สูตรโอสถที่ 1 โอสถผ่านโลหิต โอสถระดับ 5 ดาว สรรพคุณช่วยให้ผู้บ่มเพาะพลังระดับพื้นฐานขั้นที่ 6 โลหิตสามารถผ่านขั้นไปได้ทันที โดยไม่ต้องบ่มเพาะพลัง ไม่ส่งผลกระทบต่อรากฐาน และไม่ทิ้งผลกระทบตกค้าง และเพิ่มความแข็งแกร่งของสายเลือด
แม้ว่าการผ่านขั้นพลังทันทีโดยไม่ต้องบ่มเพาะพลัง จะช่วยร่นระยะเวลาลงได้มาก แต่สรรพคุณที่แท้จริงของโอสถนี่คือ การเพิ่มความแข็งแกร่งของสายเลือด มันจะทำให้สายเลือดของผู้ที่ทานแข็งแกร่งขึ้น
สำหรับคนของทวีปตะวันออก ความแข็งแกร่งของสายเลือดอาจไม่เห็นผลมากนัก แต่คนของทวีปตะวันตกที่มีเผ่าพันธุ์สายเลือดมากมาย โอสถผ่านโลหิตถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถประเมินได้
แต่น่าเสียดายที่สามารถทานโอสถผ่านโลหิตได้เพียงแค่ 3 เม็ด ในตอนเลื่อนขั้นที่ 6 โลหิต ต้น กลาง ปลาย ถ้าทานมากกว่านี้จะไม่เห็นผล
สูตรโอสถที่ 2 โอสถผ่านโลหิตสูงสุด โอสถระดับ 6 สรรพคุณเพิ่มโอกาสทะลวงผ่านขั้นที่ 6 สูงสุด
การผ่านระดับพื้นฐานขั้นสูงสุด เป็นความฝันของผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วน มีเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่จะสามารถทะลวงผ่านขั้นสูงสุดได้
แต่โอสถผ่านโลหิตสูงสุด ทำให้ผู้บ่มเพาะพลังเห็นเส้นทางไปถึงขั้นโลหิตสูงสุด ได้โดยที่ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน
ในอนาคตเมื่อโอสถโลหิตสูงสุด กำเนิดขึ้น มีผู้คนนับไม่ถ้วนต้องสังเวยชีวิต
เขาจำได้ดีว่ามิติระดับต่ำ ที่สูตรโอสถผ่านโลหิตสูงสุดเกิดขึ้น ถูกผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วนโจมตี เกิดการสังหารหมู่อย่างน่าเศร้า มิติแห่งนั้นกลายเป็นมิติร้างที่เต็มไปด้วยซากศพ
เขาในตอนนั้น ได้เข้าช่วยเหลือผู้คนของมิตินั้นหลบหนี ในหมู่คนเหล่านั้น มีผู้สร้างสูตรโอสถผ่านโลหิตสูงสุด ที่ลอบแฝงตัวมาด้วย เขาได้เข้าต่อสู้กับผู้คนมากมาย เพื่อเปิดเส้นทางให้พวกเขาได้หลบหนี แต่ก็ไม่สามารถต้านทานผู้บ่มเพาะพลังนับไม่ถ้วนได้นานนัก เขาจึงได้ตัดสินใจแนะนำให้ผู้สร้างสูตรโอสถส่งสูตรโอสถผ่านโลหิตสูงสุดลงไปยัง เครือข่ายโลกเสมือนของหนิงหานเป่ย เพื่อให้ผู้ไล่ล่าเลิกโจมตี
แต่ถึงแม้ว่าจะส่งสูตรโอสถไปแล้ว การตามล่าก็ไม่หยุด เพราะพวกเขาต้องการตัวผู้สร้างสูตรโอสถไป การตามล่าผ่านไปอีกหลายเดือนจนสามารถสลัดหลุดได้ ผู้สร้างสูตรโอสถก็แยกตัวจากไป
ในภายหลังอีกฝ่ายได้กลายเป็น 1 ใน 10 ปรมาจารย์ และเป็นหนึ่งในสหายของเขา โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตในอดีต
การโพสสูตรโอสถในครั้งนั้น ทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นในหลายๆมิติ เพราะดอกคามิเลียสีเลือด เป็นสมุนไพรหายาก หลายร้อยมิติอาจไม่มีมันแม้เพียง 1 ดอก…
สูตรโอสถสุดท้าย โอสถวิวัฒนาการโลหิต โอสถระดับ 7 ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของสายเลือดอย่างมาก และ มีโอกาส 1% ที่จะวิวัฒนาการสายเลือดกลายพันธุ์
โอสถวิวัฒนาการโลหิตถูกสร้างขึ้นโดย ผู้สร้างสูตรโอสถผ่านโลหิตสูงสุด สูตรโอสถนี้ไม่ถูกเปิดเผยให้ใครรู้ มีเพียงเจ้าของสูตรและตัวเขาเท่านั้นที่รู้
