“จบการต่อสู้ จิวโมไป๋ ปี่ที่ 1 เป็นฝ่ายชนะ”เสียงประกาศดังขึ้น เรียกสติคนที่กำลังตกตะลึงให้กลับมา
“ไม่จริงใช่ไหม คุณชายเซียวหนานจิ้นจะแพ้ได้ยังไง!”หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง สายตาเบิกกว้าง มองไปยังเซียวหนานจิ้น ที่นอนหมอบอยู่นอกสนามประลอง เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
กลุ่มคนที่เชียร์เซียวหนานจิ้นไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ก่อนหน้าพวกเขาเห็นว่าเซียวหนานจิ้นจะทำอะไรจิวโมไป๋ไม่ได้เลย เหมือนกำลังถูกยอกล้อเสียด้วยซ้ำ พวกเขาก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจิวโมไป๋จะสามารถเอาชะเซียวหนานจิ้นด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“เป็นไปไม่ได้ จิวโมไป๋พึ่งกลับมาบ่มเพาะพลังได้ไม่นานนี้เอง เขาจะบ่มเพาะพลังจนแข็งแกร่งกว่าคุณชายเซียวหนานจิ้นได้ยังไง”ชายหนุ่มคนหนึ่งหันไปพูดกับเพื่อนด้านข้าง
“คุณชายเซียวหนานจิ้นอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลายแล้ว จิวโมไป๋ไม่มีทางบ่มเพาะพลังถึงขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย ในเวลาแค่ 3 เดือนได้หรอก”หญิงสาวอีกคนพูด
กลุ่มคนแถวนั้นพูดคุยเสียงค่อยๆดังขึ้นเรื่อย…
ห้องพิเศษ
“นี่…”ผู้อาวุโสเซียวหมานคงมือกำมือแน่น หรี่ตามองไปยังจิวโมไป๋ ไอสังหารสว่างวาบเพียงวูบหนึ่งก่อนจะหายไป
ชายชราผมขาวและชายวัยกลางคนร่างผอม เลือกที่จะเงียบพลางส่งสายตาให้กันเล็กน้อย แววตาของพวกเขาเปล่งประกายมองไปที่จิวโมไป๋
ด้านล่างสนามประลอง เซียวหนานจิ้นค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขายังคงประดับด้วยรอยยิ้มแผ่วเบา
เขากระโดดขึ้นมาบนสนามประลอง ก่อนเดินตรงเข้าหาจิวโมไป๋ช้าๆแต่มั่นคง เขาเดินมาหยุดตรงหน้าจิวโมไป๋ สายตามองไปยังจิวโมไป๋ และกล่าวด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“น้องชาย ฝีมือของนายแข็งแกร่งจริงๆ ฉันสู้นายไม่ได้เลย ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยความเต็มใจ”
เซียวหนานจิ้นกล่าวจบ เขาไม่รอให้จิวโมไป๋ได้พูด เขายื่นมือขวามาหาจิวโมไป๋ พร้อมส่งรอยยิ้มเจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ เหมือนกับว่าเซียวหนานจิ้น ไม่มีความรู้สึกอายที่ตัวเองพ่ายแพ้ ให้กับจิวโมไป๋ในการประลองซักนิดเดียว
“ฉันจะไปฝึกซ้อมให้แข็งแกร่งกว่านี้ แล้วฉันจะมาขอต่อสู้แก้มือกับน้องชายอีกครั้ง ตกลงไหม?”
