยู่บนท้องฟ้าตามจุดชีพจรอย่างสงบ มีตำหนักยุทธ์ 2 หลังที่เปล่งประกายงดงาม คลื่นพลังอันแข็งแกร่งแผ่กระจายไปรอบด้าน ทำให้ตำหนักยุทธ์ทั้ง 2 เหมือนดวงดาวที่ส่องสว่างบนท้องฟ้า อีก 106 หลังล้วนว่างเปล่า
จิวโมไป๋ตรวจสอบภายในทะเลสติอย่างละเอียด เขาไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นอีก ยกเว้นสายฟ้าแลบลึกลับ ที่ลอยอยู่บนเมฆจิตวิญญาณ ห่างออกไปเกือบสุดขอบทะเลสติ
ด้านล่างทะเลปราณ ราบเรียบไร้การกระเพื่อม เลือดปราณสีแดงมีประกายทองส่องสว่างเล็กน้อย บ่งบอกถึงสายเลือดมังกรที่หลอมรวมเข้ากับสายเลือดของจิวโมไป๋
จิวโมไป๋มองไปที่ทะเลปราณก่อนที่จะส่ายหน้า เขาจำได้ว่า ซุนกวนหมิง เจ้าของโลหิตมังกรพายุอัสนีอีกคน ไม่มีความสามารถในฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว เพราะมังกรพายุอัสนีโดดเด่นในเรื่องการพลังโจมตีและความเร็ว มันอ่อนแอในการป้องกันและพื้นฟู
ไม่มีทางที่จะเป็นสายเลือดมังกรพายุอัสนีอย่างแน่นอน
สำหรับการทะลวงขั้นสูงสุดผิวหนังและกล้ามเนื้อ ทั้งสองเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพ ไม่เพิ่มความสามารถในการฟื้นฟู
จิวโมไป๋ครุ่นคิดไม่ตก ความสามารถในการฟื้นฟู มีประโยชน์ในการต่อสู้อย่างมาก คนที่มีระดับฝีมือและความแข็งแกร่งเท่ากัน เมื่อต่อสู้กัน คนที่ฟื้นฟูรักษาบาดแผลได้ในระหว่างการต่อสู้ พละกำลังยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์กว่าอีกฝ่าย ทำให้มีโอกาสพลิกเป็นฝ่ายชนะได้
ในอดีตเพราะความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว ที่ได้รับจากกฏแห่งธาตุไม้ ทำให้เขาเอาชีวิตรอดจากอันตรายมาได้หลายครั้ง เขาจึงเข้าใจถึงความสำคัญของความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เขายังไม่สามารถตะหนักกฏแห่งธาตุไม้ได้ เมื่อพบว่าตัวเองมีความสามารถฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว ไม่แปลกที่เขาจะตื่นเต้น
แต่ไม่ว่าจะตรวจสอบยังไง เขาก็ไม่พบที่มาของความสามารถนี้ได้
รอยมีดบนร่างกายคอยๆสมานอย่างรวดเร็ว จนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า บาดแผลที่ตื้นที่สุดในตอนนี้สมานปิดสนิท เหลือเพียงรอยแดงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จิวโมไป๋ขมวดคิ้วแน่น ก่อนที่แววตาจะเป็นประกาย
หรือว่า เขามีสายเลือดพิเศษ?
