อิซาชิจับด้ามดาบแน่นมองไปยังผู้พิทักเพลิงทมิฬด้วยสายตาระมัดระวัง แต่อีกฝ่ายหยุดยืนอยู่เฉยๆไม่เข้ามาโจมตี และหันไปมอง เคนซูกุที่กำลังไล่ตอนอิโทซะ เมินพวกเขาอย่างสิ้นเชิง
อิซาชิมองขมวดคิ้ว หันไปมองอิโทซะที่เริ่มอ่อนแรงทุกขณะ เขาจะเข้าไปช่วย แต่เขาไม่สวามารถปลีกตัวไปได้ เพราะพลังกดดันอันตรายที่เล็ดลอดจากร่างของผู้พิทักเพลิงทมิฬ บังคับไม่ให้เขาเข้าไปยุ่ง
ทาเคยูชิเหลือบมองอิซาชิเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นท่าทางของอิซาชิได้ ก่อนที่เขาจะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขารู้ว่าคนอื่นๆยังคงระแวงเขาอยู่ เพราะทาคาฮิโระ เลือกที่จะทรยศสำนัก เขาที่เป็นพี่ชายไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้ เขาจึงต้องใช้ตัวเอง พิสูจน์ความบริสุทธิ์ เขารู้ว่าผู้พิทักเพลิงทมิฬ มีระดับการบ่มเพาะพลังระดับที่ 7 ไขกระดูกต้น แต่เขาก็ยอมรับความเสี่ยง ถ่วงเวลาให้คนอื่นๆ
เมื่อตัดสินใจแล้ว เขาก็ไม่มีทางถอยกลับ
“ไปช่วยอิโทซะ ฉันจะรับมือทางนี้เอง!”
อิซาชิที่ได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันกลับมามองทาเคยูชิ
“นายสู้ไม่ได้หรอก เมื่อครู่นายก็ถูกเล่นงานมาไม่ใช่เหรอ”
ทาเคยูชิไม่พูดอะไรอีก เขาสูดลมหายใจด้วยจังหวะที่แปลกประหลาด ก่อนที่ไอร้อนพ้นออกมาจากจมูก ร่างของเขาค่อยๆแดงเลือด ไอน้ำสีขาวปะทุออกจากร่างกาย
ผู้พิทักษ์เพลิงทมิฬกำลังมองการต่อสู้ของนายน้อยอยู่ ไม่สนใจทาเคยูชิและอิซาชิเลย เขาไม่คิดว่าทั้งสองที่พึ่งเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังเป็นขั้นที่ 6 โลหิตไม่นาน จะสามารถเอาชนะตัวเองได้
ด้วยความประมาทของผู้พิทักเพลิงทมิฬ ทำให้ทาเคยูชิสามารถรวบรวมพลังได้
วิชาต้องห้าม ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ!
คลื่นนนน เสียงสายฟ้าคำรามดังกึกก้องออกจากร่างของทาเคยูชิ พลังกดดันอันทรงพลังระเบิดออกมาจากร่าง เงาเลือนลางคล้ายใบดาบสีแดงม่วงยาว 6 เมตร ปรากฏขึ้นกลางหลัง คลื่นพลังอันแหลมคมแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง พื้นดินโดยรอบถูกคลื่นพลังตัดเป็นชิ้นๆ
อิซาชิใช้ท่าร่างถอยออกมาหลายสิบก้าว พ้นระยะคลื่นพลัง
ก่อนที่จะรู้ตัวทาเคยูชิก็ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พื้นดินเกิดร้อยแตกร้าวราวใยแมงมุม มือที่กำด้ามดาบก็ชักดาบคาตานะนะออกจากฝักและฟันออกมาด้วยความเร็วสูง เงาดาบม่วงแดงลวงตาผสานกับคลื่นดาบสายฟ้าปะทุออกมาอย่างรุนแรงราวพายุฟ้าคะนองเสียงดังสนั่น พริบตาเดียวก็ฟันเข้าใส่ร่างของผู้พิทักเพลิงทมิฬ
