ชานเมืองเทียนจิง โรงงานหลอมโลหะเล็กๆตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่สะดุดตา
“อะไรนะ! พ่อของฉันบาดเจ็บได้ยังไง!”จิงมู่ไท่ร้องขึ้นด้วยความตกใจ พ่อของเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเทียนจิง แม้แต่ในเขตภาคใต้ พ่อของเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ พูดได้ว่ายากมากที่จะมีใครสามารถทำร้ายพ่อของเขาจนบาดเจ็บได้
เขาจึงไม่เชื่อว่าพ่อของเขาบาดเจ็บสาหัส จนต้องถูกส่งตัวเข้ารักษาฉุกเฉิน
“คนของเรารายงานมาว่า เมื่อ 2 นาทีก่อน หัวหน้าตระกูลถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำตระกูล จากการตรวจสอบบาดแผล หัวหน้าตระกูลถูกอาวุธแหลมคมแทงลึกเข้าไปหนึ่งในสามของหัวใจ อีกเพียงแค่นิดเดียว ก็จะตัดขั้วหัวใจได้ แม้หัวหน้าตระกูลจะไม่เสียชีวิต แต่บาดแผลตรงหัวใจ ทำให้เลือดหัวใจรั่วไหลออกมาจำนวนมาก ทำให้ในตอนนี้หัวหน้าตระกูลอยู่ในสภาวะอ่อนแอที่สุด”ชายชุดดำรายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
ใบหน้าของจิงมู่ไท่บิดเบี้ยว ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจ ในตอนนี้เขาอยู่ในสถานะการที่แย่ที่สุด รัฐบาลค้นพบสิ่งผิดปกติภายในอาคารเก็บข้อมูลที่ 2 แล้ว พวกเขาได้ส่งคนตรวจค้นทั่วเหมืองเหมือนฝูงไฮยีน่าที่ไล่ฉีกกระชากเหยื่ออย่างบ้าคลั่ง แม้ภายนอกจะเหมือนกับว่ากำลังหาตัวคนร้าย แต่ที่จริงแล้วพวกเขากำลังพยายามกัดเซาะกองกำลังของตระกูลจิง ที่ปกครองเมืองแห่งนี้อยู่
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานว่าตระกูลจิงเกี่ยวข้องกับอาคารเก็บข้อมูลที่ 2 แต่คนพวกนั้นก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสหลุดมือไป ทรัพยากรของตระกูลจิงมีมากมายมหาศาล โดยเฉพาะเหมืองแร่หยกรอบๆเมือง พวกโลภมากจ้องที่จะได้ส่วนแบ่งเล็กๆ แม้ว่าจะได้รับเพียงชิ้นส่วนเค้กเล็กๆ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะยอมเสี่ยง
ถ้าพ่อของเขาอยู่ในสภาพปกติ เขาจะสามารถกำจัดสถานการเหล่านี้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อพ่อของเขาอ่อนแอ พวกคนที่จ้องแย่งชิงผลประโยชน์ จะไม่พลาดโอกาสให้หลุดไปอย่างเฉยๆ
โดยเฉพาะคนในตระกูลสาขา ที่เห็นพ่อของเขาเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ พวกเขาจ้องหาวิธีทำให้พ่อของเขาหลุดออกจากต่ำแหน่งมานาน เมื่อพ่อของเขาบาดเจ็บ และมีเหตุการวุ่นวายทั่วเมือง คนพวกนั้นจะกระพือเชื้อไฟ ทำให้สถานการณ์แย่ลงอย่างแน่นอน
จิงมู่ไท่ใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะออกคำสั่ง
“เรียกรถ!”
“ของพวกนี้จะทำลายเลยไหมครับ”ชายชุดดำถาม ในมือถือถุงสีดำที่ใส่ของจนเต็มถุง
จิงมู่ไท่เหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว”ทำลายพวกมันให้หมด อย่าให้มีอะไรหลุดรอดไปได้”
“ครับ!”
