การต่อสู้ที่เกิดขึ้น จึงไปอยู่อีกด้านของสำนัก ไม่ใกล้เมือง เพื่อป้องกันคนธรรมดาถูกลูกหลงจากการต่อสู้
คนที่อยู่ในเมืองทาคามูระ ต่างก็เคยเห็นการต่อสู้ระหว่างตำนักหลายครั้ง พวกเขาจึงไม่ตกใจและยืนดูการต่อสู้ได้ แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะดูรุนแรงผิดปกติ พวกเขาก็ไม่กังวล เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ ถ้าพวกเขาไม่เข้าไปใกล้ๆการต่อสู้เอง
ด้านหลังสำนักดาบสายฟ้าคำรณ
ศิษย์ของสำนักทั้งสองแห่ง กำลังต่อสู้ตะลุมบอนอย่างดุเดือด ฝั่งหนึ่งใส่ชุดต่อสู้สีม่วงด้านหลังปักคำว่า’สำนักดาบสายฟ้าคำรณ’ อีกฝั่งใส่ชุดต่อสู้สีแดงสดด้านหลังปัก’สำนักดาบเพลิงทลายฟ้า’
ฝั่งชุดต่อสู้สีแดงมีจำนวนมากกว่าถึง 3 เท่า แต่ฝ่ายชุดสีม่วงยังสามารถยันเอาไว้ได้ บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของฝั่งสีม่วง
แต่มือเท้าของฝั่งสีม่วงน้อยกว่ายิ่งเวลาผ่านไป ฝั่งของพวกเขาเริ่มเหนื่อยล้า พวกเขาค่อยๆถูกฟันจนล้มลง
ในระหว่างต่อสู้พวกเขายังต้องระวังคลื่นพลังจากการต่อสู้อีกด้าน ที่รุนแรงจนพวกเขาแทบต้านไม่ไหว พวกเขาอยากจะวิ่งหนีไปใกล้ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถละทิ้งการต่อสู้ได้
อีกด้านหนึ่งของการต่อสู้
เจ้าอาวาสหงหมิงที่ร่างกายเปล่งแสงสีทองขาว ด้านหลังของเขา หงหยุนกำลังยืนมองซ้ายมองขวาด้วยสายตาลอกแลก ฝั่งตรงข้ามของพวกเขามีชายวัยกลางคนสองคน ในชุดดำขอบแขนเสื้อมีแถบสีแดงสด กำลังยืนคุมเชิงอยู่
“อมิตาพุทธ อาตมาเข้าใจกฎของการต่อสู้ระหว่างสำนัก โยมปล่อยอาตมาไปรอศิษย์ของอาตมาเถอะ อาตมาจะไม่เข้าไปแทรกแซงการต่อสู้”เจ้าอาวาสหงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน
แต่ชายวัยกลางคนทั้งสองไม่พูดอะไร พวกเขานิ่งราวกับไร้ชีวิต
“อมิตาพุทธ ถ้าโยมไม่หลบไป อาตมาก็ขออภัยที่ต้องต่อสู้ด้วย”จบคำร่างของเจ้าอาวาสหงหมิงก็ระเบิดพลังกดดันออกมา รัศมีพลังทองขาวสาดกระจายออกโดยรอบ ราวกับชำระล้างความชั่วร้ายทั้งปวง
ชายวัยกลางคนทั้งสองก็ระเบิดกฎแห่งธาตุไฟออกมา คลื่นพลังอันร้อนแรง ทำให้อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่พูดอะไร พวกเขาทั้งสองก็เข้าโจมตีเจ้าอาวาสหงหมิงพร้อมกัน
คลื่นพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัวผลัก หงหยุนถอยร้นไปด้านหลังหลายก้าว ในตอนนั้นเอง เขาก็ตัดสินใจจะวิ่งฝ่าออกไปทางด้านหนึ่ง ที่การต่อสู้เบาบาง
แต่เมื่อเขากำลังจะออกตัว ก็มีศิษย์ในชุดแดงเข้ามาขวางไว้ พลังกดดันอันแข็งแกร่งระดับการบ่มเพาะพลังของเขาอยู่ขั้นที่ 6 โลหิตต้น ทำให้หงหยุนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 ปลาย ตกอยู่ในอันตรายทันที
