ทาเคยูชิที่เห็นดังนั้นก็กัดฟัน ระเบิดพลังกดดันออกมา ก่อนจะใช้ท่าร่างไล่ตามทาคาฮิโระ พริบตาเดียวเขาก็ไล่ตามทัน
แต่เมื่อจะไปถึงทาคาฮิโระก็หยุด ก่อนจะหมุนตัวกลับด้วยท่าทางแยบยล เขาไม่ใช้ท่าร่างทำให้เขาสามารถปรับเปลี่ยนการเคลื่อนไหวอย่างไม่ยากเย็น เขาหันมาพร้อมกับฟันดาบใส่ทาเคยูชิที่พุ่งเข้ามา
ทาเคยูชิไม่สามารถเปลี่ยนท่าร่างได้ เขาจึงต้องฟันดาบสวนไป
เคร้ง! ดาบทั้งสองปะทะกัน ร่างของทั้งสองหยุดชะงัก
การโจมตีเหมือนย้อนกลับไปก่อนหน้าอีกครั้ง
ทาคาฮิโระยิ้มเยาะเย้ยทาเคยูชิในใจ ใช้พละกำลังอันแข็งแกร่งกดดาบลงไป
แต่ทาเคยูชิก็ไม่ได้โง่ ในชั่วพริบตาที่ดาบปะทะกัน เขาก็ออกแรงทั้งหมดกดดาบลง
ทำให้ดาบของทั้งสองยังคงอยู่ตรงกลาง ไม่มีใครสามารถกดดาบลงไปได้
ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองก็ยกเท้าเตะออกพร้อมกัน ด้วยระยะการโจมตี ทำให้เท้าของทั้งสองเตะเข้าใส่กัน
เปรี้ยง! ร่างของทั้งสองถอยไปคนละสี่ถึงห้าก้าว
ทาเคยูชิสูดลมหายใจ มองไปยังทาคาฮิโระด้วยความประหลาดใจในความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายฝึกฝนร่างกายมาก่อน ทำไมถึงมีพละกำลังที่แข็งแกร่งพอๆกับตัวเอง ที่ต้องฝึกฝนฝ่าฟันความยากลำบากมาหลายปีได้
ทาคาฮิโระมองไปยังทาเคยูชิด้วยแววตาคุกลุ่น เจตนาฆ่าสาดกระจายออกมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขามีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 โลหิตต้น ตัวเขาจะต้องมีความแข็งแกร่งเหนือใครในระดับเดียวกัน แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถูกพี่ชายขยะเตะ
เปรี้ยะ! สายฟ้าสีม่วงปะทุออกจากร่างของเขาอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาแลบไปด้วยสายฟ้าสีม่วง ในตอนนั้นเอง ร่างของเขาก็หายวับไปด้วยความเร็วสูง
ทาเคยูชิกัดฟัน สายฟ้าระเบิดออกจากร่างอย่างรุนแรง เขาพึ่งตะหนักกฎแห่งธาตุสายฟ้า ทำให้เขายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับมันได้ เขาจึงทำได้แต่ทำตามที่ตัวเองเคยศึกษาเท่านั้น ทำให้กฎแห่งธาตุสายฟ้าของเขาอ่อนแอ
วูบ ร่างของทาคาฮิโระปรากฏขึ้นด้านข้างก่อนจะชักดาบโจมตีด้วยความเร็วสูง ทาเคยูชิรออยู่แล้ว เขาชักดาบป้องกัน
เคร้ง! สะเก็ดไฟสาดกระจายออกโดยรอบ
ทาเคยูชิดึงดาบกลับและกรัดแกว่งโจมตี เงาดาบสีเงิน กระพริบวูบวาบ กระหน่ำโจมตีออกไปราวพายุ ทาคาฮิโระยิ้มเยาะ ดาบในมือโจมตีอย่างหนักหน่วงรุนแรง เสียงเชือดเฉือนแหวกอากาศน่าหวาดหวัน ดาบของทั้งสองปะทะกันถี่ยิบ สะเก็ดไฟสาดกระจายไปทั่วบริเวณ ทั้งสองแลกเปลี่ยนการโจมตีโดยที่ไม่มีใครยอมใคร
ทางด้านจิวโมไป๋ที่จัดการริกะ เขามองไปที่ร่างของเธอ ดวงตาหรี่ลง เขาสัมผัสไม่ได้ถึงชีวิตจากร่างของหญิงสาว แสดงให้เห็นว่าเธอตายแล้ว แต่ในตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น ไม่มีกรรมชั่วปรากฏขึ้น เขาจึงเกิดความสงสัยว่าหญิงสาวแกล้งตาย หรือเพราะผนึกกรรมชั่วที่เกิดขึ้น ทำให้ตำหนักยุทธของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง
เขานิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงการต่อสู้ของทาคาฮิโระและทาเคยูชิจะปลุกเขา เขาหันไปมองตามเสียงเมื่อเห็นว่าทั้งสองสามารถต่อสู้กันได้อย่างสูสี เขาจึงไปที่ร่างของอิโทซะ เพื่อตรวจดูอาการ แต่ก่อนที่เขาจะขยับ
อากิฮิโระก็หันกลับมา พร้อมกับพุ่งเข้าใส่เขาด้วยพละกำลังทั้งหมดที่เหลืออยู่!
