เคล็ดวิชาผสานยุทธ์ เป็นเคล็ดวิชาลับที่แข็งแกร่ง มันจะผสานอวตารของเคล็ดบ่มเพาะพลัง 2 วิชาหรือมากกว่า เพื่อพัฒนาอวตารให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปหลายเท่า
เคล็ดวิชาผสานยุทธ์ถูกจัดให้เป็นเคล็ดวิชาที่ไร้ประโยชน์ เพราะผู้ฝึกตนเกือบทุกคนต่างก็รู้จักและต่างก็ต้องเคยศึกษาเคล็ดวิชานี้บ้างไม่มากก็น้อย การฝึกฝนก็ไม่ยากนัก แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะทำสำเร็จ
ผู้ที่สามารถผสานตำหนักยุทธ์ที่มีชื่อเสียง มีไม่ถึง 10 คู่ จากจำนวนผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วน มันถือว่าเป็นจำนวนผู้สำเร็จที่น้อยมาก ไม่แปลกเลยที่มันจะถูกจัดให้เป็นเคล็ดวิชาที่ไร้ประโยชน์
แม้ว่ามันจะช่วยส่งเสริมให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ก็มีน้อยคนที่จะสำเร็จ เหมือนเป็นแค่เคล็ดวิชาที่สร้างความหวัง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร
เคล็ดวิชาผสานยุทธ์มีเงื่อนไข ในการใช้เคล็ดวิชาที่ยากจะมีคนทำสำเร็จ
เริ่มแรกผู้ใช้เคล็ดวิชาผสานยุทธ์จะต้องมีสองคนหรือมากกว่านั้น และจะต้องมีจิตใจที่มั่นคง สงบนิ่ง และจะต้องมีความรู้สึกผูกพันกันอย่างลึกซึ้งในแง่ความเชื่อใจ ความเข้าใจ และมีความนึกคิดที่ใกล้เคียงอย่างมากกับคู่ผสานตำหนักยุทธ์ ถ้าผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยการผสานยุทธ์จะล้มเหลวทันที
ความเข้าใจและความเชื่อใจของคู่ผสานยุทธ์นั้นไม่ยากที่จะสร้างขึ้น แต่ความนึกคิดที่ใกล้เคียงกัน เป็นสิ่งที่ยากมากที่จะหาคนที่มีความนึกคิดใกล้เคียงกับตัวเองได้ แม้แต่ญาติพี่น้องก็มีความนึกคิดแตกต่างกัน
นอกจากนี้เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่จะผสานกัน จะต้องสนับสนุนและคล้ายคลึงกัน มันจะทำให้โอกาสในการผสานยุทธ์มากขึ้น แต่ถ้าเป็นการผสานที่ยากลำบาก ยิ่งยากลำบากมากเท่าไหร่ ถ้ามันสำเร็จ ความแข็งแกร่งของอวาตารก็จะเพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นการผสานยุทธ์ ไม่แปลกเลยที่เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเซียวจะตกใจ เพราะในเวลานี้ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขา ถูกลดลงเหลือเพียงระดับปราณปฐพีปลาย การที่อีกฝ่ายมีพลังเพิ่มขึ้นมากกว่าจากการผสานยุทธ์ มันหมายถึงความแตกต่างในความแข็งแกร่ง!
ระดับปราณนภาและระดับปราณปฐพี แม้จะห่างกันเพียงระดับเดียว แต่ความแข็งแกร่งนั้นแตกต่างกันอย่างมาก!