โอสถวิวัฒนาการโลหิต ขั้นตอนการหลอมนั้นง่ายมาก และวัตถุดิบก็ไม่ได้หายาก แต่วัตถุดิบส่วนสำคัญของมันมี 3 ชนิด 1 คือ ดอกคามิเลียสีเลือด 2 โลหิตแห่งความมืดบริสุทธิ์ 3 โลหิตแห่งชีวิตบริสุทธิ์
ผู้มีโลหิตความมืดและชีวิตบริสุทธิ์ ต่างก็เป็นผู้ถูกลิขิตให้เป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ถ้าให้เวลาพวกเขาบ่มเพาะพลัง พวกเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จนยากที่จะต่อสู้ ทำให้การได้รับโลหิตบริสุทธิ์ของทั้งสองถือเป็นการฆ่าตัวตาย
พวกเขาบังเอิญได้รับโลหิตทั้งสองชนิดจำนวนเล็กน้อยจากโบราณสถาน และโชคของเขาและเจ้าของสูตรนั้นดีเหลือเชื่อ พวกเขาช่วยกันสร้างสูตรโอสถวิวัฒนาการโลหิตได้สำเร็จ น่าเสียดายที่สามารถหลอมเพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถหาโลหิตทั้งสองได้อีก
แม้ว่าพวกเขาจะสร้างสูตรโอสถวิวัฒนาการโลหิตได้ พวกเขาก็ไม่ไปหาเรื่องตาย
แต่เขาไม่คิดเลยว่าโชคของเขาจะดีมาก เขาได้พบแวมไพร์ที่มีสายเลือดความมืดบริสุทธิ์ และได้รับเลือดของมันมาอย่าง่ายๆ
เหลือเพียงแค่โลหิตชีวิตบริสุทธิ์ เขาก็จะสามารถหลอมโอสถวิวัฒนาการโลหิตได้ แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาจากที่ไหน
จิวโมไป๋ถอนหายใจ เขาตื่นจากฝันหวาน ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปขุดหลุมเพื่อเก็บดอกคามิเลียสีเลือดไปทั้งต้นพร้อมราก เพื่อนำไปปลูกที่เกาะโดดเดียว
เขาได้ศึกษาการปลูกดอกคามิเลียสีเลือดมาบ้าง แม้จะไม่มั่นใจเต็มร้อยส่วนว่าจะปลูกได้สำเร็จ แต่เขาเชื่อว่าที่เกาะโดดเดียวสามารถปลูกมันได้ เพราะในตอนนี้ที่เกาะโดดเดียวมีพลังธาตุไม้ ดิน ไฟ ที่หนาแน่น ธาตุทั้ง 3 เหมาะกับการปลูกดอกคามิเลียสีเลือดพอดี
แต่ในขณะที่เขากำลังจะขุด เสี่ยวหง งูโลหิตเดือดพล่านที่พันอยู่ที่แขนก็ตื่นขึ้นมา มันมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยดวงตาดุร้าย แต่ใสแจ๋วน่ารัก เขาอ่านความคิดมันได้ทันที
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย เขาลืมไปเลยว่าดอกคามิเลียสีเลือด ยังมีสรรพคุณอีกอย่างคือ ถ้าสัตว์กินดอกคามิเลียสีเลือดสดๆ มันจะช่วยยกระดับสายเลือดให้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับสัตว์ร้าย มันคือว่าเป็นการเพิ่มเส้นทางการพัฒนาให้แก่พวกมันในอนาคต ถ้าโชคดีพวกมันอาจพัฒนาสายเลือดได้
จิวโมไป๋ยิ้ม ก่อนจะดึงมือกลับมาลูบหัวเสี่ยงหงเบาๆ
“ที่แท้แกก็รอจะกินมันสินะ”
เสี่ยวหงดันหัวกับมือของจิวโมไป๋ ก่อนจะจ้องเขม่งไปยังดอกคามิเลียสีเลือด ด้วยความหิวโหย
“รอก่อน อีก 30 นาที มันก็จะโตเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แกสามารถกินมันตอนนั้นได้เลย”จิวโมไป๋กล่าวและ ยืนขึ้นและปล่อยให่เสี่ยวหงลงที่พื้น ก่อนที่มองไปยังถ้ำที่บนหน้าผาอื่นๆ
ที่เขามาที่ถ้ำนี้ก่อนเพราะเขาสัมผัสได้ว่ามันใกล้จะเติบโตเป็นต้นแรกๆ เขาจะหยุดการเติบโตและเก็บเกี่ยวมัน แต่เสี่ยวหงต้องการที่จะกิน เขาก็ปล่อยให้มันกิน เขาไปเก็บดอกคามิเลียสีเลือดที่ถ้ำอื่นๆ
จิวโมไป๋กระโดดเพียงครั้งเดียวก็ไปที่ถ้ำอื่น ก่อนจะเก็บเกี่ยวพวกมัน นอกจากดอกคามิเลียสีเลือดที่ถูกเสี่ยงหงกินไปก่อนหน้าที่พวกเขาจะพบกัน ดอกคามิเลียสีเลือดที่เหลือมีเพียง 108 ต้น เขาหยิบมันมา 50 ต้น อีก 58 ต้นเขาทิ้งไว้โดยไม่เก็บ ที่เหลือเป็นดอกคามิเลียสีเลือดที่มีอายุน้อยและอ่อนแอ