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยกับความเป็นไปได้นี้
แต่เมื่อคิดดูดีๆ ในอดีตเขาไม่ได้มีความสามารถในการฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งเขาตระหนักกฏแห่งธาตุไม้ เขาจึงได้รับความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายที่เป็นคุณสมบัติหลักของธาตุไม้
ถ้าเขามีสายเลือดพิเศษจริงๆ ทำไมมันไม่ปรากฏก่อนหน้านั้น
หรือว่าเขาอาจมีความสามารถพิเศษจริงๆ แต่สายเลือดมันอ่อนแอเกินไป ทำให้เขาไม่สังเกตเห็น จนกระทั้งเขาตระหนักกฏแห่งธาตุไม้ มันจึงถูกบดบัง ทำให้เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีสายเลือดพิเศษ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็พบความเป็นไปได้บางอย่าง ที่ความสามารถในการรักษาตัวเองอย่างรวดเร็วแข็งแกร่งขึ้น อาจเพราะโลหิตมังกรพายุอัสนี ที่หลอมรวมกับเลืิอดของเขา ทำให้มันไปกระตุ้นสายเลือดพิเศษที่อ่อนแอให้แข็งแกร่งขึ้น จนแสดงผลออกมา
เขาไม่มีทางรู้ได้ จนกว่าจะถึงขั้นที่ 6 โลหิต ที่เป็นการปรับปรุงสายเลือดครั้งสุดท้าย ถ้าเขามีสายเลือดพิเศษจริงๆ ในเวลานั้นความสามารถของมันจะแสดงให้เห็น
ถ้าเขามีสายเลือดพิเศษจริงๆ มันสืบทอดมาจากใคร
พ่อหรือแม่?
จิวโมไป๋นิ่งคิดไปเล็กน้อย
ตระกูลที่สามารถสืบทอดสายเลือดพิเศษได้ จะต้องไม่ใช่ตระกูลธรรมดาสามัญ
พ่อของเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีครอบครัว แม่ของเขา เธอมาจากครอบครัวธรรมดา ต้นตระกูลอยู่ทางเหนือของประเทศมังกร อยู่ทิศทางฝั่งตรงข้ามกับเมืองเทียนซู
ครอบครัวฝั่งแม่เขาไม่เคยพบมาก่อน แม่ของเขาไม่เล่าเกี่ยวกับตระกูลของเธอให้เขาฟังมากนัก เขาจำได้ว่าแม่และทางของครัวของเธอไม่ถูกกัน ทำให้ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยเห็นแม่ของเขาออกจากเมืองเทียนซู กลับไปเยี่ยมตระกูลของเธอเลย
ถ้าครอบครัวฝั่งแม่ของเขา มีความแข็งแกร่งจริงๆ เมื่อแม่ของเขาเสียชีวิต จะต้องมีคนมาตรวจสอบบ้าง แต่เขาไม่เห็นใครเลย
ถ้าเขามีสายเลือดพิเศษจริงๆ อาจมาจากฝั่งพ่อของเขาก็ได้…
จิวโมไป๋ต้องพยายามข่มความตื่นเต้นให้สงบลง ถ้าเขามีสายเลือดพิเศษจริงๆ เมื่อรวมเข้ากับโลหิตมังกรพายุอัสนี ที่มีจุดแข็งที่การโจมตี แต่การป้องกันอ่อนแอมาก เขาจะได้รับความสามารถในการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเข้ามาเสริม ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เมื่อร่างกายได้ฟื้นฟูเล็กน้อย จิวโมไป๋ก็ปลอมตัวอีกครั้ง ก่อนจะโบกรถโดยสาร ไปลงบนถนนห่างจาก คฤหาสน์มู่คัง 5 กิโลเมต ก่อนที่จะใช้สองเท้าเดินไป