ต้นหลิวเปล่งประกายเจิดจ้าสีเขียวหยดผสมกับสีทองส่องสว่างงดงามในความมืดมิด ใบไม้สีเขียวทองสั่นไหวส่งเสียงเสียดสีเหมือนท่วงทำนองเพลง
“อย่าตกใจ เปิดค่ายกลเร็วเขา!”ผู้อาวุโสใน 1 ร้องเตือนสติ กระบี่ในมือก็ฟันร่างเสมือนที่พัวพันไม่หยุด
ผู้อาวุโสคนอื่นได้สติ ร้องสั่งผู้บ่มเพาะพลังของตระกูลให้สร้างค่ายกล
เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้บ่มเาพะพลังของตระกูลเซียว ก็ยกอาวุธขึ้นมากรีดมือตัวเอง เลือดสีแดงสดจากผู้บ่มเพาะพลังนับหมื่นไหลลงพื้น เกิดไม่รอช้าเกิดเป็นเส้นแสงสีแดงทั่วลานกว้าง
คลืนนน เสียงเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงดังขึ้นก่อนที่รูปปั้นมนุษยักษ์สูง 10 สี่ทิศของลานกว้างจะเกิดแสงสว่างจ้า
ก่อนที่จะเกิดม่านพลังสีฟ้าปกคลุมลานกว้างทั้งหมด ลวดลายอักษรโบราณบนม่านพลัง ทำให้ผู้ที่จ้องมองถูกพลังบางอย่างทำให้ภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจน
น่าแปลกที่ม่านพลังดูอ่อนแอ ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก
ในระหว่างนั้นเอง ผู้อาวุโสทั้ง 9 ก็เริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาพุ่งไปยืนอยู่เบื้องหน้าจิวโมไป๋ แต่ไม่ออกนอกม่านพลัง สายตาสำรวจจิวโมไป เห็นว่ามีเพียงคนเดียว พวกเขาก็ระแวง คิดว่ามีอีกคนซ่อนตัวอยู่
“สารเลว! พวกเจ้าปลดข่ายอาคมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข้าจะจัดการพวกเจ้า แล้วจะไปสังหารครอบครัวของพวกเจ้าทั้งหมด!”ผู้อาวุโส 10 ร้องคำรามเสียงดัง
ผู้อาวุโสคนอื่นก็ร้องด่าทอไม่หยุด แต่พวกเขาไม่ขยับตัวออกนอกม่านพลัง เหมือนกำลังรอให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตีก่อน
จิวโมไป๋ยืนนิ่งเฉยราวกับไม่สนใจเสียงด่าทอ ต้นหลิวทองสงบนิ่งอยู่ด้านหลัง ใบไม้ขยับเล็กน้อยตามสายลมที่พัดผ่าน
เวลาผ่านไปเล็กน้อย
เหล่าคนที่อยู่ภายในม่านพลังเริ่มหมดความอดทน แต่ก็ไม่ยอมออกมา
ในตอนนั้นเอง จิวโมไป๋ก็เคลื่อนไหว เขาโบกมืออย่างแผ่วเบาข่ายอาคมสีม่วงขนาดเล็กนับสิบเรียงซ้อนกันพุ่งไปชนม่านพลังสีฟ้า ข่ายอาคมขนาดเล็กซ้อนทับกันเกิดเป็นวงแหวนข่ายอาคมที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ
ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนสีทันที แต่ยังไม่ทันทีพวกเขาจะได้ทำอะไร วงแหวนข่ายอาคมก็แตกออกทำลายม่านพลังเป็นชิ้นๆทันที เหล่าผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเซียวที่แบ่งพลังให้ม่านพลังก็แตกซ่านบาดเจ็บภายในไม่น้อย
“แกรู้เป็นใคร! ทำไมรู้ความลับของค่ายกลกระจกวารีของพวกเรา!”ผู้อาวุโสใน 10 แตกตื่นตกใจ เพราะความลับของค่ายกลกระจกวารีคือการสท้อนการโจมตีกลับไปหาผู้โจมตี โดยที่การโจมตีที่สะท้อนไปจะถูกส่งไปยังผู้โจมตีอย่างแม่นยำ ไม่สามารถหลบได้ และพลังที่สะท้อนกลับไปจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า!
