บนสนามประลอง
อูเหวินถือมีดไม้สองข้างยืนเผชิญหน้ากับหลายซูเมิงที่ถือกระบี่ไม้ ทั้งสองมองหน้ากันเล็กน้อย หลานซูเมิงก็ยิ้มอย่างงดงามนุ่นนวลทักทายอูเหวิน
“อูเหวิน ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะต้องต่อสู้กันตั้งแต่รอบนี้”
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะดวงซวยเจอเธอเหมือนกัน”อูเหวินพยักหน้ากล่าวอย่างเสียอารมณ์เล็กน้อย
“ตอนสอบกลางภาค นายไม่ได้ตั้งใจต่อสู้ ฉันเลยสามารถเอาชนะนายไปได้ ครั้งนี้นายลงมือเต็มที่เถอะ ฉันอยากรู้ว่าจิวโมไป๋จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน”หลานซูเมิงพูดพร้อมชี้กระบี่ไม้ไปทางอูเหวิน พลังกดดันแผ่กระจายออกจากร่างของเธออย่างช้าๆ ชุดต่อสู้สีขาวตัวยาวโบกสะบัดไปมาอย่างงดงาม
“ที่เธอพูดหมายความว่ายัง”อูเหวินเลิกคิ้วมองหลานซูเมิง
หลานซูเมิงเงียบไม่ตอบ
“การประลองเริ่มได้”
เสียงสัญญาณเริ่มการประลองดังขึ้น
“รับมือ”หลานซูเมิงร้องเตือน เธอเป็นฝ่ายเริ่มลงมือก่อน เธอใช้ท่าทางทะยานเข้าหาอูเหวิน กระบี่ไม้ในมือของเธอแทงออกมาอย่างนุ่มนวล คมกระบี่แทงไปยังอูเหวินเหมือนเชื้องช้า แต่เมื่อใกล้ถึงร่างของอูเหวิน เพียงพริบตามันกลับกลายเป็นกระบี่อันรวดเร็วเหมือนงูที่คดเคียว ยากที่จะป้องกัน
อูเหวินเห็นดังนั้น เขาไม่ลนลานสายตาจับจ้องคมกระบี่ที่แทงเขามา และใช้ท่าร่างอันรวดเร็วคมกระบี่ได้อย่างง่ายดาย
หลานซูเมิงรั้งกระบี่กับ และฟันกระบี่ออกไป กระบี่ไม้เหมือนประกายแสง ฟันออกไป
อูเหวินยังคงใช้ท่าร่างอันรวดเร็วหลบหนีไปได้ ความเร็วของอูเหวินเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 ไปไกลแล้ว หลานซูเมิงที่อยู่ขั้นที่ 3 ปลายไม่มีทางตามอูเหวินได้ทัน
หลานซูเมิงรู้ว่าความเร็วสู้ไม่ได้ เธอก็ยังใช้ท่าร่างพุ่งตามอูเหวินไม่ทิ้งห่าง กระบี่ไม้แทงออกไปติดติดหลายครั้ง ทวงท่ากระบี่งดงามน่ามอง แต่แฝงไปด้วยอันตรายที่ประมาทไม่ได้
อูเหวินใช้ท่าร่างหลบหนีอีกครั้ง
บนที่นั่งผู้ชม
“ทำไมอูเหวินเอาแต่หลบไม่ตอบโต้ไปซักที ทั้งๆที่การประลองรอบก่อนๆเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความเร็วสูงได้ง่ายๆ”ชายหนุ่มนักศึกษาพูดขึ้น
“อูเหวินคงไม่อยากลงมือกับเทพธิดา”ชายคนหนึ่งพูด
“ไร้สาระนี้เป็นการประลอง ใครจะคิดยังงั้นในการต่อสู้”หญิงสาวนางหนึ่งพูดขึ้น
“ก็ไม่แน่หรอก”ชายหนุ่มที่นั่งไม่ไกลพูดขึ้น
บนสนามประลอง
หลายซูเมิงยังคงตามติดอูเหวินไม่ห่างกระบี่ไม้ในมือของเธอ เหมือนงูที่เข้าฉกจากทุกทิศทาง
แต่อูเหวินก็ยังหลบได้อย่างไม่ยากเย็น โดยไม่มีทีท่าว่าจะโดนแทงแม้แต่น้อย
“อูเหวิน ถ้านายยังมัวแต่หลบอยู่แบบนี้อีก ผลการประลองก็จะเหมือนที่พวกเราเคยประลองกันอีก”หลานซูเมิงเอ่ยปากขึ้น หน้าผากขาวเนียนของเธอเริ่มมีเหงื่อเม็ดใสปรากฏขึ้น
