ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 198

ก่อนแข่งขันคัดเลือก

มหาวิทยาลัยเทียนซู

ทางด้านประตูทิศตะวันออกของมหาวิทยาลัย มีสนามต่อสู้จำลองขนาดใหญ่ จำลองสภาพป่าภูเขาอย่างครบถ้วน ด้านหน้าทางเข้าสนามต่อสู้จำลอง มีทางเชื่อมไปยังสนามประลองการต่อสู้ที่สามารถจุคนดูได้ 1 แสนคน

ในตอนนี้บนที่นั่งรอบสนามประลอง มีผู้คนจำนวนมากบนที่นั่งผู้ชมเกือบครึ่ง เหนือสนามประลองมีภาพโฮโลแกรมกำลังฉายภาพ ภายในสนามต่อสู้จำลอง

ห้องก่อนเข้าสนามต่อสู้จำรอง มีนักศึกษาปี 1 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู เกือบ 200 คน กำลังต่อคิว เพื่อรอยืนยันตัวตนเข้าสนามต่อสู้จำลอง

“ปีนี้นักศึกษาปี 1 เข้าร่วมประลองภายในมหาวิทยาลัยมากผิดปกติหรือเปล่า?”เฉินหูพูดขึ้นขณะเดินเข้าไปในอาคาร เขาเห็นนักศึกษาทั้งชายและหญิงจำนวนมากต่อแถวจนยาวเหยียด

“ก็เพราะโอสถ 12 ชนิดนั้นไง เลยมีคนแข็งแกร่งจำนวนมาก เกิดขึ้นในปีนี้ ทำให้ปี 1 กล้าเข้าร่วมประลอง”อูเหวินตอบ มือกำลังกดไปที่โฮโลแกรมบนกำไลข้อมือ โดยที่สายตาไม่ละออกจากหน้าจอ

“ตอนแรกคิดว่าจะได้ลงแข่งเลย สุดท้ายต้องเข้าทดสอบชิงตำแหน่งอีก”เฉินหูบ่นไม่พอใจ

“ที่ต้องมีการทดสอบก็เพราะ นักศึกษาปี 1 ลงทะเบียนมากกว่าจำนวนโควต้า เมื่อปีที่แล้วมีนักศึกษาปี 1 ลงชื่อเข้าร่วมประลองภายในมหาวิทยาลัยแค่ 5 คนเอง พวกเขาเลยไม่ต้องคัดตัว”หวังเสี่ยวเปาพูด

เฉินหูบ่นตลอดการรอคิว

จิวโมไป๋ยืนเงียบอยู่ด้านหลัง มองไปยังนักศึกษาปี 1 ด้วยความพอใจ เพียงแค่ 3 เดือน ผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอที่สุดคือ ขั้นที่ 3 เส้นเอ็นต้น เขาสังเกตเห็นมีผู้บ่มเพาะขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน ต้น 2 คน

ถ้าอยู่ในปีที่แล้ว ระดับการบ่มเพาะพลังเท่านี้ต้องเป็น 10 อันดับแรกของชั้นปีที่ 4 อย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่แค่ชั้นปีที่ 1 เท่านั้น มันหมายความว่าในอนาคตพวกเขาจะแข็งแกร่งได้มากกว่านี้อีก

จิวโมไป๋สังเกตลักษณะและการแต่งตัวของทั้ง 2 เขาคาดเดาว่าไม่ได้เป็นคนของตระกูล ที่ใช้ทรัพยากรหล่อเลี้ยง ทั้ง 2 เป็นคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์สูง

จิวโมไป๋จดจำใบหน้าของทั้ง 2 เอาไว้ ถ้านิสัยดีเขาจะเชิญเข้าร่วมสำนัก

“นั้นมัน 3 อัจฉริยะรุ่นใหม่ ไม่ใช้เหรอ”เสียงซุบซิบดังขึ้นเบาๆ พวกเขามองมายังกลุ่มของจิวโมไป๋