แต่อีกฝ่ายกับสามารถแก้ไขค่ายกลได้ง่ายๆ ถ้าไม่รู้ถึงค่ายกลมาก่อนไม่มีทางเลยที่จะแก้ไขได้รวดเร็วขนาดนี้
ก่อนที่ต้นหลิวสีทองจะสั่นไหวอย่างรุนแรง กิ่งก้านโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว ใบไม้สีทองนับไม้ถ้วนพุุ่งเข้าใส่เหล่าผู้อาวุโส คลื่นพลังอันคมกริบผสานลงไปในใบไม้ ฉีกกระชากสายลมส่งเสียงดังหวีดร้องน่าสะพรึงกลัว
ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเปลี่ยนสีดำคล้ำ พวกเขาต้านการโจมตีเอาไว้ แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ใบไม้นับไม่ถ้วนก็โอบล้อมร่างของพวกเขาและฉีกกระชากร่างจนเลือดสาดกระจาย
เหล่าผู้อาวุโสทั้ง 9 เสียชีวิตทันที โดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่การกรีดร้องก็ไม่สามารถทำได้!
“นี่…นี่”ผู้อาวุโส 1 อ้าปากตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว กระบี่ในมือช้าลงเล็กน้อยจนเขาเกือบพลาดถูกสัตว์เสมือนโจมตี
จิวโมไป๋เดินอย่างช้าๆไปที่ลานหน้าตำหนัก เหล่าผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเซียวที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่ต่างถอยหนีด้วยความกลัว
จิวโมไป๋มองตรงไปในตำหนักก่อนจะกล่าวเสียงเย็นยะเยือก
“ออกมา! ถ้ายังไม่ออกมาฉันจะทำลายที่นี่ทั้งหมด”
วูบบบ
กลุ่มคนพุ่งออกมาจากภายในตำหนัก คลื่นพลังกดดันที่แผ่พุ่งออกจากร่างของพวกเขารุนแรงน่าสะพรึงกลัว แม้จะถูกลดระดับจนอยู่ระดับปฐพี แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ธรรมดา
เซียวหนานจิ้นก็ออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ คลื่นพลังของเขาเหนือกว่าคนอื่นอย่างเทียบไม่ติด
“จิวโมไป๋!”เซียวหนานจิ้นจดจำจิวโมไป๋ได้ทันที
“เซียวหนานจิ้น! แกเป็นคนที่ส่งคนไปฆ่าล้างชนเผ่าไผ่ดำใช่ไหม?”จิวโมไป๋กล่าวถามจิตสังหารแผ่กระจายออกจากร่างอย่างรุนแรง
ใบหน้าเซียวหนานจิ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อน ก่อนจะยิ้มแผ่วเบาและตอบ
“ถ้าใช้ แล้วเจ้าจะทำยังไง”
“แกก็สมควรตายไปซะ!”จิวโมไป๋ร้องคำราม ต้นหลิวด้านหลังเข้าโจมตีฟาดลงไปยังร่างของเซียวหนานจิ้นอย่างรุนแรง
“ท่านเจ้าระวัง!”เสียงร้องดังขึ้น ก่อนที่เหล่ายอดฝีมือตระกูลเซียวที่ล้อมอยู่จะเข้าขัดขวาง
แต่พวกเขาก็ถูกต้นหลิวโจมตีอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกไปร่างกายแตกร้าวอย่างน่ากลัว
เซียวหนานจิ้นมองอย่างเฉยชาบนมือปรากฎหอกยาวสีทองสลักลวดลายอาคมอันทรงพลัง
จิวโมไป๋ขยับมือ กระบี่ฟันกระบี่ออดไปเกิดคลื่นพลังตัดอากาศออกเป็นสองส่วน
