จิวโมไป๋ที่ได้ยินก็มีท่าทางกระวนกระวายใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดอย่างช้าๆ
“ผมมีความสามารถพิเศษบางอย่าง”ดวงตาสั่นไหวเหมือนลังเลไม่อยากจะพูด ขีดสีเขียวบนเครื่องจับโกหกค่อยๆเพิ่มขึ้น
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะเก็บความสามารถของนายเอาไว้ บันทึกนี้มีแต่คนของหน่วยระดับบนเท่านั้นที่จะเห็น”อวี่หวังถงพูดและรอฟังอย่างตั้งใจ
จิวโมไป๋รักษาความสงบ ก่อนจะหุบตาลงเล็กน้อยและพูด
“ความสามารถของผมคือ สัมผัสมรณะ เมื่อมีอันตายถึงชีวิต ผมจะสัมผัสได้ถึงเส้นทางที่จะทำให้ตัวเองตาย ในตอนที่รถไฟฟ้าอีกคันพุ่งเข้ามา ผมรู้สึกว่ากำลังตาย จึงเคลื่อนไหวตอบสนองอย่างนั้น”จิวโมไป๋ตอบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสบตากับอวี่หวังถง ด้วยแววตาใสซื่อ ขีดสีเขียวบนเครื่องจับโกหกขึ้นมา 5 ขีด
อวี่หวังถงหุบตาลงก้มมองเครื่องจับโกหก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แฝงไปด้วยความผิดหวัง
“ความสามารถพิเศษไม่เลว มันสามารถช่วยชีวิตนายได้”
ความสามารถสัมผัสมรณะ แม้ว่าจะไม่เคยได้ยิน แต่ที่ได้ฟังคำอธิบายของจิวโมไป๋ เขาก็พอจะเข้าใจเล็กน้อย ว่ามันเป็นแค่ความสามารถ ช่วยให้ตัวเองหลบหนีจากการตายเท่านั้น ไม่ได้ตรวจจับอันตราย
คนอื่นๆไม่ได้รับประโยชน์ใดๆกับความสามารถนี้เลย
จิวโมไป๋ซ่อนความคิดในใจ เขาไม่ได้โกหก ในตอนนั้นสัมผัสมรณะกำลังทำงานจริงๆ แต่เขาไม่ได้พูดถึงจิตสัมผัส เพราะมันเป็นไพ่ตายของเขา ที่เขาจะไม่บอกใคร แม้ในอนาคตผู้ใช้พลังวิญญาณจะมีคนรู้จักมากขึ้น เขาก็ไม่เปิดเผยตัวเอง
ก่อนที่จะถึงยุคปรมาจารย์ ที่ใช้พลังวิญญาณผสานกับงานศิลปะ หรือสร้างสรรค์ของต่างๆ ผู้ที่ปลุกพลังวิญญาณ จะสามารถใช้จิตสัมผัสได้เป็นอย่างแรกๆ จิตสัมผัสมีความสามารถในการมองทะลุ มองไกล มองผ่านภาพลวงตา มันสามารถสอดแนมหรือขโมยความลับของคนอื่นๆได้ ทำให้ในช่วงแรก ผู้ใช้พลังวิญญาณจะได้รับการต่อต้านจากผู้คน แม้จะไม่ถึงกับถูกทำร้าย แต่ผู้คนต่างถอยหนี ช่วงเวลานี้กินเวลาไม่ถึงปี ก็มีคนสามารถสร้างวัสดุป้องกันจิตสัมผัส ทำให้ผู้ใช้พลังวิญญาณถูกต่อต้านน้อยลง
และที่เขาต้องซ่อนการใช้จิตสัมผัสก็เพราะว่า เขากลัวจะถูกจับ แม้ว่าเขาจะไม่มีความผิด แต่เขาได้เข้าๆออกหน่วยมังกรซ่อนหลายครั้ง คนของหน่วยมังกรซ่อนอาจคิดว่า เขาอาจได้รับข้อมูลลับบางอย่าง ทำให้เขาจะต้องถูกกักตัว เพื่อสอบสวน ซึ่งอาจกินเวลาหลายวันหรือหลายเดือน
