“นั้นมันอวตาร!”หลิวยี้เอินเห็นเงาอวตารเธอก็ตกตะลึง เพราะเธอรู้ว่าผู้ใช้ เงาอวตารได้จะต้องเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ต้น เป็นอย่างน้อย เธอและจิวโมไป๋อยู่แค่ขั้นที่ 4 และ 5 เท่านั้น
ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกเขาห่างกันเกินไป!
เธอทะยานร่างเข้าหาจิวโมไป๋เตรียมพร้อมที่จะพาเขาหนี
จิวโมไป๋ระงับความตกใจ เขาตรวจสอบอีกครั้ง เขาก็มั่นใจว่าระดับพลังของอีกฝ่ายอยู่ขั้นที่ 6 โลหิตต้นอย่างแน่นอน และที่น่าแปลกคือร่างกายของอีกฝ่ายอ่อนแออย่างมาก
ร่างกายไม่ต่างกับขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน
เกิดอะไรขึ้น?
จิวโมไป๋ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
ในชั่วเวลาที่จิวโมไป๋เผลอ ชายชุดคลุมก็เคลื่อนไหว เขาสั่งให้อวตารกอลิล่าสูง 5 เมตรโจมตี มันพุ่งตัวด้วยความคล่องแคล่ว พริบตาเดียวก็เขาประชิดตัว
“ระวัง!”หลิวยี้เอินร้องเตือน กระบี่ในมือของเธอห่อหุ้มด้วยกฎแห่งธาตุน้ำ
“อย่า! ฉันจัดการเอง เธอระวังคนอื่น”จิวโมไป๋ร้องบอก ก่อนที่เขาจะหวดพลองเหล็กปะทะกับอวตารกอลิล่า
ตูม!
คลื่นพลังกระจายออกไปโดยรอบ ร่างของจิวโมไป๋ถอยไป 1 ก้าว แต่ร่างของอวตารกอลิล่าถอยไปมากกว่า 5 ก้าว
เหล่าคนในชุดคลุมที่เห็นก็ตกตะลึง ก่อนที่แววตาของพวกเขาจะกลายเป็นบ้าคลั่ง
“แจ้งทุกคนให้มาที่นี่! พวกเราต้องจับชายคนนี้ให้ได้ ร่างกายของเขาพิเศษ แตกต่างจากผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป!”ชายในชุดคลุมด้านหลังกดไปที่กำไลข้อมือส่งสัญญาณออกไป
ใบหน้าของจิวโมไป๋เปลี่ยนไปทันที
“พาชายคนนี้หนีไปเร็ว!”จิวโมไป๋หันมาบอกหลิวยี้เอิน
“แต่ว่า…”หลิวยี้เอินลังเล เธอเห็นพละกำลังของจิวโมไป๋ว่าแข็งแกร่งขนาดไหน แต่อีกฝ่ายกำลังเรียกกำลังสนับสนุนเธอไม่มั่นใจว่าจิวโมไป๋จะต่อสู้ได้
“ไปเร็ว!”จิวโมไป๋ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา”ไม่ต้องห่วง ฉันสามารถหนีไปได้ รีบไปที่สำนักงาน แต่ยังไม่ต้องเข้าไป ซ่อนตัวใกล้ๆทางเข้าสำนักงาน รอฉันที่นั้น ฉันกลัวว่าคนพวกนี้จะมีเบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับคนภายในหน่วยลับ”
หลิวยี้เอินลังเล แต่เมื่อเธอเห็นแววตาแน่วแน่ของจิวโมไป๋ เธอก็พยักหน้า ก่อนที่จะอุ้มหลี่ฟูจิวขึ้นและวิ่งออกไป
“หยุดเธอ!”ชายในชุดคลุมด้านหลังสั่ง ก่อนที่จะมีอวตารหมาป่าปรากฎขึ้น
จิวโมไป๋พุ่งไปทุบอวตารหมาป่า เขาไม่ปล่อยให้มันได้ขยับ เขากระหน่ำทุบจนอวตารแตกสลาย อวตารกอลิล่าพุ่งเข้ามา เขาก็หมุนพลองเหล็กกรพแทกออกไปอย่างแรง ร่างของอวตารกอลิล่าลอยขึ้นไป เขาก็เคลื่อนตัวเหมือนเดินบนอากาศก่อนที่จะฟาดลงอย่างรุนแรง ทำให้อวตารกอลิล่าจนแตกกระจาย คลื่นพลังลอยกลับไปที่เจ้าร่าง ชายคนนั้นและเจ้าของอวตารหม่าป่ากระอักเลือดกองใหญ่