เซียวหนานจิ้นเห็นดังนั้น เขาก็ไม่หวาดกลัว พื้นใต้เท้าของเขาพลันมีสระอำพันปรากฎขึ้น โอบล้อมพื้นที่ 40 ตารางเมตร หอกในมือแทงออกไปเกิดเป็นม่านน้ำตกสูงหลายสิบเมตรต้านคมกระบี่ ในเวลาเดียวกันร่างของเขาพลันหายวับไป ก่อนจะปรากฎตัวข้างร่างของจิวโมไป๋ก่อนจะแทงหอกออกไป คมหอกเกินพลังกฎแห่งธาตุน้ำอันทรงพลังราวกับจะทะลุทะลวงทุกสิ่ง
ในตอนนั้นเองต้นหลิวทองพลันโบกสะบัดใบหลิวทองลอยระล่องทั่ว ภาพงดงามเหนือคำบรรยาย
จิวโมไป๋ที่ดูการต่อสู้อยู่บนท้องฟ้า ถอนหายใจก่อนจะหลับตาลง ไม่มองการต่อสู้อีกต่อไป
การต่อสู้ด้านล่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานจิวโมไป๋ก็ลืมตาขึ้น อาณาเขตตระกูลเซียวถูกทำลายจนย่อยยับ ครึ่งหนึ่งของภูเขาพังทะลายลงไปด้านล่าง ส่วนที่เหลือบนภูเขาก็แตกออกเป็นหลายสิบส่วนไม่เหลือสภาพสมบูรณ์ ตำหนัก อาคารบ้านเรือนพังลง และมีศพเหล่าผู้บ่มเพาะพลังตระกูลเซียวและศพครอบครัวของพวกเขานอนเรียงรายบนพื้นชุ้มไปด้วยเลือดที่เจิงนองอาบพื้นที่ทั้งหมด.
ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะเปลี่ยนไป
จิวโมไป๋กุมหน้าอกที่กำลังเจ็บปวดเหมือนกำลังถูกแผดเผา และเขาก็ถอนหายใจ เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
มันคือความผิดบาป
เขาไม่เคยเสียใจที่สังหารคนชั่วหรือแก้แค้นศัตรู แต่ในการแก้แค้นเซียวหนานจิ้นในครั้งนี้ เขาได้ฆ่าคนบริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก
บางคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวอย่างลึกซึ้ง พวกเขาแค่เป็นคนรับใช้หรือ ผู้คุ้มกันระดับล่าง ที่ได้รับการว่าจากจากตระกูลเซียว เพื่อทำงาน รับค่าแรงเท่านั้น
และคนในตระกูลเซียวบางคนเองก็มีคนดีๆอยู่มากมาย
แต่เขาก็ฆ่าพวกเขาทั้งหมดไปโดยไม่คิดให้ดี มันจึงกลายเป็น จิตมาร ความผิดบาป ที่สลักลึกลงไปในใจของเขา มันเป็นความรู้สึกผิดที่ไม่อาจลบได้
ทำให้เขาพยายามช่วยเหลือคนมากมาย เพื่อลบล้างความรู้สึกผิดบาปของตัวเองออกไป แต่ผลสุดท้าย แม้เขาจะทำความดีช่วยเหลือคนมากมายเพียงใด มันก็ไม่สามารถลดความรู้สึกผิดน้อยลงไปได้
มันทำให้เส้นทางในการบ่มเพาะพลังของเขาติดขัดไม่สามารถก้าวหน้าผ่านไปได้.
ภาพเปลี่ยนไปจิวโมไป๋กลับมาในห้องสีดำอีกครั้ง ประตูไม้ที่เหลือเพียงบานเดียวส่งกลิ่นอายคุ้นเคยออกมา กลิ่นอายความเสียใจในความผิดบาปที่เขาทำลงไป
จิวโมไป๋มองไปยังประตูไม้ก่อนจะรู้สึกปวดที่หัวใจอย่างรุนแรง
เพล้ง! ห้องมืดมืดแตกออก สติของเขาถูกผลักกลับไปในร่าง