ทันทีที่ยาเหลวไหลเข้าไปในท้องน้อยมันก็ออกแสดงผลทันที ความร้อนราวเปลวไฟแผดเผาภายในร่างกายอย่างรุนแรง
จิวโมไป๋ตั้งสมาธิ เพ่งมองภายในทะเลลมปราณ ในตอนนั้นเอง ราวเปลวไฟ ตกลงไปในทะเลน้ำมันเดือด ไฟสีแดงเผาไหม้ภายในทะเลลมปราณอย่างดุเดือด
เศษซากตำหนังยุทธทั้ง 108 ถูกเผาทำลายล้างอย่างน่ากลัว เศษซากสีเทาค่อยๆ กลายเป็นสีขาวอย่างช้าๆ
เวลาผ่านไป 6 ชั่วโมง เปลวไฟภายในทะเลปราณดูเหมือนจะค่อยๆมอดดับลง ไม่เสียเวลา เขาหยิบโอสถกลั่นตำหนักยุทธ ขวดที่ 2 แล้วกินลงไป
ไฟที่ใกล้ดับก็ลุกโชติช่วงอีกครั้ง สีของตำหนักเริ่มกลายเป็นสีขาวสะอาดทีละน้อย
เขาตั้งสติใช้วิชาเปลี่ยนสวรรค์ เศษซากตำหนักทั้ง 108 ค่อยๆเรียงกันเป็นโครงร่างตำหนัก แต่เพราะถูกแยกส่วนไปหลายชิ้น ทำให้ตำหนักดูเว้าแหวงน่าเกลียดอย่างมาก
แต่เขาก็ไม่สนใจท่องเคล็ดวิชาอย่างช้าๆแต่มั่นคง เศษซากตำหนักยุทธเหมือนถูกอะไรตอกไว้ ไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
สีของเศษซากตำหนักยุทธ กลายเป็นสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ชิ้นส่วนของตำหนักยุทธสั่นไหวเล็กน้อย จิวโมไป๋ใช้พลังสะกดให้มันอยู่กับที่ เศษซากตำหนักสั่นเบาๆ แต่ไม่รุนแรงนัก ไม่นานนักมันก็สงบลง
ถ้ามองดีๆจะเห็นว่าตรงส่วนของเศษซาก มีแสงสีขาวอ่อนสว่างขึ้นพร้อมกันเกิดเป็นชิ้นส่วนตำหนักขนาดเล็กค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เปลงไฟใกล้จะมอดดับอีกครั้ง จิวโมไป๋หยิบ โอสถกลั่นตำหนักยุทธ ขวดสุดท้ายมาดื่ม
พริบตาเดียวเปลวไฟก็ลุกไหม้ท่วมทะเลปราณอีกครั้ง สีของเศษซากตำหนักยุทธในตอนนี้ขาวใสสะอาดราวหยกเนื้อดี เห็นดังนั้นเขาก็ถอนหายใจโล่งอก
เขาไม่รู้สีขาวสะอาจของตำหนักยุทธจะส่งผลอะไรต่อการบ่มเพาะหรือไม่
ทุกๆคนเมื่อตำหนักยุทธก่อเกิดขึ้นมันจะเป็นสีขาว ไร้สิ่งใดเจือปน เมื่อฝึกเคล็ดบ่มเพาะ ตำหนักยุทธจะเริ่มเปลี่ยนสีไปอย่างช้าๆ ถ้าเคล็ดบ่มเพาะเป็น ธาตุไฟ ตำหนักยุทธจะมีสีแดง ธาตุโลหะ ตำหนักยุทธจะกลายเป็นเหล็ก
ในอดีตตอนที่เขาชำระล้างเคล็ดบ่มเพาะ ตำหนักยุทธของเขามันดูขาวสะอาดกว่าปกติ ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรมากนัก
แต่เมื่อเขาย้อนเวลามา เมื่อเขานึกๆดูแล้ว ความเร็วในการบ่มเพาะของเขา แม้ว่ามันจะไม่ได้แย่แต่มันก็ไม่ได้ดีอะไรนัก ถ้าเทียบกับพี่สาม เขาบ่มเพาะช้ากว่า 1 ขั้น