แต่มันเป็นการเคลื่อนไหวที่อ่อนแอเต็มที
จิวโมไป๋มองไปที่อากิฮิโระด้วยแววตาอ่อนลง เขายกมือชกไปที่ร่างของอีกฝ่าย ด้วยพละกำลังเล็กน้อยผลักอีกฝ่ายกระเด็นออกไป
อากิฮิโระล้มลงกับพื้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมากองใหญ่ แต่เขาไม่หมดสติ เขายังพยายามยืนขึ้นดวงตาที่มองมายังจิวโมไป๋เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“นายเป็นคนของสำนักดาบสายฟ้าคำรณ ทำไมนายถึงต้องปกป้องเธอด้วย?”จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะถาม เขาเหมือนมองเห็นตัวเองในอดีตที่เคยหลงใหลหลานซูเมิ่ง จนทำให้ครอบครัวพังพินาศ แม้ว่าเขาและอีกฝ่ายจะไม่เคยผ่านเหตุการณ์เดียวกัน แต่การถูกความหลงใหลจนบดบังความคิดทั้งหมด เขาเคยผ่านมาก่อน
“คนนอกอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร!”อากิฮิโระมองจิวโมไป๋ด้วยดวงตาที้แดงก่ำ น้ำตาค่อยๆไหลออกมา พลังกดดันอันไร้ที่มาปะทุออกจากร่างอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าอากิฮิโระจะกลับมามีพละกำลังอีกครั้ง เขาพุ่งเข้าโจมตีจิวโมไป๋ด้วยพละกำลังทั้งหมด ใช้ร่างกายต่างอาวุธพุ่งเข้าชนตรงๆ
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจก่อนจะตบฝ่ามืออกไป เขาใช้พละกำลังครึ่งหนึ่ง
เปรี้ยง! ร่างของอากิฮิโระลอยขึ้นก่อนจะกระเด็นออกไปหลายก้าว
จิวโมไป๋เดินไปยังร่างของอิโทซะแล้วถาม
“เป็นยังไงบ้าง?”
อิโทซะยังตกใจกับการทรยศของริกะส่ายหน้าช้าๆ
จิวโมไป๋หยิบโอสถฟื้นฟูพลังไปให้
อิโทซะหยิบมากินโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะเรียกสติ เขามองไปยังร่างของอากิฮิโระที่สงบอยู่ไม่ไกลดวงตาของเขาก็กลายเป็นขุ่นมัว
“สองพี่น้องไดอิจิ พวกเขามาจากครอบครัวที่ไม่เกี่ยวกับผู้บ่มเพาะพลัง เมื่อพวกเขาเข้าสำนัก แม้ว่าพรสวรรค์ของพวกเขาจะยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่มีทรัพยากรสนับสนุนเท่าที่ควร ทำให้เขาได้รับความยากลำบากไม่น้อย จนกระทั้งเขาได้รับการช่วยเหลือจากริกะ พวกเขาได้รับทรัพยากรมากมาย ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนติดอันดับ 10 ยอดฝีมือรุ่นใหม่ของสำนัก…”