โรงแรมชื่อดังของเมืองเทียนจิง ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงแรมIL
ในห้องจัดเลี้ยงชั้นบนสุดของโรงแรม มีแสงหลากสี สว่างวาบกระพริบตามจังหวะดนตรีอันร้อนแรง หนุ่มสาวนับร้อยเต้นตามจังหวะและนัวเนียกันราวกับอยู่สถานบรรเทิง
ห้องชุดด้านในสุด บรรยากาศเงียบสงบแตกต่างจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง จิงมู่ไท่นั่งพิงโซฟาด้วยท่าทางสบาย มือข้างหนึ่งหมุนแก้มเหล้าในมือช้าๆ มองผ่านหน้าต่างที่สามารถมองเห็นเพียงด้านเดียว ไปอย่างเพลิดเพลิน เขายิ้มเหยียดหยามมองคนที่เต้นอยู่
คนข้างนอกมาที่นี่เพื่อมาประจบเอาใจเขา หรือพยายามจะเข้าร่วมกับตระกูลจิง ทำให้จิงมู่ไท่รู้สึกดูแคลนคนพวกนี้ เหมือนหนูตัวเล็กๆที่ต้องการจะเข้าหาพญาราชสีห์
ทำให้เขารู้สึกสูงกว่า และเขาก็ชอบความรู้สึกที่เหนือกว่านี้เช่นกัน
ปึ้ง! เสียงเปิดประตูดังขึ้น ใบหน้าของจิงมู่ไท่ขมวดเล็กน้อย เขาหันไปมองผู้บุกรุกอย่างเชื่องช้า นัยน์ตาฉาบแววคมกริบแฝงไปด้วยความโกรธ
“พี่ใหญ่!”เสียงกรีดร้องดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มเดินเข้ามา ขาของเขาเซไปมา ราวกับว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ ใบหน้าดูเซื่องซึม ตาปรือเหมือนกำลังจะหลับลงทุกเมื่อ
จิงมู่หยวนประคองร่างที่ยังอยู่ในฤทธิ์ยานอนหลับเดินไปหาพี่ชายตัวเองอย่างยากลำบาก หลังจากที่เขาถูกจิวโมไป๋วางยา เขาก็สลบไปเกือบ 2 วัน พอได้สติมาเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าตัวเองนั้น ตกการทดสอบเข้าหน่วยลับแล้ว
เขาจึงรีบกลับมาที่เมืองเทียนจิงและตรงเข้ามาหาพี่ชายของเขาทันที
จิงมู่หยวนเดินมาหน้าโซฟาก็ประคองร่างไม่ได้ทรุดลงนอนกับพื้น ตรงหน้าจิงมู่ไท่ด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาลุกขึ้นมานั่งพิงโต๊ะกระจกที่วางขวดเหล้าและแก้วเหล้าจนสั่น
“พี่ใหญ่ พี่ช่วยผมล้างแค้นเจ้าสารเลวนั้นให้ผมด้วย!”
จิงมู่ไท่มองน้องชายของตัวเองด้วยสายตาดูแคลน เขาได้รับข่าวว่าจิงมู่หยวนไม่ผ่านการทดสอบตั้งแต่วันแรก แต่เขาก็ไม่สนใจที่จะหาข่าวเพื่อช่วยแก้แค้นแม้แต่น้อย
ขยะที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่สมควรเป็นคนตระกูลจิง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นน้องชายของเขาก็ตาม! จิงมู่ไท่คิดอย่างเย็นชา
“พี่ใหญ่ พี่ต้องช่วยแก้แค้นให้ผม…”จิงมู่หยวนพูดพึมพำแทบจับใจความไม่ได้ ตาสองข้างปิดเหมือนจะหลับลงได้ทุกเมื่อ
จิงมู่ไท่ย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้น ชายในชุดสูทพ่อบ้านก็ปรากฎขึ้นอย่างไร้ล่องลอย
“พาไปที่ห้องเล็ก”จิงมู่ไล่พูดจบก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนจะพูดอีก”ไปสืบหาคนที่ทำให้ขยะนี่เป็นอย่างนี้ และเมื่อตื่นขึ้น ก็ส่งข้อมูลที่สืบได้ไปให้ ถ้าจะแก้แค้นก็ต้องแก้แค้นด้วยตัวเอง ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็เป็นแค่ขยะที่รอตระกูลทอดทิ้ง!”