…
ชานเมืองไม่ไกลนัก มีอาคารร้างหลายแห่งตั้งอยู่ ในอดีตบริเวณนี้เป็นเขตอุตสาหกรรม แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้ถูกทิ้งร้างไร้ผู้คน จิวโมไป๋พาร่างอันบาดเจ็บสาหัสไปซ่อนตัวอยู่อาคารร้างแห่งหนึ่ง ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองเทียนจิง ตำรวจและทหารกำลังตรวจค้นไปทั่วเมือง เขาในสภาพนี้ไม่สามารถเข้าเมืองได้เลย
หลังจากต่อสู้กับชายวัยกลางคน เขาต้องแบกร่างที่บาดเจ็บสาหัส วิ่งวนรอบนอกของเมืองเทียนจิงหลายรอบ เพื่อสลัดการติดตาม กว่าจะหลุดการติดตามมาได้ เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลก็เปียกชุ่มเสื้อคลุมจนแนบติดกับร่างกาย
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสหาชั้นใต้ดิน เมื่อหาพบ เขาก็ลงไปทันที เมื่อปิดผนึกทางเข้า เขาก็หยิบขวดโอสถรักษา โอสถพื้นฟูพลัง โอสถฟื้นฟูจิต โอสถบำรุงเลือด ออกมากินโดยไม่ดูจำนวนโอสถที่อยู่ในขวด
คลื่นความร้อนจากโอสถปะทุออกจากท้องไหลเวียนไปทั่วร่าง เขาก็ใช้กฎแห่งธาตุไม้รักษาบาดแผล แสงสีเขียวเข้มอาบไล้ไปทั่วร่าง ก่อนที่บาดแผลค่อยๆรักษาตัวเอง รอยแตกบนเกล็ดมังกรทองผสานกันอย่างช้าๆ
จากนั้นเขาก็ตั้งสมาธิเร่งการฟื้นฟูพลัง โดยใช้สายเลือดโบราณภายในร่างของเขา คลื่นพลังงานอบอุ่น ไหลเวียนไปทั่วร่างผสานกับกฎแห่งธาตุไม้ ความเร็วในการรักษาเพิ่มขึ้นหลายเท่า เลือดสีแดงหยุดไหลและบางส่วนไหลย้อนกลับเข้าร่าง เกล็ดมังกรทองซ่อมแซมตัวเองอย่างรวดเร็วจนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า อวัยวะภายในที่บอบช้ำฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างนั้นจิวโมไป๋ ก็ค้นพบบางอย่างเขาเข้าไปในทะเลสติ ตำหนักยุทธทั้งสองแผ่พลังอันรุนแรงออกมาจนทะเลปราณหมุนวนอย่างรุนแรง แต่น่าแปลกที่มันไม่ทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย
จิวโมไป๋นิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะใช้สมาธิทั้งหมดไปที่ฟื้นฟูร่างกาย
1 ชั่วโมงต่อมา บาดแผลในร่างถูกฟื้นฟูจนเกือบสมบูรณ์ เหลือเพียงความอ่อนล้าที่เกิดจากการสูญเสียเลือดไปจำนวนมาก แม้ว่าจะเขาจะสามารถย้อนเลือดให้กลับเข้าร่างกายได้ แต่มันทำได้แค่เลือดที่ยังสมบูรณ์อยู่เท่านั้น เลือดที่ไหลออกมาในระหว่างหลบหนี มันเสียหายจนไม่สามารถย้อนกลับเข้าร่างได้
จิวโมไป๋รักษาร่างกายอีกครู่หนึ่งจนหายดีอย่างสมบูรณ์ ความเร็วในการรักษาของเขาเร็วมาก แม้แต่การเทคโนโลยี่การแพทย์ในปัจจุบันยังเร็วไม่เท่า
สายเลือดโบราณและกฎแห่งธาตุไม้เป็นส่วนผสมที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
จิวโมไป๋ตั้งสมาธิทำให้จิตใจสงบที่สุด เมื่อสติมั่นคงแล้ว เขาก็ลุกขึ้นและเริ่มใช้กระบวนท่าออกกำลังกายหลอมกายามังกรเทวะทันที