“เมื่อเดือนที่แล้วพวกเขาสามารถเอาชนะ ยอดฝีมือ 10 อันดับแรกของชั้นปีที่ 3 ได้ โดยที่ระดับการบ่มเพาะพลังห่างกัน 1 ขั้นใหญ่ สัตว์ประหลายชัดๆ ถ้าพวกเขามาประลองกับพวกเรา ก็แย่นะสิ”

“ทำไมสามคนนั้นถึงเดินอยู่กับขยะนั้นละ”เสียงดูถูกดังขึ้นเบาๆ

“ขยะอะไร จิวโมไป๋กลับมาบ่มเพาะพลังได้แล้ว”

“กลับมาบ่มเพาะพลังได้แล้วก็ไร้ค่าอยู่ดี ความสามารถในการบ่มเพาะต่ำเตี้ยขนาดนั้น”อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น

เฉินหูที่ได้ยินหันไปมองด้วยแววตาไม่พอใจ ทำท่าจะเดินไปเอาเรื่อง แต่จิวโมไป๋ยกมือตบไหล่เบาๆห้ามเอาไว้

เฉินหูหยุดร่างไว้ ข่มความโกรธแต่แววตาดุดัน เขายกมือขึ้น ชี้ไปที่คนพูด ก่อนจะทำท่าปาดคอตัวเอง

ชายคนนั้นมองเห็นท่าทางไม่พอใจของเฉินหู เขารีบก้มหน้าจากไป

คนที่ซุบซิบกันอยู่เห็นดังนั้น รีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“บ้าชะมัด เจ้าปีศาจโรคจิตนั้นก็เข้าร่วมประลองด้วย”ชายกล้ามที่พึงลงชื่อเสร็จบ่นไม่พอใจ เมื่อเขามองไปยัง ชายหนุ่มท่าทางนักเลงย้อมหัวสีแดง ยืนพิงกำแพงอยู่ด้านหน้า

ชายผมแดงเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายในต้น คนที่จิวโมไป๋สังเกตเห็น

“นี่ เบาหน่อย จูหวังเฉิน ไม่ชอบให้ใครพูดลับหลังเขา”ชายกล้ามอีกคนยกมือปิดปากเพื่อน

ชายกล้ามคนแรกหดคอมองไปยังจูหวังเฉินด้วย แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็เบาใจ

แต่เมื่อเขาเดินผ่าน เท้าของเขาก็สะดุดล้มลงอย่างแรง หน้าของเขาเกือบกระแทกพื้น ถ้าเขาไม่ยกมือขึ้นมาป้องกัน

ชายกล้ามลุกขึ้นมาด้วยหันไปมองจูหวังเฉิน

“แกจะทำอะไร!”

จูหวังเฉินชำเลืองมองก่อนจะยิ้มดูแคลน

ชายกล้ามเห็นดังนั้นก็โกรธ เขายกหมัดขึ้นเตรียมชกจูหวังเฉิน

“หยุดๆ! เจ้าโง่อย่ามีเรื่องในนี้ ไม่อย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์”ชายกล้ามอีกคนร้องห้ามเพื่อน เขาล็อคแขนเพื่อนก่อนจะพยายามลากออกไป

ชายกล้ามได้ยินดังนั้นก็ข่มความโกรธลง หันหน้าหนีเดินตามเพื่อนไป

“ชิ ขยะ!”จูหวังเฉินแค่นเสียงไม่พอใจ เขาตั้งใจรอให้อีกฝ่ายชกมาก่อน เขาจะได้ชกสวนกลับได้โดยไม่ผิดกฏ แต่ดันมีคนมาขวางซะได้

ชายกล้ามได้ยินดังนั้น เขาหันกลับไป แต่เพื่อนผลักเอาไว้ เขาได้แต่กำหมัดแน่น เดินไปต่อโดยไม่หันกลับ