ชายในชุดพ่อบ้านพยักหน้า จดจำที่นายน้อยกล่าว ก่อนจะจับแขนของจิงมู่หยวนยกขึ้นจากพื้นอย่างง่ายดาย ก่อนที่ร่างของทั้งสองจะหายวับไปในพริบตา
จิงมู่ไท่พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่พอใจ อารมณ์ดีๆที่เชิญลู่ว่านให้แข่งพนันหินหยกได้หมดไป หยิบขวดเหล้ามาริน
สายตากวาดมองไปนอกกระจก จนกระทั้งสะดุดกับร่างของหญิงสาวท่าทางไร้เดียงสาคนหนึ่ง เหมือนหญิงสาวมากับคนรู้จักและถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว นัยน์ตาของจิงมู่ไท่เป็นประกาย ริมฝีปากยกขึ้นช้าๆ เขาโบกมือขึ้น ชายในชุดพ่อบ้านอีกคนก็ปรากฎตัว โดยไม่ต้องบอก ชายในชุดพ่อบ้านก็เดินออกไปหาหญิงสาวทันที
จิงมู่ไท่ยิ้มและกระดกเหล้าในแก้วจนหมด พร้อมรับสิ่งดีๆในระหว่างค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง
…
จิวโมไป๋และลู่ว่านจ้องตากันครู่หนึ่ง แต่ไม่มีใครตอบคำถามที่ฝ่ายตรงข้ามถาม สุดท้ายลู่หว่านก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น
“นายเป็นศิษย์ของใคร ทำไมฉันไม่ได้รับรายงานว่าสำนักรับศิษย์ใหม่”ลู่หว่านกล่าวถาม น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนฤดูใบไม้ผลิ แต่จิวโมไป๋ที่รู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เขารู้ว่าหญิงสาวกำลังระแวงสงสัยเขาอยู่
จิวโมไป๋นิ่งคิดเล็กน้อย เขาเป็นศิษย์ของหญิงสาวตรงหน้า แม้ไม่ได้กราบอาจารย์ แต่ก็ถือว่าเป็นครึ่งศิษย์ แต่เขาจะตอบอย่างนั้นไม่ได้ และเขาจำได้ว่าสำนักที่หญิงสาวสังกัดเป็นสำนักลึกลับ แม้แต่ชื่อก็ไม่เคยปรากฎแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าเขาจะเคยค้นหาข้อมูลจากหน่วยลับก็ไม่พบร่องรอยใดๆ
ด้วยเคล็ดวิชาที่หญิงสาวใช้ มันไม่ได้เป็นเคล็ดวิชาทั่วๆไปที่สำนักระดับสูงจะมีได้
น่าเสียดายที่เขาผลาดโอกาส ไม่สามารถเข้าสำนักได้ ทำให้เขาไม่รู้ชื่อสำนักเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักเลย รู้แต่ว่ามีสำนักอยู่จริงๆจากตัวตนของหญิงสาวตรงหน้า
จิวโมไป๋คิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตอบอย่างเด็ดขาด
“ฉันไม่ขอตอบ”
ลู่หว่านยิ้ม ลดความระวังลงเล็กน้อย ถ้าจิวโมไป๋ตอบเธอจะยิ่งสงสัยกว่าเดิม กฎที่ไม่พูดของสำนัก ถ้าพบกับคนของสำนักเดียวกัน แม้จะมั่นใจในตัวตนของอีกฝ่าย หรือไม่ก็ตาม สามารถถามหรือพูดคุยกันได้ แต่ห้ามบอกอะไรที่เกี่ยวข้องกับสำนักเด็ดขาด จนกว่าจะถึงสถานที่ของสำนัก พวกเขาถึงจะพูดคุยเกี่ยวกับสำนักกันได้
เธอไม่ถามอะไรอีก แววตาของเธอลึกขึ้นเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เธอจะโบกมือขึ้น ภาพโฮโลแกรมฉายขึ้น แปลนอาคารทั้งหลังพร้อมชั้นใต้ดินก็ปรากฎขึ้น
จิวโมไป๋มองแววเดียวเขาก็รู้ได้ทันที ว่าเป็นแปลนอาคารหลังนี้ จิวโมไป๋ตกใจเล็กน้อยก่อนจะซ่อนสีหน้า เขารู้จักหญิงสาวดี เขาไม่แปลกใจเลยที่เธอจะสามารถหาแปลนแบบนี้ได้
“ฉันไม่รู้ว่าเป้าหมายของนายคืออะไร แต่พวกเราก็มาที่นี่พร้อมกันแล้ว ทำไมเราไม่เข้าไปพร้อมกันละ”ลู่หว่านกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
จิวโมไป๋ไม่ตอบ เขาตรวจสอบแปลนอาคาร โดยไม่ขออนุญาต หญิงสาวก็ไม่ปิด เธอให้จิวโมไป๋ดูได้เต็มที่
“ด้านล่างมีชั้นใต้ดิน 3 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างไม่มีอะไรเลยนอกจากยามรักษาความปลอดภัย 100 คน ที่เฝ้าทางเข้าไป และทางลงไปมีแค่ลิฟท์ตัวเดียว ถ้าจะลงไปต้องผ่านทางนี้เท่านั้น ไม่สามารถไปทางอื่นได้”ลู่หว่านกล่าวช้าๆ
จิวโมไป๋ก็เข้าใจความหมายที่ลู่หว่านต้องการจะบอก ก่อนที่เขาจะย่นคิ้วการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดอย่างนี้ ไม่มีทางจะเป็นสถานที่ซ่อนธรรมดาแน่ จากประสบการณ์ของเขา มันน่าจะเป็นสถานที่เก็บข้อมูลสำคัญ ไม่น่าจะเป็นสถานที่กักขังคนที่ถูกลักพาตัวได้เลย
และเฉินหูไม่น่าจะอยู่ที่นี่
ถ้าเป็นสถานที่เก็บข้อมูลสำคัญจริงๆ ถ้าเขาสามารถเอาข้อมูลมาได้ มันอาจมีระบุที่เฉินหูถูกลักพาตัวก็ได้
แม้โอกาสจะน้อย มันก็ดีกว่าปล่อยโอกาสให้หลุดไป
จิวโมไป๋เงยหน้าขึ้นมองสบตาลู่ว่าน เขาก็เข้าใจว่าที่อีกฝ่ายชักชวนให้เขาเข้าไป เพราะเธอจะให้เขาช่วยจัดการ ยามรักษาความปลอดภัยทั้ง 100 คนที่เฝ้าอยู่ และมันอาจมีอันตรายอื่นที่หญิงสาวไม่บอก
จากนิสัยของหญิงสาวแล้ว เธอจะใช้เขาเป็นเหยื่อล่อ 100%!