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าคนของหน่วยลับไม่สนใจดอกคามิเลียสีเลือด แต่เขาก็ไม่อยากนำพวกมันไปทั้งหมด เขาเหลือทิ้งไว้ เพื่อคนที่มีโชคมาพบมัน แม้เขาจะรู้ว่าดอกคามิเลียสีเลือดทั้งหมดจะต้องตาย แต่มันก็คือโชคชะตา
จิวโมไป๋กลับไปที่ถ้ำแรก เสี่ยวหงรอดอกคามิเลียสีเลือดที่กำลังจะบานอย่างใจจดใจจ่อ
จิวโมไป๋นั่งลงและแยกเก็บดอกดอกคามิเลียสีเลือดที่อายุน้อย 10 ต้น ไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อตบตา ที่เหลือเขาวาดข่ายอาคมปกคลุมพวกมันเพื่อหยุดการดูดซับอาหาร หยุดการเติบโต เพื่อที่พวกมันจะไม่ตาย ก่อนจะเก็บพวกมันลงไปในแหวนมิติเก็บของ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนถึงเวลาที่ดอกคามิเลียสีเลือดจะบาน
กลิ่นเลือดค่อยๆโชยออกมาจากเกสร เมื่อสูดดมเลือดในร่างพลันสั่นไหวเบาๆ ถ้าเขาไม่มีจิตสัมผัสระดับทอง เขาก็ไม่สามารถค้นพบได้
เขาประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าดอกคามิเลียสีเลือดจะเสริมเลือดมนุษย์ได้โดยตรงเช่นกัน
กลิ่นเลือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่กลีบดอกคามิเลียสีเลือดจะเปล่งประกายเล็กน้อยสะท้อนแสงแดดที่ผ่านเข้ามาในถ้ำ
เสี่ยวหงชูหัวขึ้น มันไม่มีท่าทางเหนื่อยล้าอีกต่อไป มันพุ่งฉกไปที่ดอกคามิเลียสีเลือด และกลืนลงไปหมดทั้งต้นในอึดใจเดียว ไม่เว้นแม้แต่ราก
จิวโมไป๋นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและเดินไปจับมันมาวางที่โล่ง
“ตะกละน้อย อยู่นิ่งๆฉันจะช่วยแกย่อยมันให้เร็วขึ้น”
เสี่ยวไปได้ยินก็นิ่งอย่างแสนรู้ มองสบตาจิวโมไป๋ปลิบๆ
จิวโมไป๋มองไปรอบๆก่อนจะโบกมือข่ายอาคมปกคลุมถ้ำ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นข้างในได้
เขารู้ว่าหน่วยลับกำลังเฝ้าดูเขาจากกล้องดาวเทียมนอกโลก อีกฝ่ายไม่มีทางมองเข้ามาได้ แต่เขาไม่ประมาท
ในระหว่างนั้นร่างของเสี่ยวหงก็มีควันสีขาวปรากฏตามเกล็ด
จิวโมไป๋วาดข่ายอาคมลอบรอบร่างของเสี่ยวหง ควันสีขาวพลันเดือดพล่านอย่างบ้าคลั่ง จิวโมไป๋วาดข่ายอาคมไปมา ร่างของเสี่ยวหงลอยอย่างช้าๆ โดยมีข่ายอาคมนับสิบล้อมรอบ เสี่ยวหงหลับตาราวกับว่ากำลังตกอยู่ห้วงนิทรา
จิวโมไป๋ตบมือลงข่ายอาคมที่ล้อมรอบก็ระเบิดพลังอันลึกลับออกมา ร่างของเสี่ยวหงพลันหมุนไปมาก่อนที่เกล็ดทั่วร่างจะส่องแสงสีแดงเจิดจ้า และค่อยๆเล็กลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของขนาดเดิม แต่ในเวลาเดียวกันเกล็ดใหม่ก็ผุดขึ้นมาแทรกตัวปิดรอยต่อทั้งหมด ก่อนที่ร่างของเสี่ยวหงจะขยายใหญ่ขึ้น ยาว ขึ้น เกล็ดบนร่างยังคงมีขนาดเท่าเดิมไม่ขยายตามร่างกาย แต่ก็มีเกล็ดใหม่แทรกขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั้งร่างของเสี่ยวไปหยุดขยายตัว มันมีความยาว 3 เมตร เกล็ดสีเลือดขนาดเล็กซ่อนกันอย่างระเอียดอ่อนงดงามเหมือนเกล็ดปลา นอกจากขนาดและเกล็ดรูปลักษณ์ของมันไม่ต่างจากเดิม
แต่จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงกลิ่นอาจโลหิตอันแข็งแกร่งจากร่างของมัน ระดับพลังของมันผ่านรวดเดียวถึงขั้นที่ 5 กระดูกกลาง!
—