ควันสีขาวพวยพุ่งกระจายออกเป็นวงกว้าง ในชั่วพริบตาเดียวก็กินพื้นที่เกือบครึ่งห้องโถงสีขาวภาย ยามรักษาความปลอดภัยที่กำลังทำกิจกรรมอยู่ต่างตกตะลึง เกิดความชุลมุนวุ่ยวายขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น! นี้มันควันอะไร!”
“มีผู้บุกรุก แจ้งไปที่ศูนย์กลางเร็วเข้า!”
“ออกมา! ควันนี้เป็นยาสลบ! กลั้นหายใจ อย่าสูดควันเข้าไป!”ยามรักษาความปลอดภัยวัยกลางที่อยู่นอกกลุ่มควัน เขามีประสบการมากที่สุด ร้องตะโกนเสียงดังแจ้งเตือนคนอื่นๆ
วูบ!
“อะ…”ยามรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนเห็นเงาวาบผ่าน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ภาพเบื้องหน้าของเขาก็กลายเป็นสีดำ
ลู่หว่านเคลื่อนตัวออกจากกลุ่มควัน พุ่งเข้าใส่ยามรักษาความปลอดภัยที่อยู่รอบนอก ทุกย่างก้าวที่เธอผ่านจะมียามรักษาความปลอดภัยหมดสติไปทันที การโจมตีของเธอแม่นยำฉับไหวเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ก็สามารถจัดการคู่ต่อสู้ลงได้ในพริบตา
ในระหว่างนั้นลู่หว่านก็จับตามองจิวโมไป๋ ที่กำลังจัดการยามรักษาความปลอดภัยจากอีกด้านของกลุ่มควัน
เมื่อเห็นกระบวนท่าการโจมตีของจิวโมไป๋ เธอก็เลิกคิ้วครุ่นคิด กระบวนท่าโจมตีของจิวโมไป๋ เป็นวิชาต่อสู้พื้นฐาน ที่คนส่วนใหญ่ฝึกฝนเพื่อปูพื้นฐานกระบวนท่าต่อสู้้ ก่อนที่จะฝึกฝนวิชากระบวนท่าที่แข็งแกร่งขึ้น
เธอสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าในรูปแบบกระบวนท่าพื้นฐานของจิวโมไป๋ มีแนวคิดการโจมตี ที่เกิดจากการฝึกฝนแบบพิเศษ ที่ถ่ายทอดมาจากสำนักของเธอ
การฝึกฝนของสำนัก ถ้าไม่ฝึกฝนอย่างหนัก ไม่มีทางที่จะซึมซับและเข้าใจ แนวคิดการเคลื่อนไหวรูปแบบนี้ได้ แต่ที่น่าแปลกคือ การเคลื่อนไหวของจิวโมไป๋ดูเหมือนจะหลอมรวมแนวคิดนี้ไปอย่างลึกซึ้ง การฝึกฝนเพียงอย่างเดียวไม่สามารถถึงขั้นนี้ได้ นอกจะผ่านการต่อสู้มากมายหลายร้อยหลายพันครั้ง
แม้แต่ตัวเธอเอง ก็ไม่สามารถซึมซับแนวคิด การเคลื่อนไหวนี้ได้เท่าจิวโมไป๋ มันยิ่งทำให้เธองุนงง
จิวโมไป๋โจมตียามรักษาความปลอดภัย ที่กำลังจะยกอาวุธขึ้นมาป้องกัน แต่ยังไม่ทันทีอีกฝ่ายจะได้ยกขึ้น หมัดของเขาก็ชกไปที่คอในชั่วพริบ ทำให้อีกฝ่ายสลบลงไปทันที และจัดการยามรักษาความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ๆ
จิวโมไป๋รู้ว่าลู่หว่านกำลังจับตาดูเขาอยู่ แต่เขาไม่สนใจ เพราะเขารู้ดีว่าเธอกำลังตรวจสอบกระบวนท่าโจมตีของเขาอยู่
ในอดีตเขาได้รับการฝึกฝนพิเศษจากหญิงสาว ทำให้เขาซึมซับแนวคิดรูปแบบการเคลื่อนไหวนี้อย่างลึกซึ้ง
แม้จะเป็นกระบวนท่าพื้นฐาน ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ด้วยการแนวคิดที่เขาฝึกฝน ทำให้ทุกการโจมตี จะมุ่งเน้นไปที่จุดตายหรือจุดอ่อนอย่างแม่นยำ ทุกการโจมตีจะโจมตีออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับการหายใจ
ทุกการโจมตีแม้จะเป็นแค่กระบวนท่าพื้นฐาน ถ้าการโจมตีถูกจุดอ่อนหรือจุดตาย สถานการณ์ในการต่อสู้จะถูกเปลี่ยนไปในพริบตา