เขาลอบเข้าคฤหาสน์มู่คัง กลับถึงห้องของเขา จิวโมไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บทุกอย่างลงแหวนมิติเก็บของ ก่อนจะนั่งสมาธิฟื้นฟูพลัง
เช้าวันต่อมา จิวโมไป๋ มู่คัง หวังเสี่ยวเปา เฉินหูและอูเหวิน ลงมาชั้นล่าง
บนไหล่ของจิวโมไป๋เสี่ยวไป่และเสี่ยวเหมยฟื้นตัวกลับมาเต็มไปด้วยพลัง พวกมันร้องขู่ฝั่งตรงข้ามเสียงดัง จนจิวโมไป๋ทนไม่ไหวต้องหยิบทั้งสองไปวางไว้บนโซฟา ให้มันทะเลาะกันบนนั้น
พวกเขานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ข่าวบนหน้าจอโฮโลแกรม ก็รายงานข่าวการต่อสู้เมื่อคืน มู่คังที่ยันตัวขึ้นนั่งฟังอย่างตั้งใจ
จิวโมไป๋สังเกตเห็นว่ามู่คัง ดูเหมือนไม่รู้เรื่องการต่อสู้เมื่อคืนเลย
การต่อสู้เมื่อคืน เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงอย่างมาก ไม่มีทางที่ตระกูลมู่จะไม่ทราบข่าวก่อน แต่พวกเขาไม่ได้แจ้งข่าวอะไร ให้มู่คังรู้เลยสักนิดเดียว
ดูเหมือนว่ามู่คัง จะไม่ได้รับความสนใจจากตระกูลมู่มากนัก
เมื่อข่าวจบลงมู่คังเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าทางไม่สนใจโลก ทำให้พวกเขาลอบสบตากันเล็กน้อย ก่อนที่เฉินหูจะชวนคุยเรื่องอื่น
เมืองฉางอันไม่ได้อยู่ในความสงบ ตำรวจตรวจสอบทั่วเมืองอย่างเข้มงวด
พวกเขาตัดสินใจไม่ออกไปข้างนอก
แม่บ้านออกไปซื้อวัตถุดิบกลับมาทำอาหาร ให้พวกเขารับประทาน
จิวโมไป๋ชักชวนทุกคนฝึกฝนการบ่มเพาะพลัง ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อมด้วยกัน
3 วันต่อมา
เหตุการณ์ในเมืองฉางอันสงบขึ้นเล็กน้อย ตำรวจบางตาลงมาก
จิวโมไป๋และสามพี่น้อง ถึงเวลาต้องกลับเมืองเทียนซู ก่อนจะกลับ มู่คังชวนพวกเขาไปดูเขตการค้าระดับสูง เพื่อซื้อของฝาก
พวกเขาเห็นด้วยทันที
เขตการค้าระดับสูงของเมืองฉางอันมีขนาดใหญ่กว่า เขตการค้าระดับสูงของเมืองเทียนซูอย่างมาก ภายในมีสินค้าจำนวนมาก รวมถึงสมุนไพรหายากและวัตถุดิบที่ไม่รู้ที่มา
จิวโมไป๋เลือกซื้อสมุนไพรและเมล็ดสมุนไพรหายากที่ไม่มีในเมืองเทียนซู และโลหะแปลกๆบางชิ้น เขาไม่ซื้อจำนวนมาก เพราะจะเป็นที่สังเกตของคนอื่น
หวังเสี่ยวเปา เฉินหู และอูเหวิน เดินดูเฉยๆไม่สนใจที่จะซื้อ พวกเขามีอาวุธแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อ ส่วนโอสถพวกเขา พวกเขามีโอสถ 12 ชนิด จำนวนมาก ที่จิวโมไป๋มอบให้ ไม่จำเป็นจ้องซื้อเพิ่ม
พวกเขาได้แต่ดูสินค้า ไม่ได้ซื้ออะไร
ในระหว่างที่พวกเขากำลังจะออกจากเขตการค้าระดับสูง พวกเขาก็พบกับหยวนหลินหวางเข้าพอดี
“พี่หลินหวาง”มู่คังร้องทักเสียงดัง
หยวนหลินหวางชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้ามามองมู่คัง ใบหน้าของเขาอึมครึมเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็วกลายเป็ยรอยยิ้ม
มู่คังเข้าไปพูดคุยอย่างสนิทสนม