แววตาของอูเหวินแสดงออกถึงความลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจลงมือ เขาหลบกระบี่ไม้ที่หลานซูเมิงแทงเข้ามา พร้อมย่อตัวพุ่งเข้าไปฟันหลานซูเมิงตรงๆ ด้วยความเร็วสูง
ฉีก! พลังชีวิตของหลานซูเมิงลดลงไป 50 เหลือ 950
“โอ๊ย!”หลานซูเมิงร้องออกมาเล็กน้อย คิ้วคู่งามขมวดเล็กน้อย สีหน้าของหญิงสาวแม้ไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวด แต่ก็ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดร้าวแทน
ผู้ชมบางคนยืนขึ้นร้องตะโกนด่าอูเหวินเสียงดัง
อูเหวินทำเป็นไม่ได้ยิน เขามองไปยังหลานซูเมิงแววตาแสดงออกถึงความสับสน
“ดี มาสู้กันต่อ”หลานซูเมิงกลับมายิ้ม และตั้งท่าต่อสู้
อูเหวินเห็นดังนั้นก็ไขว้มีดสั้นคู่ เตรียมพร้อมเช่นกัน
ในชั่วเวลานั้นเอง หลานซูเมิงก็พุ่งเข้าหาอูเหวิน กระบี่ในมือแทงออกไปหลายสิบครั้ง คมกระบี่กลายเป็นกลีบดอกไม้นับสิบพุ่งเข้าหาอูเหวิน
อูเหวินเห็นดังนั้น ก็ตั้งใจจะหลบอีก แต่เมื่อโยกตัวหลบ ความเร็วของเขาตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ปัก ปัก
สองกระบี่แทงเข้าที่แขนของอูเหวิน พลังชีวิตลดลงไป 40 เหลือ 960
หลานซูเมิงกวาดกระบี่ฟันใส่ข้างลำตัวอูเหวินอีกหนึ่งกระบี่ พลังชีวิตลดลงไปอีก 30
อูเหวินรีบเร่งท่าร่างหลบหนี หลานซูเมิงใช้ท่าร่างทะยานร่างตามติดไม่ทิ้งห่าง
อูเหวินใช้มีดสั้นไม้ปัด กระบี่ที่แทงมาและแทงกลับตอบโต้บ้างเป็นบางครั้ง ทั้งสองตอบโต้กันไปมา ไม่หลบหนีฝ่ายเดียวอีก แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่าอูเหวินเหมือนไม่ลงมือเต็มแรง เหมือนยับยั้งพลังเอาไว้
พลังชีวิตของทั้งสองผลัดกันลดลงอย่างช้าๆ
“น้องสามมั่วทำอะไรอยู่”เฉินหูพูดขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจ เขาที่ฝึกฝนกับอูเหวินมาตลอดรู้ถึงความสามารถของอูเหวินเป็นอย่างดี แต่จากที่เห็นในตอนนี้อูเหวินอ่อนแอจนน่าตกใจ
หวังเสี่ยวเปาเงียบไม่พูดอะไร เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
จิวโมไป๋มองไปที่อูเหวินและถอนหายใจ อูเหวินเป็นคนที่มีประสบการณ์ การใช้ชีวิตมากกว่าทุกคน ยกเว้นจิวโมไป๋ที่เกิดใหม่
แต่ถึงจะมีประสบการณ์มากกว่าหวังเสี่ยวเปาและเฉินหู แต่อูเหวินก็เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนแอที่สุดในกลุ่มของพวกเขา
เพราะอูเหวินเป็นเด็กกำพร้า และเป็นพี่คนโตที่สุด ทำให้เขามีหน้าที่ต้องดูแลเด็กคนอื่นๆ ทำให้เขาเป็นเหมือนหัวหน้าขอบครัว เพราะหน้าที่และการใช้ชีวิตของอูเหวิน ทำให้เขามีความคิดเกินวัย เขาได้ค้นพบถึงระดับความต่างชั้นของสังคมระดับชนชั้นมากตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาหล่อหลอมซึมซับความคิดบางอย่างมา