ด้วยรูปแบบแนวคิดนี้ เขาจึงต่อยอดไปที่กระบวนท่ากระบี่ล้างบาป ทุกกระบวนท่าจะโจมตีครั้งเดียวเข้าจุดตาย เพื่อปลิดชีพในหนึ่งการเคลื่อนไหว ไม่มีช่องวางให้คู่ต่อสู้ได้โจมตีกลับ กระบวนท่ากระบี่ของเขาจึงมีแต่แนวคิดสังหาร แตกต่างจากวิถีเดิมของผู้มอบแนวคิด ทำให้เขาถูกหญิงสาวขับไล่ หลังจากฝึกฝนไปได้เพียงเล็กน้อย
จิวโมไป๋และลู่หว่านเข้าโจมตีคนที่ไม่ถูกควันยาสลบ คนที่จะแจ้งการบุกรุกก็ไม่สามารถทำได้เพราะถูกคลื่นสัญญาณรบกวน การเชื่อมต่อทุกอย่างถูกตัดขาด
ไม่นาน ยามรักษาความปลอดภัยทั้งหมด ก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋เลิกคิวด้วยความสงสัย ยามรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งอยู่ขั้นที่ 5 ปลายกระดูกปลายเท่านั้น ไม่มีผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเลย
“คนพวกนี้เป็นแค่ด้านแรก มีไว้เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น ถ้ามีการบุกรุกจะมีการแจ้งเตือนภายในเวลาอันรวดเร็ว คนที่แข็งแกร่งกว่าจะมาสนับสนุนทันที”ลู่หว่านเห็นจิวโมไป๋มองไปยังยามรักษาความปลอดภัยที่หมดสติ เธอก็คาดเดาความคิดของจิวโมไป๋ได้ทันที
จิวโมไป๋ดึงสายตากลับ ทำเป็นไม่ได้ยิน
ลู่หว่านยิ้มแผ่วเบา แววตาคมลึกครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ก่อนที่พวกเขาจะเดินไปที่ลิฟท์ลงไปชั้นที่ 2
“ชั้นที่ 2 เป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลธรรมดา ชั้นที่ 3 เป็นสถานที่เก็บข้อมูลสำคัญที่มีค่ามากกว่า”ลู่หว่านพูดพร้อมกับเปิดโฮโลแกรมแปลนอาคารขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่พูดชื่อองค์กรหรือข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรนี้ เพราะเธอยังไม่คลายความสงสัยในตัวจิวโมไป๋ เธอจึงไม่เปิดเผยข้อมูลอะไรมากนัก
จิวโมไป๋มองไปยังแปลนอาคารโฮโลแกรม เขาไม่รู้ว่าข้อมูลสถานที่ลักพาตัวเฉินหูอยู่ที่ชั้นไหน
“เมื่อลงไปถึงชั้นที่ 2 ยังไงก็ต้องผ่านการป้องกันอีกครั้ง ไม่สามารถลักลอบผ่านไปได้ ต้องจัดการผู้คุ้มกันที่เฝ้าอยู่เท่านั้น เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นจะมีการส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันที”ลู่หว่านกล่าวช้าๆ มือชี้ไปที่หน้าทางออกลิฟท์ชั้นที่ 2 ซึ่งต้องผ่านห้องตรวจสอบขนาดเล็กประมาณ 30 ตรม. ผนังทั้งสี่ด้านเป็นกระจกที่แน่นหนา ห้องขนาดเล็กเรียงต่อกัน 10 ห้อง จะผ่านไปจะต้องผ่านห้องกระจกแต่ละห้องไปเท่านั้น
“ในแต่ละห้อง จะมีผู้คุมกันที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตเฝ้าอยู่ 6 คน เมื่อเกิดการต่อสู้ คนที่อยู่ห้องถัดไปจะเข้าไปเสริมการต่อสู้ทันที”ลู่หว่านชี้ไปที่ฝั่งตรงข้ามเป็นลิฟท์ลงไปชั้นที่ 3
“ถ้าเกิดการต่อสู้ขึ้น จะมีการแจ้งเตือน เพื่อทำลายข้อมูลที่เก็บไว้ชั้นที่ 3 ภายในเวลา 5 นาที”
“5 นาที”จิวโมไป๋พูดออกมาอย่างแผ่วเบา ครุ่นคิดเล็กน้อยเขาก็เข้าใจว่าทำไมไม่ทำลายทันที
