หนิงหานเป่ยลังเลอยู่ 1 วัน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ ขอที่อยู่ของผู้ที่ช่วยเหลือเขา และออกจากโรงพยาบาล เพื่อมากล่าวขอบคุณโดยตรง แต่เขาไม่คิดเลยว่าเมื่อมาถึง เขาจะเห็นภาพของชายหัวล้าน ซึ่งเป็นคนที่ทำร้ายเขาจนหมดสติ กำลังสร้างความเสียหายให้กับร้านของผู้มีพระคุณอยู่พอดี
มันทำให้เขายิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก เมื่อเขาเห็นชายหัวล้านกำลังทำลายคนอื่น
ด้วยความโกรธเขาร้องตะโกนเสียงดังโดยไม่คิดอะไร
“หยุดเดียวนี้นะ! ถ้าพวกแกอยากจะแก้แค้นละก็มาลงที่ฉัน อย่าไปทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
หนิงหานเป่ยเห็นชายหัวล้านชะงักครู่หนึ่ง เขาก็ฝืนแบกร่างที่บาดเจ็บเข้ามาขวางระหว่างชายหัวล้านและสองพ่อลูก โดนที่เขาไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นใคร
เขารู้เพียงแต่ว่า เขาไม่ยอมให้ชายหัวล้าน ทำลายชื่อเสียงของร้านมากไปกว่านี้
“ถอยไป!”ชายหัวล้านแสดงสีหน้าแปลกๆ ก่อนที่ตะโกนเสียงดัง เหงื่อค่อยๆไหลตามแผ่นหลังอย่างช้าๆ
บัดซบ! นี่มันผิดแผนชัดๆ เขาลังเลว่าจะลงมือกับชายตรงหน้าดีหรือไม่ เขาเหลือบตามองเจ้าปีศาจที่ตอนนี้กำลังแกล้งทำเป็นบาดเจ็บอยู่
เมื่อเห็นตาของอีกฝ่ายส่ายไปมา ชายหัวล้านก็เข้าใจ
“ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องทำร้ายผม แต่คุณก็ไม่ควรไปทำลายร้านอาหารของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของผม ถ้าคุณจะแก้แค้นก็มาลงที่ผมคนเดียว อย่าให้คนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง”หนิงหานเป่ยพูดเสียงดังท่าทางซื่อสัตย์ เต็มไปด้วยคุณธรรม
เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!
“บัดซบ! หลบไป ไม่อย่างนั้นฉันจะอัดแก”ชายหัวล้านได้แต่พูดข่มขู่เสียงดัง เพื่อจะรีบออกจากร้านอาหาร
“ไม่!”หนิงหานเป่ยกลางมือออก ยืนกรานหนักแน่นไม่ยอมถอย ลูกน้องด้านหลังชายหัวล้าน ต่างร้องตะโกนเสียงดัง แต่ก็ไม่มีทางทำให้หนิงหานเป่ยหวาดกลัวได้เลยแม้แต่น้อย เหมือนเขาพร้อมที่จะแลกชีวิตเพื่อปกป้องร้านอาหารนี้
มันกลายเป็นภาพที่แปลกประหลาด ที่กลุ่มชาย 11 คนที่ดูแข็งแรง กับ ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอตามตัวมีผ้าพันแผล กำลังยืนเถียงกันไปมา
เวลาผ่านครู่หนึ่ง
“พี่ชายถอยออกมาเถอะ อีกไม่นานตำรวจจะมาแล้ว พวกเขาไม่กล้าทำอะไรอีกแล้ว”จิวโมไป๋พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ ดวงตากรอกไปมา
หนิงหานเป่ยลังเลเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าพวกนี้ไม่มีทีท่าว่าจะลงมือทำอะไรจริงๆ เขาก็ยอมถอยออกมาโดยไม่ลืมที่จะพูดทิ้งท้าย
“ถ้าคุณจะทำร้ายผม ก็มาลงที่ผมคนเดียวอย่าไปยุ่งกับคนอื่น”
ชายหัวล้านโกรธจนหน้าแดง แต่ก็ไม่ลงมือ เขาหันไปโบกมือเรียกลูกน้อง ก่อนที่จะออกไปที่ประตูหลัง แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีตำรวจในชุดเครื่องแบบสีน้ำเงินนับสิบคนพุ่งเข้ามา
“หยุดอย่าขยับ นี่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ!”