จิวโมไป๋ตามมาติดๆก่อนจะใช้พลองทุบทั้งสองจนหมดสติ
ชายในชุดคลุมที่เหลือเห็นท่าไม่ดีพยายามจะหลบหนี โดยเฉพาะคนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าเขาหนีไปไกลที่สุด จิวโมไป๋พุ่งไปจัดการคนที่อยู่ใกล้จนสลบ ก่อนจะหมุนพลองเหล็กและพุ่งโยนไปที่ร่างของคนที่เป็นเหมือนหัวหน้า
พลองเหล็กพุ่งผ่านอากาศกระแทกปะทะร่างจนล้มสลบไปในทันที เขารีบตรวจสอบ เขาก็พบว่าร่างของชายคนนี้ยังปกติไม่เหมือนอีก 3 คนที่มีความผันผวนของร่างกายที่แปลกประหลาด
จิวโมไป๋หยิบหลอดดูดเลือดออกมาดูดเลือกทุกคน ก่อนที่จะมัดทั้งสามคนและโยนไปไว้ในถ้ำเล็กๆ เขาตรวจสอบอุปกรณ์ติดตามและทำลายทั้งหมด
ก่อนที่เขาจะพาคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าจากไป
แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวคนในชุดคนนับสิบคน ก็ล้อมรอบเขาเอาไว้ตรงกลาง
“ปล่อยคนในมือของแกลง ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรง!”ชายวัยกลางคนในชุดคลุมกล่าวสั่งด้วยเสียงแหบแห้ง
จิวโมไป๋ตรวจจับพลังของอีกฝ่ายใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย!
เขาแตกต่างจากคนอื่นๆที่มีพลังในร่างผันผวนและร่างกายอ่อนแอ
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมตรงหน้าแข็งแกร่งจริงๆ เขาบ่มเพาะพลังพลังด้วยวิธีปกติ
จิวโมไป๋ไม่ตอบเขาใช้ท่าร่างย่างก้าวประกายภูตแยกเป็น 3 ร่างซ้าย ขวา และหลังหลบหนีสามทาง
“ตามจับมาให้ได้ และอย่าให้หมายเลข 7 บาดเจ็บ ถ้าพบว่าเขาบาดเจ็บพวกแกจะต้องบาดเจ็บหนักกว่าหลายเท่า”ชายวัยกลางคนในชุดคลุมกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
“ครับ”จบคำพวกเขาก็ไล่ตามจิวโมไป๋ทันที
พวกเขากดหาเครื่องส่งสัญญาณติดตามบนร่างของจิวโมไป๋ ไม่นานพวกเขาก็พบและไล่ตามทันที
ชายวัยกลางคนไม่สนใจที่จะไล่ตาม เขามีธุระที่สำคัญกว่าต้องทำ
จิวโมไป๋พุ่งกลับไปที่เขต 2 เขารู้ว่าบนร่างของมีสัญญาณตามตัว แต่ที่เขาไม่ถอดก็เพราะว่าเขาต้องการจะล่อพวกมันมา เพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่าง
และการที่เขามีสัญญาณติดตามตัว คนที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็จะประมาท ไม่มาจัดการด้วยตัวเองในทันที
คนที่เห็นความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่อยู่ในสภาพต่อสู้ได้ ดังนั้นไม่มีใครคาดเดาพลังของเขาได้ เขาจะต้องส่งคนที่อ่อนแอมาก่อน
และก็เป็นอย่างที่จิวโมไป๋คิด ในระยะจิตสัมผัส ชายในชุดคลุม 10 คนไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ล่อพวกเขาไปยังที่แห่งหนึ่งเป็นป่ารกชื้น เต็มไปด้วยพืชพันธุ์แปลกๆมากมาย
จิวโมไป๋จงใจชะลอความเร็วลงไม่นาน พวกนั้นก็ตามมาทัน แต่ก็ไม่มาพร้อมกัน คนที่มีความเร็วกว่ามาถึงก่อน
