จิวโมไป๋ขึ้นไปที่ชั้น 3 ของร้านอาหารครอบครัวจิว เขาพบพ่อจิวโมเทียนอยู่ในห้องอาหารเพียงคนเดียว บนโต๊ะอาหารมีอาหารเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“คนอื่นไปไหนหมดครับ”จิวโมไป๋เดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้วางตัวหนึ่ง
“แม่ของลูกพาคุณหยินและลูกของเธอ ไปอยู่ที่บ้านของเรา ตอนนี้คงกำลังไปซื้อของกันอยู่”จิวโมเทียนตอบด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ สายตากำลังดูแบบแปลนร้านอาหารบนหน้าจอโปร่งใสอยู่
“ไปอยู่ที่บ้านของเราเหรอครับ?”จิวโมไป๋แสดงอาการตกใจ ก่อนที่จะถามย้ำ
“แม่ของลูกและเสวี่ยเอ๋อร์ ถูกชะตากับคุณหยินลั่วปิงและลูกสาวของเธอมาก แม่ของลูกจึงพาไปพักรักษาตัวที่บ้านของเรา”จิวโมเทียนเงยหน้ามามองจิวโมไป๋เล็กน้อย ก่อนจะพูดตำหนิ”ห้องพักหลังร้านของเราคับแคบแบบนั้น ลูกให้เด็กสาวอายุแค่10ปีและผู้หญิงอ่อนแอที่เสียความทรงจำอยู่ได้ยังไง”
“อ่อครับ”จิวโมไป๋ตอบรับเสียงเบา ผู้หญิงอ่อนแอ… ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกสูง แม้ในตอนนี้ความทรงจำของเธอจะยังสับสนอยู่ก็เถอะ เขาเชื่อได้เลยว่าในเมืองเทียนซู มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะเธอได้ และถ้าเธอสามารถฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดได้…
จิวโมไป๋สั่งอาหารจานเล็กๆมากิน และพูดคุยกับพ่ออีกสักพัก ก็ขอตัวกลับหอพักมหาวิทยาลัย ระหว่างออกจากร้านเขาก็บังเอิญพบหนิงหายเป่ย ที่กำลังช่วยพนักงานร้านคนอื่นยกของจัดร้านใหม่อยู่ เขาก็พูดทักทายอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะออกมา เพื่อไม่รบกวนอีกฝ่ายในเวลาทำงาน
เมื่อเดินเข้ามหาวิทยาลัยท้องฟ้าก็มืดสนิท ระหว่างเดินตามทางไปหอพัก จิวโมไป๋ก็พบว่าบรรยากาศมหาวิทยาลัยในวันนี้แปลกไปจากเดิม เขาพบกลุ่มนักศึกษาจำนวนมากจับกลุ่มกันตามจุดต่างๆทั่วมหาวิทยาลัย
ปกติแล้วในเวลานี้ นักศึกษาจะกลับห้องหรือไปที่อาคารบ่มเพาะ เพื่อฝึกบ่มเพาะพลัง ทำให้เวลานี้แทบจะไร้ผู้คน
เดินไปจนเกือบถึงหอพัก ก็มีเสียงร้องทักมาจากทางด้านหลัง
“เฮ้น้องชาย ยังไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มไหนใช่ไหม สนใจเข้ากลุ่มจางหมิง ของพวกเราไหม”
จิวโมไป๋ชะงักเท้าลง ก่อนที่จะหันกลับไปด้านหลัง ก็เห็นชายร่างสูงคนหนึ่ง กำลังส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ด้านหลังของเขา มีนักศึกษาประมาณ 15 คนเดินตามมาเป็นขบวน
แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นใบหน้าของจิวโมไป๋ ชายหนุ่มก็เบ้ปากทันที
“บัดซบ! โชคร้ายชะมัดที่มาเจออัจฉริยะพิการที่นี่”ชายหนุ่มทำเป็นไม่สนใจจิวโมไป๋ เดินออกไปทันที ทิ้งจิวโมไป๋ที่กำลังยืนงุนงงไว้ด้านหลัง