เขาไม่อยากเปิดเผยความสามารถ แล้วเสี่ยงสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ในเวลานี้เขาต้องรีบสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองให้เร็วที่สุด
จิวโมไป๋เล่าถึงเหตุการณ์อีกครั้ง อวี่หวังถงหมดความสนใจ แต่เขาก็รักษาท่าทางจริงจังเอาไว้ จิวโมไป๋เล่าจนถึงหมดสติ เครื่องจับโกหกเป็นสีเขียวทั้งหมด ไม่มีคำโกหกเลย
อวี่หวังถงจึงให้ฟงอี้เฟยเล่าต่อ
ผ่านไป 20 นาที การสอบถามจึงหยุดลง อวี่หวังถงกดปิดการบันทึกวีดีโอและเสียง และเก็บเครื่องจับโกหก บรรยากาศกลับมาผ่อนคลาย อวี่หวังถงหันไปยังจิวโมไป๋และพูด
“นายสามารถตระหนักกฎแห่งธาตุได้ 2 ธาตุอนาคตจะต้องสดใสอย่างแน่นอน”
“จิวโมไป๋ยิ้มรับ
“กฎแห่งสายฟ้าโดดเด่นเรื่องพลังทำลายล้างและความเร็ว กฎแห่งธาตุไม้โดดเด่นเรื่องการรักษาและความยืดยุ่น ทั้งสองกฎแห่งธาตุสุดโต่งไปในทิศทางของตัวเอง ทำให้ยากที่จะหนุนเสริมหรือข่มกันเพื่อเพิ่มพลังได้ เหมือนกฎแห่งธาตุไฟและกฎแห่งธาตุไม้ที่ส่งเสริมกัน หรือกฎแห่งธาตุไฟและกฎแห่งธาตุน้ำที่ข่มทำลายเพิ่มพลัง
แต่กฎแห่งธาตุทั้งสายฟ้าและไม้ ก็ยังแข็งแกร่งในทิศทางของตัวเอง…”อวี่หวังถงแนะนำเรื่องกฎแห่งธาตุให้จิวโมไป๋ฟังอย่างละเอียดและยังแนะนำถึงวิธีการพัฒนาอย่างจิงใจ ไม่ปิดซ่อนอะไร
แม้ว่าจะมีคำอธิบายที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่ถูกต้อง มันก็ไม่ได้เพราะอวี่หวังถงจงใจปกปิด แต่ด้วยความรู้ความสามารถในยุคปัจจุบัน ยังไม่มีใครมีความเข้าใจในเรื่องกฎแห่งธาตุมากนัก
ฟงอี้เฟยนั่งฟังอยู่ด้านข้างอย่างเงียบสงบ ราวกับเป็นผู้ฟังที่ดี
เวลาผ่านไปอีก 10 นาที อวี่หวังถงก็หยุดพูด เขามองจิวโมไป๋ครู่หนึ่งและมองฟงอี้เฟยข้างๆก่อนจะถอนหายใจด้วยท่าทางผิดหวัง
“ฉันอยากจะเชิญนาย เข้าร่วมหน่วยหม่าป่าของฉัน แต่ดูเหมือนว่าฉันจะโชคร้าย มีคนจองตัวนายไว้ก่อนแล้ว”
จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อย ที่ได้ยินอวี่หวังถงพูด เขาก็เข้าใจว่าอวี่หวังถง คิดว่าเขาจะเข้าหน่วยของจี้หยางเฟย แต่เขาไม่อธิบาย เขาเลือกที่จะยิ้มตอบ
“พวกนายออกไปได้แล้ว แล้วก็อย่าพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ออกไป เพราะมันเป็นการโจมตีด้วยอาวุธร้อน ถ้าประชาชนได้ยิน พวกเขาอาจแตกตื่นได้ อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ”อวี่หวังถงเตือน