จิวโมไป๋หยุดอย่างกระทันหัน พลองเหล็กฟาดออกไปอย่างรวดเร็ว กระแทกเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างรุนแรง หมดสติไปทันที
จิวโมไป๋ส่ายหัวเล็กน้อย ทักษะการต่อสู่อ่อนเกินไป สามารถเรียกอวตารได้ทำไมไม่เรียก แม้จะกินพลังงาน แต่มันก็สามารถช่วยไล่ล่าได้เร็วขึ้น และอาจจะช่วยต่อสู้ในเวลาคับขันแบบนี้
จิวโมไป๋ทำลายอุปกรณ์บนตัวของอีกฝ่ายก่อนจะมัดและโยนออกไปในที่มิดชิดยากค้นหา
เขาก็หลบหนีอีกครั้ง แต่ไปไม่นานก็มีคนมาอีกและก็เหมือนเดิม ประมาทง่ายๆ จิวโมไป๋ลงมือจัดการทันและซ่อนร่างไว้ในพุ้มไม้ ก่อนที่เขาจะหนีแล้วไม่นานก็มีมาอีกจิวโมไป๋จัดการไป 6 คน อีก 4 คนที่เหลือเหมือนจะรู้ตัวพวกเขารวมกลุ่มกันและออกไล่ล่า
จิวโมไป๋มาถึงจุดที่เขาต้องการ เขารออีกฝ่ายตามมาถึง
คนในชุดคลุมสี่คน พุ่งเข้ามา แววตาฉายแววดุร้าย พวกเขาจ้องเหมือนจะกินจิวโมไป๋ลงไปทั้งตัว
จิวโมไป๋ไม่กลัว
“ฉันรอตั้งนาน ทำอะไรอยู่ชักช้ายืดยาด”จิวโมไป๋ยั่วโมโห
“ปล่อยนายน้อยและส่งคนที่แกจับตัวไปออกมา ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”
“หมายเลข145 หุบปาก!”ชายด้านข้างร้อนเตือน
หมายเลข145 เหมือนรู้ตัวว่าผิดพลาดเขาเงียบลงทันที
“หืม คนนี้นายน้อยของพวกแกเหรอ?”จิวโมไป๋ยกร่างของนายน้อยเหมือนหิ้วหมาหิ้่วแมว เขาเขย่ามือแรงๆจนร่างของนายน้อยสั่นคลอน
ทั้งสี่โกรธจนร่างกายสั่นระริกไปทั้งตัว
จิวโมไป๋เลิกคิ้ว ดูเหมือนไม่น่าจะเกี่ยวกับความฉลาดเฉพาะบุคคล ทุกคนที่มีความผันผวนในร่างสติปัญญาและการควบคุมอารมณ์จะลดลง
“โจมตี!”ชายในชุดคลุมทั้งสี่ เรียกอวตารออกมามีนกอินทรี งู หมาป่า เสือดาว พลังกดดันของพวกมันแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง
จิวโมไป๋พยักหน้าเล็กน้อยชื่นชมในความแข็งแกร่งของพวกมัน
นัยน์ตาของเขาเป็นประกลายสีม่วงมองไปยังพลังงานที่ผันผวน เขาพบว่าพลังงานของอวตารไม่เหมือนพลังของพวกเขาเอง มันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ช่วยให้สามารถฝืนเรียกอวตารได้
จิวโมไป่ชะงักเล็กน้อยเหมือนนึกอะไรได้ ความทรงจำของเขาค่อยๆย้อนกลับไป แต่มันก็กระจัดกระจายออกไป เขาจำมันไม่ได้มากนักเพราะมันเป็นเรื่องที่เขาไม่สนใจนัก
ยีนพันธุกรรม!
เมื่อมีอะไรจุดประกาย สมองของเขานึกย้อนกลับไปทันที เขาค้นหาความทรงจำที่เลือนลางในที่สุดเขาก็จำได้
ยีนพันธุกรรม การปรับเปลี่ยนล็อคยีนแห่งชีวิต พัฒนาให้มนุษย์เหนือล้ำขึ้นไป กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอันทรงพลัง การใช้ยีนพันธุกรรมทำให้มนุษย์ก้าวหน้า โดยที่ไม่ต้องบ่มเพาะพลัง อาศัยแค่ทานยีนพันธุกรรมที่แข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไร้สิ้นสุด
ยีนพันธุกรรมจะเป็นความก้าวหน้าของมนุษย์ชาติ ถ้าอยู่ในยุคสมัยอดีต แต่น่าเสียดายที่มันเกิดในยุคสมัยนี้!
—