บัดซบ! ชายหัวล้านกรีดร้องในใจก่อนที่จะหมอบลงกับพื้น ในเวลาไม่นานเขาและลูกน้องถูกจับขึ้นรถตำรวจไปอย่างรวดเร็ว
โดยมีพนักงานของร้านคนหนึ่งตามไปให้ปากคำ ก่อนที่รถจะจากไปชายหัวล้านส่งสายตามาให้จิวโมไป๋เล็กน้อย
จิวโมไป๋พยักหน้าเบาๆ
แม้จะผิดแผนไปบ้างก็ไม่เป็นไร จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนที่จะช่วยจิวโมเทียนกล่าวปลอบใจลูกค้าที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ และตรวจสอบความเสียหายของร้าน
ยุ่งวุ่นวายอีกพักใหญ่ แม่และจิวเหวี่ยเหม่ยก็ลงมา เมื่อเห็นว่าชั้น 1 พังยับเยินไม่มีชิ้นดี พวกเธอก็ร้องออกมาอย่างตกใจ
“พวกเราคงต้องปิดปรับปรุงร้าน และออกแบบร้านทั้งหมดใหม่ ถือเสียว่าเปลี่ยนบรรยากาศร้าน”จิวโมเทียนพูดอย่างสงบ ไม่มีอาการเสียใจอะไร
“ผมว่าหลังจากนี้พวกเราจ้าง ยามรักษาความปลอดภัยที่เป็นผู้บ่มเพาะระดับสูง ในอนาคตอาจมีเหตุการณ์แบบนี้ เกิดขึ้นอีกก็ได้”จิวโมไป๋เสนอขึ้น อย่างรวดเร็ว ที่เขาทำมาทั้งหมดก็เพราะ เรื่องนี้
พ่อและแม่คิดครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เอะ พี่ชายออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอ”จิวเสวี่ยเหม่ยร้องขึ้น ทำให้พวกเขาหันไปมองหนิงหานเป่ย ที่กำลังนั่งพักบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
หนิงหานเป่ยรีบลุกขึ้นเดินมาหาพวกเขาก่อนที่จะก้มหัวขอโทษ
“ผมขอโทษ ที่ทำให้พวกคุณเดือดร้อน”เขาฟังอยู่ด้านข้างมาครู่หนึ่ง ก็รู้ว่าพวกเขาเป็นเจ้าของร้าน เขาจึงรู้ได้ทันที่ว่าเด็กหนุ่มและเด็กสาวตรงหน้าเป็นคนที่พาเขาไปโรงพยาบาล
“เธอไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนั้นมาทำลายร้านของเราเอง ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก”จิวโมเทียนพูดขึ้น ก่อนที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงพูดว่าเป็นความผิดตัวเอง
“ผมจำชายหัวล้านและลูกน้องได้ พวกเขาเป็นคนที่ทำร้ายผมจนหมดสติ และ น้องชายและน้องสาวทั้งสองคน เป็นคนที่ช่วยผมไว้ และพาผมไปส่งโรงพยาบาล พวกคนร้ายไม่สามารถไปเอาเรื่องผมที่โรงพยาบาลได้ พวกเขาจึงมาล้างแค้นพวกคุณแทน”หนิงหานเป่ยพูดอธิบายตามที่เขาเข้าใจเสียยาวเยียด ท่าทางของเขารู้สึกผิดอย่างมาก
“อ่อ”พ่อและแม่พยักหน้าเบาๆ พวกเขาจำได้ว่า จิวเสวี่ยเหม่ยบอกว่าลูกชายของพวกเขา พาชายคนหนึ่งที่บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ที่แท้ก็เป็นชายหนุ่มคนนี้เอง
พูดคุยกันอีกพักใหญ่ พนักงานในร้านก็ทำความสะอาดเศษซากความเสียหายไปส่วนใหญ่
พวกเขาจึงพากันไปชั้น 3 เพื่อไปทานอาหาร โดยที่หนิงหานเป่ย ถูกแม่ฮั่นหวูเหยาชวนให้มากินอาหารด้วยกัน
“งั้นตอนนี้เธอก็ยังไม่มีงานสินะ”จิวโมเทียนถามขึ้นเมื่อรู้ว่า ชายหนุ่มพึ่งถูกไล่ออก จากบริษัทถังหยาง บริษัทโลกเสมือนชั้นนำของประเทศ
หนิงหานเป่ยก้มหัวด้วยความอาย เขาคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุให้ร้านถูกทำลาย เขาไม่มีเงินมาจ่ายค่าเสียหาย ทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอกเธอยังอายุน้อย ถ้าไม่หมดหวังเสียก่อน ต้องประสบความสำเร็จได้แน่”แม่พูดปลอบด้วยน้ำเสียอ่อนโยน
หนิงหานเป่ยรู้สึกดีขึ้นอย่างมาก
“ถ้าพี่ชายยังไม่มีงาน ทำไมพี่ชายไม่มาทำงานที่นี่ก่อนละ”จิวเสวี่ยเหม่ยเสนอขึ้น ขณะตักอาหารช้อนใหญ่เข้าปาก
“เอ่อ ผมไม่มีประสบการณ์ทำงานร้านอาหารเลย จะเป็นการบกวนเปล่าๆ”หนิงหานเป่ยทำสีหน้าลำบากใจ
“ไม่เป็นไรหรอก ทำงานร้านอาหารไม่มีอะไรยุ่งยากมากนักหรอก เธอทำงานเป็นพนักงานเสริฟก่อน ช่วงนี้ต้องปิดปรับปรุงร้าน เธอมาช่วยทำอะไรเล็กๆน้อยๆ พร้อมกับหางานไปด้วยก็ได้”แม่ฮั่นหวูเหยาพูดแนะนำ
“ไม่”หนิงหานเป่ยพูดขอบคุณอย่างตื้นตันใจ
“กินกันก่อน เดียวอาหารเย็นหมด”จิวโมไป๋พูดขึ้นด้วยรอยยิ้มกว้าง
“หืม…ทำไมพี่ชายดูอารมณ์ดีจังเลย”จิวเสวี่ยเหม่ยพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร”จิวโมไป๋กินอาหารอย่างมีความสุข