อูเหวินได้เรียนรู้ว่า ถ้าเขาทำให้คนที่มีฐานะสูงกว่าไม่พอใจ เขาจะต้องเดือดร้อน และไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่จะเดือดร้อน มันร่วมถึงเด็กๆคนอื่นในครอบครัว ที่จะต้องได้รับผลกระทบ เดือดร้อนไปกับเขาด้วย
เพราะหน้าที่ความรับผิดชอบ และความคิดที่ติดตัวมา
ทำให้ในใจลึกๆของอูเหวินคิดอยู่เสมอว่า เขาไม่สามารถต่อสู้กับคนที่มีพื้นหลังที่แข็งแกร่งได้ เพราะมันจะทำให้ตัวเขาเดือดร้อนและมันจะส่งผลถึงคนข้างหลังของเขา
ชุดความคิดนี้ ฝั่งลึกลงไปในนิสัยของอูเหวิน ทำให้มันยากที่จะแก้ไข
การต่อสู้กับหลานซูเมิง จึงปรากฏภาพให้เห็นได้อย่างชัดเจน ถึงความคิดของอูเหวิน
อูเหวินมีระดับการบ่มเพาะพลังมากกว่าหลานซูเมิง ร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเทียบไม่ติด ประสบการณ์ต่อสู้อันตรายที่เขาได้ฝึกฝนอย่างยากลำบาก และเขายังเป็นผู้ใช้กฏแห่งธาตุลมระดับกลาง
แต่เมื่อทั้งสองต่อสู้กัน อูเหวินลดพลังลงอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ใช้การลดพลังเพื่อให้เท่าเทียมกับคู่ต่อสู้เหมือนตอนที่จิวโมไป๋และเฉินหูต่อสู้
แต่มันเป็นการกระทำ ที่เกิดจากจิตใต้สำนึกล้วนๆ ทำให้อูเหวินไม่สามารถดึงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ แม้จะลดระดับพลัง เหมือนจิวโมไป๋และเฉินหู
อูเหวินไม่กล้าทำร้ายหลานซูเมิง เพราะกลัวผลที่ตามมา
อูเหวินแตกต่างจากจิวโมไป๋ ที่มีทางออกในทุกเรื่องที่ทำ อูเหวินไม่มีแผน ไม่มีความสามารถพอ เขาไม่มีอะไรรองรับผลที่จะตามเลย ทำให้เขาไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะกลัวความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
เวลาผ่านไปจนหมดเวลา
พลังชีวิตของอูเหวินเหลืออยู่ที่ 720 พลังชีวิตของหลานซูเมิงเหลืออยู่ที่ 850
อูเหวินยืนนิ่งเงียบ เขามองไปยังมีดสั้นไม้ทั้งสอง หัวสมองของเขาว่างเปล่า
“จบการประลอง ผู้ชนะ หลานซูเมิงปี 1”
คนดูโห้ร้องไม่พอใจกับการประลองที่น่าเบื่อ พวกเขาไม่โทษหลานซูเมิง แต่มาลงที่อูเหวิน
อูเหวินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขาก้มหน้าลง เดินไปยังทางออกสนามประลอง ไม่ได้เดินไปยังห้องรอปี 1
เฉินหูและหวังเสี่ยวเปามองหน้าจอโฮโลแกรมเห็นอูเหวินเดินจากไป พวกเขาทำท่าจะออกไปหา แต่จิวโมไป๋จับมือห้ามเอาไว้ก่อน
“ตอนนี้พี่สามต้องใช้เวลาคิดทบทวนอะไรบางอย่าง อย่าพึ่งไปรบกวนเขาเลย”
หวังเสี่ยวเปาและเฉินหูพยักหน้ารับ ก่อนจะนั่งลง พวกเขารู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
การประลองคู่ที่ 24
ซุนกวนหมิงต่อสู้กับ อันดับ 8 ของมหาวิทยาลัยเทียนซู ซุนกวนหมิงใช้ความพยายามเล็กน้อย เขาก็สามารถเอาชนะไปได้
จบการประลองรอบที่สอง มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง ก่อนการประลองรอบต่อไป
