หลังจากรับประทานอาหารจนเสร็จ พ่อจิวโมเทียนออกไปจัดการเรื่องร้านอาหาร แม่ฮั่นหวูเหยาพาจิวเสวี่ยเหม่ยกลับบ้าน เหลือเพียงจิวโมไป๋และหนิงหานเป่ย สองคนอยู่ในห้องอาหาร
“ผมขอตัวกลับก่อน วันพรุ่งนี้ผมจะเริ่มทำงาน”หนิงหานเป่ยก้มหัวขอตัว ก่อนที่จะลุกออกจากที่นั่ง
“เดี๋ยวก่อน คุณจะไปที่ไหน”จิวโมไป๋ร้องถามขึ้น
“เอ่อ…”หนิงหานเป่ยชะงักครู่หนึ่ง เขาลืมไปว่าตัวเขาในตอนนี้เขาถูกไล่ออกจากบริษัทแล้ว จะกลับไปพักที่ห้องพักโรงแรมที่บริษัทจองไว้ให้ก็ไม่ได้แล้ว จะนั่งรถไปพักที่เมืองที่เขาอาศัยอยู่ เงินเขาก็ไม่พอ
หนิงหานเป่ยลูบหัวอย่างอึดอัด ก่อนพูดเสียงเบา
“ผมจะไปเอาของที่ห้องพัก แล้วจะหาห้องเช่าแถวๆนี้ก่อน…”ยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง เมื่อนึกขึ้นได้ ว่าตัวเองเหลือเงินไม่มากนัก จะหาที่พักในย่านคึกคักแบบนี้คงไม่ไหว
“ที่นี่มีห้องพักพนักงาน ที่ต้องเข้างานกะกลางคืน คุณสามารถพักที่นี่ก่อนได้ ในอนาคตเมื่อคุณมีเงินแล้ว ค่อยย้ายออกก็ได้”จิวโมไป๋เสนอขึ้นด้วยท่าทางจริงใจ
“ขอบคุณครับ”หนิงหานเป่ยก้มหัวขอบคุณเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าด้วยความดีใจ คนในครอบครัวนี้เป็นคนดีจริงๆ จ้างงานเขาโดยที่รู้ว่าเขาไม่เคยทำงานร้านอาหารมาก่อน ไม่พอยังให้ที่อยู่เขาด้วย
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงเราก็ต้องทำงานด้วยกันอีกนาน หลังจากนี้ผมขอฝากตัวด้วย อ่อ…ผมขอเรียกคุณว่าพี่หนิงได้ไหม จะได้สนิทกัน”จิวโมไป๋พูดอย่างเป็นกันเอง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
“เรียกผมว่า หนิงหานเป่ย จะดีกว่าครับ นายน้อย”หนิงหานเป่ยไม่กล้าให้จิวโมไป๋เรียกเขาอย่างสนิทสนม เพราะมันดูเหมือนจะเป็นการตีตนเสมอนายจ้างมากเกินไป เขาเคยทำงานกับบริษัทชั้นนำของประเทศมาก่อน เขารู้ดีว่าพวกคนรวยชอบแบ่งแยกระหว่างชนชั้น ไม่ให้คนอื่นมาตีตนเสมอพวกเขา ถ้าทำตัวสนิทเกินไปอนาคตเขาจะลำบาก
“พี่หนิง อย่าเรียกผมว่านายน้อยเลย เรียกผมว่าโมไป๋ ก็ได้”จิวโมไป๋พูดยืนกรานด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดปฏิเสธ
หนิงหานเป่ยได้แต่พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
“พวกเราไปกันเถอะ”อยู่ๆจิวโมไป๋ก็พูดขึ้นก่อนที่จะเดินผ่านหน้าหนิงหานเป่ย
“ไปไหนครับ?”หนิงหานเป่ยงุนงง
“ไปเอาของไง พี่หนิงไม่ได้พูดเมื้อกี้เหรอว่าจะไปเอาของที่ห้องพัก”จิวโมไป๋บอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมไปเอาเองได้”หนิงหานเป่ยส่ายหน้าปฎิเสท
“ไปเถอะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว”พูดจบจิวโมไป๋ก็เดิน ออกจากห้องอาหารไปอย่างรวดเร็ว
หนิงหานเป่ยได้แต่งุนงง ก่อนที่วิ่งตามไป เมื่อออกจากร้านอาหารครอบครัวจิว จิวโมไป๋ก็โบกรถยนต์ประจำทาง ก่อนที่จะให้หนิงหานเป่ย บอกที่ตั้งของห้องพัก
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงโรงแรมที่จิวโมไป๋คุ้นตา
นี่มันโรงแรมที่เขาบังเอิญช่วยชีวิตผู้นำตระกูลถังไม่ใช่เหรอ?