กลุ่มของจิวโมไป๋ลงทะเบียนเสร็จ พวกเขาก็พบว่าพวกเขาโชคดี ได้แยกไปคนละสนามต่อสู้จำลอง

จิวโมไป๋ได้ A อูเหวินได้ B หวังเสี่ยวเปาได้ C เฉินหูได้ D

เดินเข้าไปในห้องโถงกลาง พวกเขาหาที่ยืนคุยกัน แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็มีเสียงทักจากด้านหลัง

“จิวโมไป๋”เสียงหวานใสดังขึ้น

จิวโมไป๋หันไปเห็นหลานซูเมิงในชุดต่อสู้สีขาว เธอวิ่งเบาๆมาทางจิวโมไป๋ ท่าทางของเธอดึงดูดสายตาจากทุกคนในห้องโถง โดยเฉพาะแววตาอาฆาตจากเหล่าชายหนุ่มที่มุ่งตรงมาที่เขา

หลานซูเมิงเดินมาหยุดหน้าจิวโมไป๋และพูดด้วยท่าทางน่ารัก

“นายไม่ได้เข้าเรียนเลยใช้ไหม ฉันไม่เห็นนายที่มหาวิทยาลัย หรือห้องคราสเรียนเลย”

“ฉันบ่มเพาะพลัง เลยไม่มีเวลาเข้าคราสเรียน”จิวโมไป๋ตอบ

“ถึงว่า ฉันไปที่ร้านอาหารของนาย แม่ของนายก็บอกว่านายไปบ่มเพาะพลัง”หลานซูเมิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะยิ้มให้จิวโมไป๋พลางพูดเรื่องอื่น

เหล่าผู้ชายที่มองอยู่ห่างๆส่งสายตาสังหารดุร้านขึ้น ราวกับไปฆ่าญาติของพวกเขา

หวังเสี่ยวเปา เฉินหูและอูเหวิน ออกมากระซิบกันเบาๆ

“ถ้าไม่บอกว่าเธอเป็นนางฟ้า ฉันจะคิดว่าเป็นนางมารร้าย ดูสิน้องเล็กแทบกลายเป็นศัตรูของผู้ชายทั้งหมดแล้ว”อูเหวินมองไปยังจิวโมไป๋และหลานซูเมิงที่กำลังพูดคุยกันด้วยสีหน้าแปลกๆ ถ้าเป็นในอดีตเขาจะไม่มีทางพูดแบบนี้ แต่เพราะเขามีความรักแล้ว ทำให้ไม่มองอะไรแค่ภายนอกอีก

“ไม่ต้องห่วงหรอก น้องเล็กแข็งแกร่งจะตาย ถึงจะถูกรุมเขาก็จัดการได้ง่ายๆ”เฉินหูพูดโดยไม่สนอะไร เขาอยากจะต่อสู้ใจจะขาด

หวังเสี่ยวเปาส่ายหัวก่อนจะพูด

“อย่ามัวแต่คุยกันอยู่ตรงนี้ เราเข้าไปดึงดูดแบ่งปันความเกลียดชัง มาจากน้องเล็กเร็วเข้า”หวังเสี่ยวเปาทำเป็นพูดเล่น แต่เขาเดินเข้าไปก่อน

เฉินหูและอูเหวินพยักหน้าก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับหลานซูเมิงด้วย

จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อย เขาอยากจะอยู่อย่างสงบ ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นเป้าสายตาขนาดนี้

พวกเขารออยู่ครู่หนึ่ง ก็มีชายใส่ชุดสีดำเป็นกรรมการเดินเข้ามาอธิบาย

“อย่างที่ทุกคนรู้กัน ในการเข้าร่วมประลองภายในมหาวิทยาลัย จะมีโควต้ารายชื่อผู้เขาประลอง ให้ในแต่ละชั้นปี ซึ่งจะแบ่งเป็น