จิวโมไป๋และฟงอี้เฟยพยักหน้ารับ ก่อนที่พวกเขาจะลุกและเดินออกไป
อวี่หวังถงมองตามหลังจิวโมไป๋ด้วยความเสียดาย ถ้าจิวโมไป๋มีความสามารถในการตรวจจับอันตราย เขาจะยอมเสี่ยงแย่งคนจากเพื่อนรักของตัวเอง
จิวโมไป๋และฟงอี้เฟยเดินไปยังลานจอดรถที่แยกออกมา มีรถตู้สีดำหลายคันจอดรออยู่ พวกเขาเข้าไปในรถตู้สีดำที่ใกล้ที่สุด
ฟงอี้เฟยสั่งงานระบบขับอัตโนมัติ ให้ไปส่งที่เมืองใกล้ๆ ที่มีสถานนีรถไฟฟ้า ที่ไม่ใช้รางเดียวกับรางรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ประสบอุบัติเหตุ
ระหว่างทางพวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าสำรองที่มีในรถ และเก็บเสื้อคลุมของหน่วยลับไว้ในกระเป่าสะพายใบเล็ก
พวกเขาไปยังสถานนีรถไฟฟ้าใกล้ๆ จิตสัมผัสก็สังเกตเห็นผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงแฝงตัว เดินสอดส่องไปมา
พวกเขาทั้งสองเข้าไปนั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูง ไม่นานก็มาถึงเมืองเทียนจิง
เมื่อพวกเขาลงจากรถไฟฟ้า พวกเขาก็มองเห็นเนี่ยฟูหานที่นั่งรออยู่ ตั้งแต่ในวินาทีแรกที่ลงจากรถไฟฟ้า เพราะเนี่ยฟูหานโดดเด่นกว่าใครในบริเวณนั้น และรอบๆเนี่ยฟูหานไม่มีใครนั้ง ทั้งๆที่นั่งรอมีคนแออัด
เนี่ยฟูหานใส่เสื้อสีรุ้งขนนกตัวโปรด ทำให้เกิดประกายแสงสีรุ้งระยิบระยับ รอบร่างกายราวกับเขาปกคลุมด้วยอ่อร่าสีรุ้ง แต่แสงสีรุ้งแยงตาอย่างมาก ทำให้ไม่มีใครอยากนั่งใกล้
เนี่ยฟูหานเห็นจิวโมไป๋ เขาก็พุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาวิ่ง เสื้อขนนกก็สั่นอย่างรุนแรง ทำให้ประกายแสงวิบวับไปมา ถ้ามีคนมองอาจทำให้ตาพล่ามัวได้เลย
“น้องชาย ทำไมฉันติดต่อนายไม่ได้ ฉันคิดว่านายเป็นอะไรไปแล้วซะอีก”เนี่ยฟูหานพูดอย่างเป็นห่วง
“รถไฟฟ้ามีปัญหานิดหน่อย เลยต้องเปลี่ยนสถานนี มันเลยเสียเวลา”จิวโมไป๋ตอบพลางหรี่ตาหลบแสง
เนี่ยฟูหานพยักหน้า ก่อนที่เขาจะเลือบไปเห็นฟงอี้เฟยที่อยู่ด้านหลังของจิวโมไป๋ เขาชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางใหม่ กลับไปเป็นคุณชายเสเพล ที่ไม่จริงจัง
การเปลี่ยนลักษณะท่าทางของเนี่ยฟูหานรวดเร็วยิ่งกว่านักแสดงชั้นนำ
“ฟงอี้เฟย นายมาทำอะไรที่นี่?”เนี่ยฟูหานพูดด้วยน้ำเสียงติดขึ้นจมูก
ฟงอี้เฟยมองเนี่ยฟูหานก่อนจะพยักหน้าตอบอย่างใจเย็น