แต่เมื่อเขาสร้างตำหนักยุทธใหม่ ความเร็วใรการบ่มเพาะของเขารวดเร็วมาก เมื่อเข้าสร้างตำหนักยุทธ ที่ 2 3 4 5 ก็ยังถือว่าไม่ช้า แม้จะต้องใช้โอสถช่วยในการบ่มเพาะเป็นจำนวนมากก็ตาม
ในตอนนั้นเขาคิดว่าเป็นเพราะ โอสถที่เขากลั่นด้วยตัวเอง แต่เมื่อคิดดีๆ พี่ใหญ่ พี่รอง และ พี่สาม ต่างก็ได้รับโอสถพอๆกัน แต่การบ่มเพาะของพวกเขาก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนัก
ไม่ต้องพูดถึง พี่สาม ที่มีความสามารถในการบ่มเพาะอยู่ในระดับ ดี เท่านั้น
พี่ใหญ่และพี่รอง ถือว่าเป็นอัจฉริยะในการบ่มเพาะ รวดเร็วกว่าคนทั่วไป
แต่เขาที่มีความสามารถในการบ่มเพาะพลังแค่พอใช้และมีตำหนักยุทธ 5 หลัง ความเร็วในการบ่มเพราะอยู่ในระดับเดียวกับพี่สาม ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้
ดังนั้นเมื่อเขาย้อนเวลามา เขาคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสีของตำหนักยุทธก็เป็นได้
เขาจึงสร้างโอสถกลั่นตำหนักขึ้นมา เพื่อทดสอบดูว่าสมมุติฐานของเขาเป็นจริงหรือไม่ เมื่อเห็นสีของตำหนักยุทธที่ตอนนี้ขาวใสราวกับส่องแสง ยิ่งชำระล้างยิ่งกลั่น สีของมันยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ
ความเป็นไปได้ที่เขาคิดอาจจะจริงก็เป็นได้
…
อีก 6 ชัวโมงผ่านไป
ตำหนักยุทธทั้ง 108 ตอนนี้แต่ละหลังถูกฟื้นฟูมาประมาณ 3 % จากประมาณ 0.9 % เมื่อทำการแยกส่วน เศษซากตำหนักในตอนนี้ขาวใสราวกับว่าถูกสร้างขึ้นมาจากหยกล้ำค่า เปลวไฟจากโอสถกลั่นตำหนักค่อยๆหมดลง ทะเลปราณกลับมามืดสนิทอีกครั้ง
แต่ตอนนี้เมื่อมองดูดีๆ ตำหนักยุทธกับเปร่งแสงสีขาวบริสุธิ์จางๆราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
เขาหยุดท่องเคล็ดวิชาเปลี่ยนสวรรค์ เศษซากตำหนักยุทธก็ลอยอยู่จุดเดิม ไม่ลอยเข้าหากัน เขาก็ยิ้มอย่างพอใจ โอสถกลั่นตำหนักยุทธ มีสรรพคุณตามที่เขาวิเคาะห์ไว้จริงๆ
เมื่อถอดจิตกลับมา ท้องก็ส่งเสียงร้องเสียงดัง เขากดกำไลข้อมือ เห็นสายไม่ได้รับ เกือบสิบสาย เขาก็แปลกใจเล็กน้อย เมื่อมองเวลาตอนนี้ เวลา 8 โมงเช้า
ลังเลเล็กน้อยเขาก็เลือกที่จะเดินไปอาบน้ำก่อน เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว เขาก็กดเปิดดูรายชื่อเห็นว่าเป็นเบอร์น้องสาว เขาจึงกดโทรออกทันที