ชั้นปีที่ 1 มีโควต้ารายชื่อ 10คน

ชั้นปีที่ 2 มีโควต้ารายชื่อ 20คน

ชั้นปีที่3 มีโควต้ารายชื่อ 30 และ

ชั้นปีที่ 4 มีโควต้ารายชื่อ 40 คน

รวม 100 โควต้ารายชื่อ

ถ้าชั้นปีไหนไม่ครบโควต้ารายชื่อจะส่งไปให้ชั้นอื่น”

กรรมการเงียบไปเล็กน้อยให้ผู้ที่ฟังคิดตาม ก่อนพูดต่อ

“ปกติแล้วในปีก่อนๆ ชั้นปีที่ 1 และ 2 แทบจะไม่มีคนเข้าร่วมประลอง ทำให้มีโควต้ารายชื่อเหลือจำนวนมาก แต่ในปีนี้มีนักศึกษาสมัครเข้าร่วมการต่อสู้เยอะกว่าโควต้ารายชื่อ จึงมีการประลองคัดเลือกผู้ที่ได้รับโควต้ารายชื่อการประลองภายในมหาวิทยาลัย

โดยกฏการแข่งขัน จะเป็นเหมือนกับการคัดเลือกผู้ได้รับโควต้ารายชื่อ ของชั้นปี 3 และ 4 ในปีก่อนๆ

เราจะแบ่งผู้สมัคทั้งหมด เท่าๆกันในสนามต่อสู้จำลอง 5 แห่ง แต่ละสนามประลองจะคัดได้รับโควต้ารายชื่อไปประลองการต่อสู้ 2 คน รวมเป็น 10 คน”

เมื่อเห็นว่า ไม่มีนักศึกษาคนไหนโต้แย้ง กรรมการก็พยักหน้าเบาๆก่อนกดไปที่กำแพงด้านหลังเกิดเป็นภาพโฮโลแกรม แบ่งเป็น 5 ช่อง แต่ละช่องมีรายชื่อหลายสิบชื่อเรียงลงมา

“มีผู้เข้าร่วมประลอง 215 คน แบ่งสนามต่อสู้จำลองห้องละ 43 คน การต่อสู้จะเป็นการต่อสู้เอาชีวิตรอด ภายในสนามต่อสู้จำรอง จะมีสัตว์และนักสู้ที่ถูกเชิญมาเป็นพิเศษ พวกเขาจะเป็นคนตามล่าผู้เข้าร่วมการคัดเลือก ผู้ที่เข้าไปจะต้องเอาตัวรอดจากอันตรายภายในสนามต่อสู้และผู้เข้าแข่งขันคนอื่น คนที่คะแนนพลังงานหมดจะถูกตัดออกจากการแข่งขัน ผู้ที่ได้รับโควต้า จะเป็นผู้ที่อยู่รอด 2 คนสุดท้าย ถ้าภายใน 1 ชั่วโมงไม่สามารถหาผู้เหลือรอดได้ถึง 2 คน ผู้ที่เหลือรอดจะต้องต่อสู้กันเพื่อคัดเลือก 2 คนสุดท้าย

เข้าไปเปลี่ยนชุดและอุปกรณ์ แล้วไปเตรียมตัวในห้องรอที่สนามต่อสู้ของตัวเอง”พูดจบกรรมการก็เดินจากไป

นักศึกษาทุกคนก็แยกกันไปคนละทาง

หลานซูเมิงได้สนามประลอง E เธอโบกมือก่อนจะแยกไปอีกทาง จิวโมไป๋และสามพี่น้องแยกไปสนามต่อสู้ของตัวเอง

จิวโมไป๋เดินไปยังทางเข้าที่มี ตัวอักษร A ขนาดใหญ่ติดอยู่บนประตู เขาเดินเข้าไปและเข้าไปในห้องอุปกรณ์