นิ่งคิดครู่หนึ่งจิวโมไป๋ก็เข้าใจ ว่าทำไมเขาถึงพบคนตระกูลถังที่นี่ ถ้ามีคนบอกว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นของตระกูลถังเขาจะไม่แปลกใจแม้แต่น้อย
หนิงหานเป่ยพาเขาเดินเข้าไปในโรงแรม ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปถามพนักงานหน้าเคาเตอร์ จิวโมไป๋ยืนห่างออกมาระยะหนึ่ง เพราะไม่อยากเสียมารยาทฟังคนอื่นพูดคุยกัน แต่เพราะประสาทหูที่ดีกว่าคนอื่นเพราะการบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ ทำให้เขาสามารถได้ยินที่ ทั้งสองคุยกัน
ใบหน้าของหนิงหานเป่ยแดงก่ำ มือของเขากำแน่นอย่างไม่รู้ตัว จิวโมไป๋ลอบฟังจับใจความได้ว่า สัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งหมดของหนิงหานเป่ย ถูกเอาไปทิ้งจนหมดตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้พวกมันทั้งหมดหายไปแล้ว
หนิงหานเป่ยเงียบไม่พูดอะไรเดินคอตกกลับมาหาจิวโมไป๋
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะครับ”หนิงหานเป่ยก้มหัวขอโทษเสียงเบา
“ไม่เป็นไร ก่อนถึงร้านอาหารค่อยแวะซื้อของก่อนก็ได้ เดียวผมให้คุณยืมเงิน มีเงินเมื่อไหร่ค่อยใช้คืนก้ได้”จิวโมไป๋พูดอย่างใจกว้าง พร้อมตบบ่าหนิงหานเป่ยเบาๆ เพื่อปลอบใจ
“ขอบคุณครับ”หนิงหานเป่ยก้มหัวขอบคุณอีกครั้งอย่างตื้นตันใจ ความรู้สึกซาบซึ้ง ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งๆที่เขาเป็นคนทำให้ ร้านอาหารของครอบครัวจิวถุูกทำลายเสียหายยับเยิน พวกเขาก็ไม่โกรธ แล้วยังจะมอบสิ่งดีๆให้กับเขาอีก เขารู้สึกว่าบุญคุณที่ครอบครัวจิว มอบให้แก่เขานั้นมากมาย จนเขาไม่อาจตอบแทนได้หมด
ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะพากันเดินกลับ ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากโรงแรม บังเอิญที่หญิงสาวและชายหนุ่ม ที่มีใบหน้าเหมือนกันราวฝาแฝด เดินเข้ามาพอดี
“คุณจิวโมไป๋ คุณมาพบพวกเราเหรอครับ”ถังเจิ้งเฟยพูดทักขึ้น ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มอันน่าประทับใจ
“เปล่า ผมแค่มาทำธุระที่นี่เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะมาพบพวกคุณเลย”จิวโมไป๋ส่ายหน้าปฏิเสธ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ถังเจิ้งเฟยชะงักครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นโดยที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนสี
“อ่อ…ยังไงคุณก็มาที่นี่แล้ว ผมขอเชิญคุณไปพบคุณปู่ สักครู่ได้ไหมครับ ท่านรอพบคุณหลายวันแล้ว”แม้มันจะเป็นเหมือนคำเชิญธรรมดา แต่ด้วยประสบการณ์ที่ยาวนาน เขาสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจจากอีกฝ่ายในชั่วพริบตา เขารับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาไม่อาจปฏิเสธได้อีก…
จิวโมไป๋พยักหน้าเล็กน้อยก่อนตอบ”ได้ เชิญคุณนำทางได้เลย”
ถังเจิ้งเฟยไม่มีท่าทีอะไร เขาก้มหัวเล็กน้อยก่อนเดินนำ เข้าไปในโรงแรม
“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อ 2 วันก่อน ปกติแล้วถังหมิงหยุน ไม่ได้มีอารมณ์ร้ายแบบนั้น”ถังซื่อเหยาเดินเข้ามาขนาบข้างก่อนกระซิบเสียงเบา
“ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ผมไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร”จิวโมไป๋ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนหันมาทางหนิงหานเป่ย
“พี่หนิง กลับไปที่ร้านอาหารก่อนเถอะ ผมมีธุระกับพวกเขา”พูดจบเขาก็ส่งเงินจำนวนหนึ่งให้กับอีกฝ่าย ก่อนที่จะเดินตามถังซื่อเหยาไป
หนิงหานเป่ยเกาหัวเล็กน้อย เขาจำได้ว่าสองคนนี่เป็นทายาทตระกูลถังไม่ใช่เหรอ?