“พี่หลินหวาง พวกเขาคือเพื่อนของฉัน”มู่คังแนะนำพวกเขาให้หยวนหลินหวางรู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จัก ถ้ามีปัญหาอะไรในเมืองฉางอัน สามารถมาหาฉันได้ ฉันจะดูแลพวกเธอเอง”หยวนหลินหวางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะแยกกัน
มู่คังไปส่งพวกเขาที่รถไฟฟ้าความเร็วสูง ก่อนจากกันมู่คังไม่ลืมที่จะพูดว่าจะตามไปเชียร์การประลองของพวกเขา
พวกเขากลับไปถึงเมืองเทียนซู
จิวโมไป๋บอกคร่าวๆเกี่ยวกับเกาะโดดเดียวให้ทั้ง 3 ฟัง
ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น จิวโมไป๋ให้ทุกคนไปพักก่อน 1 วัน เมื่อถึงเวลา เขาจะมารับไปที่เกาะโดดเดี่ยว
หวังเสี่ยวเปา เฉินหู และอูเหวิน แยกย้ายกันกลับ
จิวโมไป๋ขับรถยนต์ไปที่ร้านอาหารตระกูลจิว
พ่อของเขากำลังยุ่งอยู่บนร้าน แม่และคุณหยินลั่วปิงไปซื้อของด้านนอก จิวโมไป๋ไม่รบกวนคนอื่น เขาไปที่โกดังเห็นเต่ายักษ์กำลังหลับอยู่ในถังน้ำขนาดใหญ่
จิวโมไป๋เห็นว่าเต่ายักษ์ไม่เป็นอะไร เขาก็รอสินค้าจากเมืองฉางอันมาส่ง
รอไม่นานสินค้าก็มาถึง จิวโมไป๋เก็บพวกมันลงแหวนมิติเก็บของ จากนั้นก็จ้างรถขนถังน้ำพร้อมเต่ายักษย์ไปที่เกาะโดดเดียว
จิวโมไป๋ขึ้นไปกล่าวลาพ่อของเขา ก่อนที่จะขับรถยนต์ นำหน้ารถขนเต่ายักษ์ ไปจนถึงเกาะโดดเดียว เขาให้พนักงานขนของ วางถังน้ำพร้อมเต่ายักษ์ลงหน้าประตูเหล็กยักษ์ ก่อนที่พนักงานขนของจะขับรถจากไป
จิวโมไป๋เปิดประตูเหล็กยักษ์ เขาสัมผัสได้ถึงพลังธรรมชาติที่หนาแนนกว่าปกติเล็กน้อย เขามองไปยังภูเขาสำนัก เขาก็พบอะไรบางอย่าง
ฝั่งตรงข้ามทางทิศเหนือของเกาะโดดเดี่ยว มีต้นไม้สูงใหญ่กว่า 30 เมตร กิ่งก้านสาขาขยายใหญ่ จนสามารถมองเห็นจากอีกด้านของเกาะโดดเดียว
“ต้นไม้ใหญ่ขนาดนี้โผล่มาได้ยังไง”จิวโมไป๋ยืนอึ้งด้วยความตกใจ เขารีบเปิดกำไลข้อมือ เขาไม่พบการแจ้งเตือนใดๆ
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว ก่อนจะเปิดกล้องวงจรติด เขาก็ชะงัก ก่อนจะเพ่งมองไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่
สัตว์น้อยใหญ่ทั้งหมดของเกาะโดดเดียวที่เขาซื้อมา และเสียวหวง พวกมันกำลังนั่งหลับตาบ่มเพาะอย่างเงียบสงบ
ตรงจุดที่ใกล้ต้นไม้ใหญ่มากที่สุด มีโครงกระดูกสีเขียวเข้ม เมื่อสะท้อนแสงโครงกระดูกจะส่องประกายงดงามราวมรกต มันกำลังนั่งสมาธิ ราวกับว่ามันกำลังบ่มเพาะพลัง
บนร่างของโครงกระดูกสีเขียว มีนกตัวน้อยใหญ่ รวมถึงกระรอกตัวเล็กๆ เกาะตามร่างกายของมัน พวกมันไม่แสดงความหวาดกลัวโครงกระดูกสีเขียว เหมือนกับว่าโครงกระดูกสีเขียวเป็นแค่ของประดับตกแต่งที่วางเอาไว้
ต้นไม้สูงใหญ่ ปลดปล่อยพลังธรรมชาติจำนวนมากรอบๆต้นของมัน บางส่วนปกคลุมทั่วเกาะโดดเดียว
—