ท่าทางสุภาพบุรุตของเซียวหนานจิ้น ที่ยอมรับความพ่ายแพ้ โดยไม่รู้สึกโกรธหรือผิดหวัง มันยิ่งทำให้ผู้คนที่เห็นต่างยิ่งชื่นชม รู้สึกดีกับเซียวหนานจิ้นมากขึ้นไปอีก
“สมแล้วที่เป็นเทพบุตรที่แสนดี โชคร้ายที่ต้องตกรอบแรก”เสียงชื่นชมดังขึ้น
“คุณชายเซียวหนานจิ้นมีฝีมือยอดเยียมจริงๆ แต่เขาโชคร้ายที่ต้องพบกับจิวโมไป๋ที่หลบหนีเก่ง ทำให้เขาเสียแรงจากการไล่ตามจนเหนื่อยล้า และพลาดถูกโจมตีออกจากสนามประลอง ถ้าพบคนที่ประลองตรงๆแบบยุติธรรม คุณชายเซียวหนานจิ้นจะต้องชนะแน่ๆ”มีคนวิเคราะห์การต่อสู้พูดขึ้น
“ฉันยังรับไม่ได้อยู่ดีที่คุณชายเซียวหนานจิ้นตกรอบ”
“…”เสียงสรรเสริญดังขึ้นไปทั่ว ลืมจิวโมไป๋ที่ชนะไปอย่างสิ้นเชิง
จิวโมไป๋พยักหน้าให้เซียวหนานจิ้น เขาไม่แม้แต่จะเหลียวแลมือที่ยื่นมา เขาหันหลังเดินจากไป เขารู้ตัวจริงที่เลวทรามของเซียวหนานจิ้นดี เขาไม่อยากจับมือหรือพูดอะไรกับอีกฝ่ายมากนัก
แต่ท่าทางของจิวโมไป๋มัน ทำให้หลายๆคนไม่พอใจ
“บัดซบ! ชนะแล้วหยิ่งเหรอ!”เสียงต่อว่าดังขึ้น
“คนแบบนี้ไม่น่าชนะเลย! น่าเสียดายที่คุณชายเซียวหนานจิ้นต้องตกรอบ”
“ท่าทางโอหังแบบนี้ ไม่มีทางเอาชนะรอบต่อไปได้แน่”เสียงด่าทอดังขึ้นไปทั่ว
ผู้ที่ชื่นชอบเซียวหนานจิ้นมีมากมาย การกระทำของจิวโมไป๋เหมือนประกาศเป็นศัตรูกับนักศึกษาจำนวนมาก
จิวโมไป๋ไม่สนใจเสียงดังโดยรอบ เขากำลังกลับไปที่ห้องรอของปี 1 แต่ยังไม่ทันทีเขาจะลงจากสนามประลอง
หลานซูเมิงเดินมาดักรอ ใบหน้างดงามที่ปกติจะยิ้มแย้มงดงาม ตอนนี้บึ้งตึงเล็กน้อย เธอแสดงท่าทางไม่พอใจ
“จิวโมไป๋นายทำกับพี่หนานจิ้นอย่างนั้นได้ยังไง นายโกรธที่ฉันทำให้นายสูญเสียการบ่มเพาะพลังอย่างนั้นเหรอ? นายเลยไปลงมือกับพี่หนานจิ้น”
บนโฮโลแกรมปรากฏภาพที่หลานซูเมิงที่กำลังเผชิญหน้ากับจิวโมไป๋ ผู้คนเห็นท่าทางโกรธ เหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมของหลานซูเมิง มันทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกโกรธตามเธอ พวกเขาไม่แปลกใจที่หลานซูเมิงจะเป็นแบบนี้ เพราะจิวโมไป๋เอาชนะคนรักของหลานซูเมิง การมาหาเรื่องต่อว่าคนที่ทำร้ายคนรักของตัวเองมันไม่แปลก
แม้พวกเขาจะไม่ได้ยินที่หลานซูเมิงพูด แต่พวกเขาก็สามารถคาดเดาบางอย่างได้ พวกเขามองไปยังจิวโมไป๋ด้วยแววตาลุกวาว
จิวโมไป๋มองใบหน้าของหยานซูเมิงนิ่งไปเล็กน้อย
เห็นว่าจิวโมไป๋ไม่พูดอะไร
หลานซูเมิงกัดริมฝีปากเบาๆ เหมือนถูกทำร้าย ดวงตางามมีน้ำตาคลอออกมาเล็กน้อย
“ฉันขอโทษจริงๆ ที่ส่งคนไปทำกับนายแบบนั้น นายจะต่อว่าหรือทำร้ายฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่เอาผิดนาย แต่นายไปทำร้ายพี่หนานจิ้นทำไม เขาไม่ได้ผิดอะไรเลย”