จิวโมไป๋ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เพราะยามรักษาความปลอดภัยอีกชุด กำลังจะออกมาลาดตระเวนอีกครั้ง
จิวโมไป๋หยิบเสื้อคลุมสีดำออกมาจากอกเสื้อและใส่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบถุงมือออกมาสวมและหยิบหน้ากากไม้ออกมาปิดใบหน้า
“ไปเถอะ”จิวโมไป๋ดัดเสียงพูด
ลู่หว่านเห็นดังนั้นเธอก็หยิบเสื้อคลุมสีดำ ถุงมือและหน้ากากสีดำด้านออกมาจากด้านหลัง การเตรียมตัวของเธอและจิวโมไป๋เหมือนกันไม่มีผิด
จากนั้นลู่หว่านก็พยักหน้าส่งสัญญาณ โดยไม่มีการพูดคุยกันอีก พวกเขาเข้าทางลับทันที
ลู่หว่านกดกำไลข้อมือก่อนที่ จะมีคลื่นเสียงแผ่วเบากระจายออกไป
จิวโมไป๋มองโดยไม่พูดอะไร เขารู้จักเครื่องนี้ดี มันเป็นเครื่องส่งสัญญาณรบกวน การใช้งานของมันเหมือนกับวิธีที่เขาใช้พลังวิญญาณหยุดภาพของกล้องวงจรปิด หรือจะพูดอีกอย่างคือ การใช้พลังวิญญาณของเขาดัดแปลงมาจากเครื่องส่งสัญญาณรบกวนตรงหน้า
ลู่หว่านพุ่งตรงไปตามทางเดินยาวอย่างรวดเร็ว จิวโมไป๋ตามไปติดๆ จิตสัมผัสของเขาถูกรบกวนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบระยะไกลได้ เขาได้แต่ระวังรอบๆไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาด
แต่มันไม่มีกับดักอะไรเลย พวกเขาทั้งสองไปถึงประตูลิฟท์ลงชั้นล่าง
“เมื่อลงไปแล้ว นายคอยจัดการกับคนที่หลุดไป”ลู่หว่านกล่าวโดยไม่อะธิบายอะไรเพิ่ม ก่อนที่เธอจะกดลิฟท์ เมื่อลิฟท์เปิดพวกเขาก็เข้าไป
วูบ!
ความเร็วของลิฟท์เร็วมากพริบตาก็ลงไปที่ชั้น 1
ก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิด ลู่หว่านก็หยิบลูกเหล็กกลมสีดำออกมา
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นใบหน้าของเขาก็ย่นทันที เขารู้แล้วว่าลู่หว่านจะทำอะไร ไม่ต้องมีคำพูด เขากลั้นลมหายใจทันที
เมื่อประตูลิฟท์เปิด ลู่หว่านก็กลิ้งลูกเหล็กสีดำออกไป โดยที่ยังไม่เห็นนอกลิฟท์ เธอหันมาเห็นจิวโมไป๋กำลังกลั้นหายใจ เธอก็ลดท่าทีระแวงอีกเล็กน้อย
“มี…”เสียงนอกลิฟท์กำลังจะพูด ควันสีขาวก็แผ่พุ่งออกจากลูกเหล็ก พริบตาก็ขยายออกเป็นวงกว้าง ปกคลุมระยะหลายสิบเมตร ผู้ที่สูดเข้าไปเป็นลมล้มลงทันที
“รีบไปจัดการเร็วเข้า! ตอนนี้สัญญาณทั้งหมดถูกรบกวน ไม่มีใครสามารถแจ้งความผิดปกติลงไปได้”พูดจบลู่หว่านก็พุ่งออกจากลิฟท์ทันทีที่ประตูเปิดกว้าง จิวโมไป๋ก็พุ่งผ่าควันสีขาวที่ปกคลุมตามออกไปจากลิฟท์
—