จิวโมไป๋และคนอื่นๆ รีบออกจากห้องรอ เพื่อตามหาอูเหวิน
พวกเขาพยายามติดต่ออูเหวิน แต่อูเหวินไม่ยอมรับสาย พวกเขาเริ่มเป็นกังวล จิวโมไป๋จึงต้องแฮ็กระบบเครือข่ายมหาวิทยาลัย ตามหาสัญญาณของอูเหวิน ใช่เวลาครู่หนึ่งจิวโฒไป๋ก็พบอูเหวินอยู่ที่สนามประลองกลางแจ้งที่อยู่ห่างออกไป
“วันนี้สนามประลองกลางแจ้งปิด เพราะการประลองไม่ใช่เหรอ อูเหวินเข้าไปได้ยังไง”หวังเสี่ยวเปาถาม
ทั้งสามมองตากันเล็กน้อย พวกเขารู้สึกไม่ดี รีบไปที่สนามประลองกลางแจ้ง
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวขสอบไปก่อนหน้า เขาพบว่าอูเหวินกำลังต่อสู้กับใครบางคน เมื่อเขามองไปยังคู่ต่อสู้ของอูเหวิน ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เขารีบเร่งความเร็วไปข้างหน้า หวังเสี่ยวเปาและเฉินหูเห็นดังนั้นรีบพุ่งตัวตามไป
ก่อนหน้านั้น 10 นาที
อูเหวินเดินออกจากสนามประลองอย่างเหม่อลอยไปตามทาง ผู้คนที่เห็นการประลองต่างชี้มาทางอูเหวิน กระซิบดูถูกดูแคลน
อูเหวินไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาที่ดังเข้าหู เขาเดินอย่างไร้จุดหมายจนมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
“พี่อูเหวิน!”เรียงร้องเรียกดังขึ้น เรียกสติที่ว่างเปล่าให้กลับมา อูเหวินหันหน้าไปด้านหลังเห็นหญิงสาวผมทองยืนห่างออกไปไม่ใกล้
“เซเรีย”อูเหวินกล่าวเสียงแผ่วเบาด้วยความตกใจ เขาหันตัวกลับทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่เขาก็เห็นว่าด้านซ้ายของหญิงสาว มีดยุกเซราสที่มองเขาด้วยสายตาดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด
อูเหวินรู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้า เขาก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ
เขาคาดเดาได้ว่าดยุกเซราส ถูกเซเรียพามาดูการประลอง
ในการประลองอูเหวินพ่ายแพ้แบบน่าอับอายที่สุด เซเรียและดยุกเซราสต้องเห็นทั้งหมดอย่างแน่นอน เขาไม่กล้าสู้หน้าเซเรียอีกแล้ว
ดยุกเซราสที่มองอยู่เห็นดังนั้นก็ไม่พอใจ เขายกมือขึ้น เพียงพริบตาเดียว ร่างของอูเหวินเหมือนถูกสายลมพัดอย่างแรง
“ที่นี่มัน”อูเหวินลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆด้วยความตกใจ เขาก็พบว่าที่นี่คือใจกลางสนามต่อสู้กลางแจ้ง
“น่าเสียดายในความสามารถที่เธอมีจริงๆ”ดยุกเซราสกล่าว น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ อย่างเห็นได้ชัด
“ผม…”อูเหวินก้มหน้ากล่าวเสียงเบา เขาลืมความกลัวที่มีให้กับดยุกเซราสไปแล้ว ในตอนนี้เขามีแต่ความรู้สึกโทษตัวเอง ที่เขาไม่ใช้ความสามารถทั้งหมดของตัวเอง ต่อสู้อย่างเต็มที่
“จะพูดอะไรก็รีบพูด”ดยุกเซราสพูดขึ้น พลังกดดันแผ่ออกมาเล็กน้อย