คลื่นดาบสายฟ้าสีม่วงแดงแผ่กลิ่นอายแหลมคมสุดเปรียบปาน ตัดลงผ่าร่างอย่างโหดเหี้ยม ผู้พิทักเพลิงทมิฬที่ถูกกลิ่นอายอันแหลมคมเข้าทำลายจนเสื้อผ้าขาดกระจุยร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน กว่าเขาจะตั้งตัวได้ก็สายไป เขารีบใช้ท่าร่างถอยไปด้านหลังพร้อมกับยกดาบขึ้นป้องกันในวินาทีสุดท้าย
ฉัวะ! คลื่นดาบสายฟ้าม่วงแดงฟันเข้าร่างอย่างจัง ดาบคาตานะแตกเป็นชิ้นๆ ร่างของผู้พิทักเพลิงทมิฬกระเด็นออกไปหลายสิบก้าว เสื้อคลุมขอบดำถูกทำลายเป็นชิ้นๆ กลางลำตัวถูกตัดอย่างน่ากลัว
โครม! ผู้พิทักเพลิงทมิฬกระแทกพื้นอย่างแรง ก่อนจะกลิ้งสามตลบและหยุดลง เขายังไม่หมดสติทันที เขาใส่เกาะอ่อน ทำให้ร่างของเขาไม่ถูกตัดครึ่ง แต่เกาะอ่อนถูกทำลายจนหมด คมดาบสายฟ้าม่วงแดงตัดเข้าไปที่กลางลำตัวอย่างจัง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาอย่างน่ากลัว เขากระอักเลือดออกมากองใหญ่
“ไม่มีทาง แกจะมีความแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง! อัก!”ใบหน้าของผู้พิทักเพลิงทมิฬบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะไอละอองเลือดออกมา สติของเขาเริ่มเลือนลาง
เขาเคยอ่านข้อมูลของทาเคยูชิมาก่อน เขาคิดว่าเขารู้ตวามสามารถของทาเคยูชิทั้งหมด ทำให้เขาประมาทไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมีกระบวนท่าโจมตีที่รุนแรงอย่างนี้ได้
ผู้พิทักเพลิงทมิฬไม่รู้ว่าข้อมูลของทาเคยูชิ ที่เขาได้เป็นของเก่า เพราะไม่มีใครรู้ว่าทาเคยูชิฝึกฝนวิชาต้องห้าม วิชาต้องห้าม ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ ทำให้ข้อมูลที่ได้ไม่ครบถ้วน
ทำให้พลาด ถูกทาเคยูชิโจมตี
เคนซูกุที่กำลังไล่ต้อนอิโทซะ เห็นผู้พิทักเพลิงทมิฬพลาดท่า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ดวงตาฉายแววสังหารจางๆ
ทาเคยูชิหลับตาพยายามระงับร่างกายที่กำลังเดือดพล่าน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ร่างกายของเขาสั่นระริกอย่างรุนแรง ราวลูกโปร่งที่กำลังจะระเบิด
อิซาชิที่ยืนอยู่ด้านข้างสูดลมหายใจลึกๆ เขาไม่คิดเลยว่าทาเคยูชิจะใช้วิชาต้องห้ามในเวลานี้
เขาเคยเห็นทาเคยูชิใช้วิชาต้องห้ามนี้ในการประลองมาก่อน เขาได้ถามผู้อาวุโสเกี่ยวกับวิชาต้องห้ามที่ทาเคยูชิใช้ เขาจึงรู้ว่าหลังจากใช้วิชาต้องห้ามนี้ ทาเคยูชิจะตกอยู่ในอันตรายทันที เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะร่างระเบิดได้ทุกเมื่อ
ในสถานการณ์ที่สำนักไม่ปลอดภัย การใช้วิชาต้องห้ามที่อันตรายอย่างนี้ เป็นความคิดที่เสี่ยงอันตรายอย่างมาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็นึกขึ้นได้ว่า จิวโมไป๋สามารถช่วยชีวิตทาเคยูชิมาแล้วครั้งหนึ่ง น่าจะสามารถช่วยได้อีกครั้ง เขามองหาจิวโมไป๋ทันที แต่ไม่พบใคร
เขาพึ่งจะสังเกตว่าจิวโมไป๋และนักบวชหัวล้านหายไปจากที่นี่
จิวโมไป๋หายไปไหน?