ภูเขาที่อยู่ไกลออกไป เหล่าผู้อาวุโสของสำนักทั้งสอง กำลังยืนเผชิญหน้ากัน ด้านหน้าเจ้าสำนักของทั้งสองสำนักยืนเผชิญหน้ากันในระยะห่าง 10 เมตร พวกเขาต่างแผ่พลังกดดันต้านกันอย่างไม่มีใครยอมใคร อากาศเกิดระรอกคลื่นเป็นชั้นๆ สายลมกรรโชกอย่างรุนแรง
“ผู้พิทักษ์เพลิงทมิฬหายไป 3 คนไม่อยู่ที่นี่ ทำไมผู้อาวุโสของพวกเขาถึงมีเท่าเดิม”พันเอกทาคามูระกระซิบบอกกับเจ้าสำนัก สายตามองสำรวจจำนวนฝ่ายตรงข้าม
“ถ้าพวกเขาไม่มั่นใจพวกเขาไม่โจมตีสำนักของเรา จะต้องมีคนอื่นที่ร่วมมือด้วย เพื่อทำลายสำนักของเรา”เจ้าสำนักจอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ฮ่าๆ ฟุกายะ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมนายถึงกลายเป็นเต่าขี้ละแวงไปแล้วละ พวกฉันบุกเข้ามาถึงสวนหลังบ้านของนายแล้ว นายยังไม่กล้าต่อสู้กลับอีก น่าอายจริงๆ ถ้าพูดออกไปว่าสำนักดาบสายฟ้าคำรณเป็นแค่เจ่าขี้ขลาด”เสียงล้อเลียนดังขึ้น ชายร่างสูงใหญ่กำยำในชุดต่อสู้หรูหราสีแดงชายเสื้อเหมือนเสื้อคลุมยาวถึงพื้น ใบหน้าคมเข้มไม่ปกปิดสีหน้าเย้ยหยันออกมา
ฟุกายะเจ้าสำนักดาบสายฟ้าคำรณสูดลมหายใจลึกข่มความโกรธเกี้ยวที่กำลังเอ่อล้น เขาจะต้องหาเหตุผลที่อีกฝ่ายโจมตีสำนักของพวกเขา”เอนโจ ซากาคิชิ นายกำลังทำอะไรอยู่ นายก็รู้ว่าในตอนนี้ประเทศกำลังอยู่ในสภาวะพิเศษ ห้ามมีการต่อสู้ระดับสูง การที่สำนักของพวกนายโจมตีสำนักของฉันในตอนนี้ มันผิดกฎ!”
ซากาคิชิมองฟุกายะด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหัวเราะออกมา
“ฟุกายะ นายอย่ามาพูดตลกอย่างนั้น กฎของประเทศ ไม่สามารถใช้กับสำนักหรือนิกายได้”
“แก! รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”พันเอกนาคามูระที่อยู่ด้านข้างตะคอกเสียงดัง พลังกดดันระเบิดออกมาผสานกับพลังกดดันของฟุกายะ ผลักพลังกดดันของซากาคิชิกลับไป
ซากาคิชิหันควับมามองพันเอกนาคามูระ ก่อนที่จะชักดาบและฟันออกไป คลื่นดาบตัดผ่านอากาศพริบตาเดียว ก็พุ่งเข้าใส่พันเอกนาคามูระอย่างเด็ดขาด
พันเอกนาคามูระชะงักเล็กน้อย ก่อนจะจับไปที่ด้ามดาบ แต่ก่อนที่เขาจะชักดาบ ฟุกายะที่อยู่ด้านข้างก็ชักดาบด้วยความเร็วสูงคืนดาบฟันออกไป
เปรี้ยง! คลื่นดาบทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนที่จะสลายหายไป
“เป็นแค่สุนัขรับใช้ ไม่มีสิทธิ์พูดกับฉัน”ซากาคิชิพูดอย่างเย็นชา
พันเอกนาคามูระกำด้ามดาบแน่นจนเส้นเลือดขึ้น ดวงตาฉายจิตสังหารออกมา
ผู้อาวุโสด้านหลังของพวกเขา ก็ระเบิดพลังกดดันจะต่อสู้ตอบโต้ ตรงกลางระหว่างพวกเขาเกิดพายุขนานย่อม