“ผม… ถ้าผมใช้กำลังที่มีทั้งหมดต่อสู้ไปละก็…ผมจะสามารถเอาชนะได้ แต่หลังจากนั้นผมจะได้รับความเดือดร้อน จากอิทธิพลของเธอได้”อูเหวินเอ่ยเสียงสั่นเทา ก้มหน้าลง เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัวจากร่างของดยุกเซราส ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ที่ยอมแพ้ เพราะเรื่องแค่นั้น”สายตาของดยุกเซราสฉายแววผิดหวังออกมา โดยที่อูเหวินไม่สามารถมองเห็นได้
“ผมมีคนที่ดูแลหลายคน ถึงผมจะเดือดร้อน ผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมกลัวว่าคนที่ผมรักจะเดือดร้อนไปด้วย”อูเหวินถอนหายใจออกมา เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเองในตอนนี้จริงๆ
ดยุกเซราสมองไปยังอูเหวิน พลังกดดันของเขาหายไปอย่างเงียบเชียบ
“ที่เธอกำลังกลัวอยู่ตอนนี้ เพราะยังแข็งแกร่งไม่พอ!”ดยุกเซราสกล่าว แววตาของเขาเป็นประกายลึกลับ
“ถ้าเธอแข็งแกร่ง จะมีใครกล้าทำอะไรครอบครัวของเธออีกไหม ถ้ามัวแต่กลัวอะไรไม่เข้าท่า สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ถ้ากลัวว่าครอบครัวจะเป็นอะไร ก็ต้องพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากขึ้น เพื่อปกป้องครอบครัว หรือถ้ามีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์มากพอ ก็หากลุ่มอิทธิพลที่แข็งแกร่งเข้าร่วม กลุ่มอิทธิพลเหล่านั้นจะหาทางปกป้องครอบครัวของเธอเอง”
อูเหวินหน้าเสีย
“ตอนนี้โอกาสดีๆหลุดไปแล้ว ตอนนี้เธอก็ยังคงอ่อนแอ ยากที่จะหาอิทธิพลสนับสนุน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ได้แต่เดินในเส้นทางที่ยากลำบากด้วยตัวเอง”ดยุกเซราสกล่าวอย่างช้าๆ ในมือของเขาปรากฏไม้เท้ายาวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“ผม…”อูเหวินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
ดยุกเซราสมองไปยังอูเหวิน ดวงตาปรากฏกลินอายสังหาร”ถ้าไม่ใช้เพราะลูกสาวของฉันขอร้อง ฉันไม่มีทางมาพบคนขี้ขลาดแบบนี้แน่”
ดยุกเซราสกระแทกไม้เท้าลงพื้นเกินกำแพงลมอันรุนแรงรอบร่างของเขา
“อย่ามัวเสียเวลาอีก ถ้าสามารถเข้ามาถูกตัวฉันได้ ฉันจะยอมรับเธอมาเป็นผู้ติดตามของฉัน!”
“อะไรนะ!”อูเหวินเงยหน้าอย่างตกใจ เขามองไปยังกำแพงคมด้านหน้าของดยุกเซราส เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันรุนแรงของมัน เขาไม่คิดว่าจะสามารถฝ่าเข้าไปได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่อูเหวินกำลังลังเล
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ เขาเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทียนซู ฉันจะไม่สามารถปล่อยให้เขาไปกับท่านได้ ท่านดยุกเซราส”หญิงวัยกลางคน ผู้มีใบหน้างดงามปรากฏขึ้นด้านข้างของอูเหวินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
อูเหวินหันไปมองหญิงวัยกลางคนด้วยความตกใจ
“ท่านอธิการบดี!”
—