ในเวลาเดียวกันตำหนักยุทธทั้งสองก็ส่องประกายเจิดจ้าออกมาพร้อมกัน ทะเลปราณทั้งสองพลันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไร้อุปสรรค ไม่มีสิ่งกรีดขวางที่ยากลำบาก มันทะลวงผ่านเส้นแบ่งขั้นพลังไปได้อย่างง่ายดาย
ขั้นที่ 4 อวัยวะภายใน ปลาย
ทะเลปราณยังไม่หยุด มันกำลังขยายไปถึงเส้นแบ่งขั้นต่อไป
แต่ก่อนที่เลื่อนไปขั้นที่ 5 กระดูก จิวโมไป๋ก็แบ่งสมาธิไปที่ตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น และสั่งให้มันทำลายกรรมชั่วที่เขาสะสมมาทั้งหมด กระบี่เลือนเร้นฟาดฟันกรรมชั่วจนหมดสิ้นในชั่วพริบตา
คลื่นความร้อนอันอบอุ่นและบริสุทธิ์ไหลเวียนไปทั่วอวัยวะภายในทั่วร่าง ทะเลปราณขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เขตแดนปราณจะเกิดเส้นแบ่งเขตแดนเสมือนขวางกันทะเลปราณเอาไว้
จิวโมไป๋เร่งเคล็ดบ่มเพาะพลังทั้งสองพร้อมกัน เคล็ดบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยันแผ่กระจายคลื่นความร้อนของเพลิงนิรันดร เผาไหม้ทั่วร่างจนเกิดไอสีขาวผุดออกจากรูขุมขน เส้นเลือดปูดโปนทั่วร่างกาย ทะเลปราณภายในร่างม้วนตัวอย่างรุนแรงกระแทกเข้าใส่เขตแดนเสมือน
เคล็ดกระบี่เลือนเร้นก็ส่งคลื่นแห่งกรรมเข้าเสริม หัวใจ ตับ ไต ปอด กระเพาะอาหาร… สิ่งสกปรกที่แฝงอยู่ถูกกำจัดจนสะอาดบริสุทธิ์ การทำงานของอวัยวะภายในแข็งแกร่งขึ้น พวกมันส่งพลังงานไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ทะเลปราณในร่างผลักดันเขตเดินเสมือนให้เปิดออก
เขตแดนเสมือนสั่นไหวอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะสามารถทะลวงผ่านไปได้
การทะลวงขั้นสูงสุดในครั้งนี้ไม่มีโอสถช่วยเหลือ กรรมชั่วที่สะสมก็ไม่มากนัก ทำให้ยากกว่าการทะลวงขั้นสูงสุดก่อนหน้าอย่างมาก
จิวโมไป๋พยายามควบคุมทะเลปราณทั้งสองเข้าทำลายเขตแดนเสมือน แต่ก็ไม่สำเร็จ
น่าเสียดายถ้าเขาสังหารชายวัยกลางคน ที่ขัดขวางการหลบหนี ด้วยกรรมชั่วที่มากมายมหาศาล เขาจะสามารถทะลวงขั้นที่ 4 อวัยวะสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
จิวโมไป๋ใช้กระบวนท่าหลอมกายามังกรเทวะโดยไม่หยุดพัก ไอร้อนเริ่มกลายเป็นสีแดงเลือด มันยิ่งทำให้ร่างกายของเขาทรุดหนักลงไปอีก แต่เขาก็ไม่ยอมหยุด เขารู้ว่าถ้าเขาหยุดจะไม่สามารถทะลวงขั้นสูงสุดได้
เขาใช้สมองครุ่นคิดหาวิธี
ระหว่างนั้นร่างกายของจิวโมไป๋ก็ขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วในการใช้กระบวนท่ามังกรเทวะช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เขตแดนเสมือนก็เริ่มจางลงอย่างช้าๆ ถ้าไม่สามารถระลวงเขตแดนนี้ในครั้งนี้ ก็ไม่มีโอกาสอีกต่อไป