จิวโมไป๋ใส่ชุดรับสัญญาณ ก่อนจะเลือกพลองไม้เป็นอาวุธ

เตรียมตัวเสร็จเขาก็ไปที่ห้องรอ เขาลอบสังเกตคนในห้อง ก่อนจะไปพบกับหญิงสาวใบผมสั้นใบหน้าน่ารัก แต่เธอซ่อนใบหน้าไว้ใต้แว่นขนาดใหญ่ ในยุคสมัยที่การแพทย์ก้าวหน้า แทบจะไม่มีใครใส่แว่นสายตา เพราะมันรบกวนการทำหลายอย่างโดยเฉพาะเวลาฝึกซ้อมการต่อสู้

จิวโมไป๋จำหญิงสาวได้ทันที เพราะเธอคือคนที่เขาช่วยจากการถูกลักพาตัว

จิวโมไป๋มองหญิงสาวและครุ่นคิดเล็กน้อยเขาก็จำได้ทันที เธอเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 รองจากหลานซูเมิง และเป็นผู้ทำคะแนนอันดับ 3 ของสายวิชาการ

เธอเป็นหญิงสาวจากตระกูลระดับล่าง

ภายนอกเธอเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ไม่สุงสิงกับใคร แต่หลังจากประกาศคะแนนกลางภาค เธอได้กลายเป็นที่นิยมในทันที แต่เพราะลักษณะภายนอกของเธอ ทำให้ไม่นานเพื่อนๆก็ค่อยๆหายไป กลายเป็นอยู่คนเดียวเหมือนเดิม

เขานึกไปถึงการลักพาตัว แม้หญิงสาวจะเป็นคนในตระกูล แต่เป็นแค่ตระกูลระดับล่าง มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยงลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่เลย แสดงว่ามันไม่ได้เป็นการลักพาตัวธรรมดา

ถ้าตอนนั้นเขาไม่ผ่านไปพอดี หรือไปช่วยไม่ทัน ตอนนี้หญิงสาวจะเป็นยังไง?

แววตาของจิวโมไป๋เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อคิดถึงตรงนี้

ในอดีตเพราะเขาต้องหลบหนีการไล่ล่าของเซียวหนานจิ้น ทำให้เขาต้องออกจากมหาวิทยาลัย ไม่ได้ติดตามข่าวสารมากนัก เขาไม่ได้ยินข่าวของหญิงสาวเลย เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวดำเนิดชีวิตยังไง เธอยังคงลูกลักพาตัวหรือไม่? เขาไม่รู้จริงๆ

ในระหว่างที่จิวโมไป๋กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มีเสียงร้องทักดังขึ้นด้านหลัง

“เฮ้ จิวโมไป๋ ฉันได้ข่าวว่าแกสามารถรักษาตำหนักยุทธิ์ได้แล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”

จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยและหันไปมอง เป็นชายกำยำร่างสมส่วน ใบหน้าธรรมดา แต่แววตาเป็นประกายชั่วร้าย

จือหยาง

จิวโมไป๋เผลอยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะพบกับคนที่ทำลายตำหนักยุทธิ์ของเขาที่นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะคนๆนี้ เขาคงไม่พบวิชาเปลี่ยนสวรรค์ อนาคตของเขาจะต้องมืดมน ไม่มีโอกาสได้กลับไปแก้แค้นเซียวหนานจิ้น

เขาควรจะโกรธหรือจะรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายดี?

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์

ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์
Status: Ongoing
อ่านนิยายย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ จิวโมไป๋ ชายอายุเกือบ100ปี ได้ย้อนเวลากลับมาก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมที่ทำให้ครอบครัวของเขาต้องพังพินาศ เขาใช้ความรู้ในอนาคตเพื่อปกป้องครอบครัวและสหาย สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งเพื่อเข้าร่วมสงครามในอนาคต

Comment

Options

not work with dark mode
Reset