5 นาที เป็นเวลาไม่ช้าและไม่เร็ว ถ้าผู้คุ้มกันสามารถควบคุมสถานการได้ การนับถอยหลังจะหยุดลง ไม่ต้องเสียข้อมูลมีค่าไป
แต่ฝ่ายบุกรุกจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก ต่อให้สามารถเอาชนะผู้คุ้มกันได้ ถ้าไปไม่ทันก่อนที่ข้อมูลสำคัญจะถูกทำลายก็จบ การบุกรุกกลายเป็นไร้ความหมายทันที
การป้องกันแบบนี้ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้คุ้มกันที่อยู่ชั้นที่ 2 มีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา
ลู่หว่านเห็นว่าจิวโมไป๋สามารถเข้าใจได้ โดยไม่ต้องอธิบายเธอจึงกล่าวต่อ
“ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 ไม่สามารถใช้เครื่องรบกวนสัญญาณได้ เพราะเครื่องเก็บข้อมูลมีระบบตัดสัญญาณอัตโนมัติ ถ้าเครื่องเก็บข้อมูลถูกปิดลง เราจะต้องเสียเวลาเปิดเครื่องใหม่ ทำให้เสียเวลาเพิ่ม เวลา 5 นาทีมันจะไม่พอ”
จิวโมไป๋นิ่งรับฟัง ลู่หว่ายจึงบอกแผนต่อ
“ทันทีที่ลงไปชั้นที่ 2 พวกเรามีเวลา 5 นาทีที่จะบุกลงไปถึงชั้นที่ 3 ก่อนหมดเวลา ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิต ถ้าพวกเราร่วมมือกัน มันก็ไม่ยากเกินไปสำหรับพวกเราที่จะผ่านไปได้”ลู่หว่านปรายตามองสำรวจจิวโมไป๋ เห็นว่าจิวโมไป๋นิ่งไม่ไหวติง เธอก็พูดต่อ
“ชั้นที่ 3 มีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูก เฝ้าคุ้มกันอยู่ 2 คน เราจะแยกกันต่อสู้ ใครสามารถจัดการได้ก่อน ข้อมูลชั้นที่ 3 ก็เป็นของคนๆนั้น ตกลงไหม?”
จิวโมไป๋พยักหน้าตกลงทันที แม้เขาจะรู้ว่า ลู่หว่านไม่ได้บอกข้อมูลทั้งหมด เขาก็เต็มใจจะไปต่อ
ไม่ต้องเสียเวลา เมื่อตกลงกันได้พวกเขาก็ลงลิฟท์ไปชั้นที่ 3 ทันที
วูบ
ก่อนที่ประตูลิฟท์จะเปิดลู่หว่านก็โยนลูกเหล็กออกไปอีกครั้ง ควันสีขาวกระจายปกคลุมทั่วห้องเล็กๆทันที
เมื่อประตูลิฟท์เปิดพอจะผ่านไปได้ จิวโมไป๋ก็พุ่งออกไปเป็นคนแรก ลู่หว่านตามมาด้านหลัง
“มีผู้บุกรุก!”เสียงตะโกนดังขึ้น
จิวโมไป๋ขมวดคิ้ว ผู้คุ้มกันมีความระเบียบเรียบร้อย ไม่สับสนวุ่นวายเหมือนยามรักษาความปลอดภัยชั้นที่ 1 เขามองผ่านกลุ่มควันเห็นผู้คุ้มกันลุกขึ้นมาเตรียมต่อสู้อย่างรวดเร็ว อาวุธในมือยกขึ้นพร้อมที่จะต่อสู้ ควันสลบดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสลบสักคนเดียว
จิวโมไป๋เสียเวลาคิดพุ่งเข้าไปชกผู้คุ้มกันที่อยู่ใกล้ที่สุด
ผู้คุ้มกันคนนั้นไหวตัวทัน ยกดาบเหล็กขึ้นมาป้องกัน
ปัง! เสียงปะทะดังสนั่นพร้อมกับร่างของผู้คุ้มกันคนนั้นกระเด็นออกไปชนกับผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างหลัง พวกเขาล้มลงกับพื้นพร้อมกัน ดาบเหล็กในมือแตกเป็นชิ้นๆ
จิวโมไป๋พุ่งไปโจมตีผู้คุ้มกันอีกคน ภายใต้ถุงมือเกล็ดมังกรทองโผล่ขึ้นมาห่อหุ้มหมัดทั้งสองข้าง เขาไม่เก็บซ่อนพละกำลังอีกแล้ว เขาใช้พลังทั้งหมดรีบจัดการผู้คุ้มกัน
ปี๊ดดด
ในเวลาเดียวกันเสียงสัญญาณแหลมยาวก็ดังขึ้น
เริ่มนับเวลาถอยหลัง
—