จิวโมไป๋ฟังหนานซูเมิงพูดจนจบ ก่อนที่เขาจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา
“หลานซูเมิง เธอต้องตื่นได้แล้ว อย่าฟุ้งซ่านคิดอะไรเข้าข้างตัวเอง สำหรับฉัน เธอไม่สามารถทำให้ฉันต้องทำอะไรแบบนี้ได้หรอก”จิวโมไป๋พูดจบก็เดินผ่านหลายซูเมิงไป
ก่อนที่จะเดินผ่านเขากล่าวอีกว่า
“อย่ามั่วแต่ห่วงคนอื่นเลย ห่วงตัวเองเอาไว้ก่อนดีกว่า”
หลานซุเมิงเงียบนิ่งด้วยความตกใจ เธอไม่คิดเลยว่าจิวโมไป๋จะพูดกับเธอแบบนี้
เซียวหนานจิ้นที่เห็นคนรักสาว เขาเดินมาหาหลานซูเมิงก่อนจะจับมือขาวเนียนเบาๆ
“ซูเมิง ฉันขอโทษ ที่ตกรอบแรก ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้”เซียวหนานจิ้นกล่าวเสียงนุ่ม ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิด
หลายซูเมิงเหมือนได้สติ เธอยิ้มอย่างอ่อนหวานให้เซียวหนานจิ้น ก่อนกล่าวว่า
“ไม่เป็นไร พี่หนานจิ้นพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ อีกไม่นานฉันจะประลองแล้ว หลังจากนั้นพวกเราไปทานอาหารด้วยกันดีไหม”หลานซูเมิงตบมือเซียวหนานจิ้นเป็นการปลอบโยน เธอสลัดคำพูดจิวโมไป๋ทิ้งไปไม่สนใจอีก
ทั้งสองกุมมือพูดกระซิบกันเบาๆ มันทำให้คนดูที่จับตามองอยู่รู้สึกเขินอาย เสียงพูดเบาลงราวกับไม่อยากรบกวนทั้งคู่
จิวโมไป๋เดินไปตามทางเดิน จนไปถึงห้องรอปี 1
เมื่อเข้าไป หวังเสี่ยวเปา เฉินหู และอูเหวินเดินเข้ามาตบบ่า เพื่อแสดงด้วยความยินดี
การประลองรอบที่ 2 เป็นของปี 3 และปี 4
พวกเขาเดินไปดูโฮโลแกรมที่กำลังฉายการประลอง
การประลองเป็นไปด้วยความตื่นเต้น มีชั้นปี 1 ออกไป 2 คน พวกเขาแพ้ตกรอบ จนมาถึงคู่ที่ 10 เฉินหู ปีที่ 1 จับคู่กับ อูหนิว ปีที่ 3
เมื่อทั้งสองขึ้นไปบนเวที เสียงพูดซุบซิบดังขึ้นเบาๆ
พวกเขาจำอูหนิวได้ เขาเป็นอันดับที่ 3 ของปีที่ 3 และเป็นคนที่เคยต่อสู้กับเฉินหูและได้รับความฝ่ายแพ้
ไม่คิดเลยว่าทั้งสองจะต้องประลองกันตั้งแต่รอบแรก
เหมือนกับว่าทั้งสองได้ต่อสู้แก้มืออีกครั้ง
“ฉันขอโทษจริงๆ ที่ต่อสู้กับพวกนายในตอนนั้น ฉันได้รับจ้างให้เข้าร่วมการต่อสู้ ฉันเลยต้องทำตามการจ้าง”อูหนิวพูดขึ้นก่อนเสียงประกาศเริ่มประลองจะดังขึ้น
เฉินหูชะงักตกใจ เขาไม่คิดว่าอยู่ๆอีกฝ่ายจะพูดขอโทษ แต่ยังไม่ทันที่เข้าจะได้พูดอะไร อูหนิวก็พูดอีกว่า
“นายไม่รับคำขอโทษของฉันก็ไม่เป็นไร ฉันถือว่าได้พูดออกไปแล้ว ฉันขอโทษจริงๆ ถ้าฉันรู้ว่าเป็นการลักพาตัว ฉันจะไม่ร่วมตั้งแต่แรก”อูหนิวยังพูดขอโทษหยุด
“การประลองรอบที่ 10 เริ่มได้!”เสียงสัญญาณดังขึ้น
เฉินหูยกหมัดที่ใส่ถุงมือหนังขึ้นเตรียมพร้อมต่อสู้
แต่อูหนิวยังไม่ทำอะไร เขายังพูอะไรขอโทษไม่หยุด เหมือนรู้สึกผิดจริงๆ
เฉินหูได้แต่นิ่ง
—