ในชั่วเวลานั้นเองจิวโมไป๋ก็คิดอะไรได้ เขาหยิบดอกคามิเลียสีเลือดออกจากแหวนมิติเก็บของ โดยไม่ลังเลเขาหยิบออกมา 10 ต้น และยัดใส่ปากอย่างรวดเร็ว
คลื่นความร้อนกระจายไปทั่วร่าง ก่อนที่เลือดจะเริ่มเดือดอย่างรุนแรง
ดอกคามิเลียสีเลือด ไม่ช่วยในการทะลวงขั้นสูงสุกของอวัยวะภายใน แต่มันทำให้หัวใจผลิตเลือดเพิ่มขึ้น เมื่อเลืิอดเพิ่มขึ้น ความแข็งแกร่งของร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมา
จิวโมไป๋กินดอกคามิเลียสีเลือด 10 ต้น โดยไม่เสียดาย มันทำให้ใบหน้าของเขากลับมามีสีสันขึ้นเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน จิวโมไป๋แบ่งสมาธิไปที่เมฆสีทองบนท้องฟ้าภายในทะเลสติ เขารวบรวมพวกมันมาที่ใจกลางทะเลปราณ
พลังวิญญาณไม่มีส่วนช่วยในการทะลวงขั้นสูงสุดเช่นกัน แต่…
จิวโมไป๋ใช้พลังวิญญาณบดขยี้เมฆสีทองอย่างรุนแรง ทำให้เมฆสีทองปั่นป่วน ในตอนนั้นเองสายฟ้าสีม่วงก็แลบไปมาที่ก้อนเมฆสีทอง เหมือนคนที่กำลังนอนหลับถูกบังคับปลุกให้ตื่น
สายฟ้าสีม่วงโกรธจัด มันส่งเสียงร้องดังกระหึม ก่อนที่มันจะกระหน่ำผ่าลงมาใส่ทะเลปราณอย่างรุนแรง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ทะเลปราณถูกสายฟ้าผ่าเข้าใส่จนเกิดความปั่นป่วนบ้าคลั่ง สติของเขาเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่เขาก็ยังประคองสติเอาไว้ได้
จิวโมไป๋กัดฟันแน่น ใช้พละกำลังทั้งหมดเคลื่อนไหวกระบวนท่าหลอมกายามังกรเทวะ พร้อมกับเร่งเคล็ดบ่มเพาะพลังทั้งสองให้อยู่สภาพสูงสุด
ทะเลปราณราวกับท้องทะเลที่เกิดภัยพิบัติ คลื่นปราณปั่นป่วนอย่างรุนแรง และพุ่งกระแทกเข้าใส่เขตแดนเสมือนอย่างบ้าคลั่ง
เขตแดนเสมือนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สายฟ้าสีม่วงก็กระหน่ำผ่าลงมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ ทะเลปราณก็ยิ่งบ้าคลั่ง
จนกระทั้งเขตแดนเสมือนเกิดรอยร้าว
จิวโมไป๋เห็นโอกาส เขาใช้พละกำลังทั้งหมดใช้่กระบวนท่าหลอมมังกรเทวะครั้งสุดท้าย!
ทะเลปราณทั้งสองแห่งพุ่งกระแทกเขตแดนเสมือนอย่างรุนแรง!
ตูม!
เขตแดนเสมือนสลายเป็นชิ้นๆ ทะเลปราณขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในสูงสุด!
คลื่นความร้อนอธิบายไม่ได้อาบไปทั่วอวัยวะภายในทั้งหมด
จิวโมไป๋หยุดกระบวนท่า สูดไอเลือดกลับเข้าร่าง ร่างกายของเขาสั่นสะเทือนอย่างแผ่วเบาอ่อนโยน เขาหลับตาลงซึมซับความรู้สึกเหมือนถูกชำระล้างด้วยพลังงานอันบริสุทธิ์ ร่างกายของเขาเหมือนได้รับการเกิดใหม่
จิวโมไป๋ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เขาสัมผัสได้ทันทีว่า ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นหนึ่งขั้น
—-
วันนี้ลงแค่ 1 ตอนนะครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