“หัวหน้าทำไมไม่ชวนเขาเข้าร่วมกลุ่มของเราล่ะ ผมได้ข่าวมาว่า ตำหนักยุทธของอัจฉริยะฟื้นกลับมาแล้วนะ”ชายด้านหลังถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ฟื้นฟูตำหนักยุทธได้แล้ว ก็ไม่เห็นจะแตกต่างจากเดิม ยังไงขยะก็เป็นขยะอยู่วันยังค่ำ”ชายหนุ่มจงใจพูดเสียงดังให้ทุกคนได้ยินจนทั่ว น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความดูถูกอย่างชัดเจน ก่อนที่พวกเขาจะพากันเดินจากไป
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีคนจำนวนมาก ไม่ชอบจิวโมไป๋ เพราะเขาถือครองอันดับ 1 วิชาการ
แม้การจัดอันดับวิชาการ จะเป็นอันดับที่ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจมากนักก็ตาม แต่เมื่ออยู่อันดับ 1 ก็ต้องมีคนรู้จักและพูดถึงบ้าง แม้จะไม่อยากรู้ก็ตาม ทำให้ผู้คนส่วนมากเกิดความอิจฉา
ถ้าคนที่ได้รับอันดับ 1 เป็นคนที่มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี หรือมีระดับการบ่มเพาะที่สูงไม่ต่างกันมากนัก ก็ไม่เป็นไร
แต่จิวโมไป๋ มีดีแค่เรื่องวิชาการเท่านั้น ระดับการบ่มเพาะพลังก็ธรรมดาสามัญ พื้นหลังครอบครัวก็ไม่มีอะไรโดดเด่น ทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรโจ่งแจ้ง
เมื่อจิวโมไป๋ถูกทำลายตำหนักยุทธ คนที่อิจฉาจึงมีโอกาสได้พูดเยาะเย้ยดูถูก พูดจาทับถมจิวโมไป๋ได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องซ่อนความอิจฉาไว้อีกต่อไป
แต่ในตอนนี้ พอรู้ว่าจิวโมไป๋สามารถฟื้นฟูตำหนักยุทธได้แล้ว พวกเขาก็เกิดอาการไม่ยินยอมขึ้นมา เพราะพวกเขาพูดเอาไว้เยอะ ถอนคำพูดกลับก็ไม่ได้แล้ว เพราะมันทำให้พวกเขาเสียหน้า พวกเขาจึงต้องพูดหาเรื่องจิวโมไป๋ต่อไป…
“กลุ่มจางหมิง?”จิวโมไป๋ขมวดคิ้วสงสัย เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อกลุ่มนี้ ในมหาวิทยาลัยมาก่อน เขาเก็บความส่งสัยเอาไว้ แล้วเดินเข้าไปในหอพัก ตรงไปที่ห้องล็อคเกอร์เก็บของด้านหลังอาคาร เขาเดินไปที่ล๊อคเกอร์อันหนึ่ง แล้วกดกำไลข้อมือไม่กี่ครั้ง ล็อคเกอร์ตรงหน้าก็เปิดออก ภายในมีแก่นพฤกษา 8 ชิ้นและและขวดแก้วใส่โอสถไม่กี่ขวด
จิวโมไป๋โบกมือแผ่วเบา ก่อนที่ของทั้งหมดจะหายไป อยู่ในแหวนมิติเก็บของ เมื่อเสร็จแล้วเขาก็เดินขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเข้าไปในห้อง จิวโมไป๋ก็อาบน้ำทำธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อย ก็มานั่งบนเตียงนอน เปิดกำไลข้อมือดูฟอรั่มข่าวของมหาวิทยาลัย
เขาหาอ่านข่าวไม่นาน ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าทำไมถึงมีนักศึกษาเริ่มจับกลุ่มกัน
ในอดีตนักศึกษาที่มีฐานะอ่อนแอ แต่ต้องการทรัพยากรในการบ่มเพาะพลัง พวกเขาจะเข้าร่วมกับกลุ่มของ ตระกูลชั้นสูง หรือกลุ่มที่มีกำลังทรัพมากพอที่จะส่งเสริมลูกน้องของตนเอง
เหมือนกลุ่มเลือดมังกร ของเย่จื่อหยวน ที่เขาสามารถให้ทรัพยากรบ่มเพาะแก่คนในกลุ่ม ทำให้กลุ่มเลือดมังกร กลายเป็น 1 ใน 4 กลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเทียนซู
เมื่อสูตรโอสถของเขาทั้ง 12 ชนิด ได้เข้าสู่ตลาด มันทำให้นักศึกษาธรรมดา สามารถบ่มเพาะพลังได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องไปเป็นลูกน้องของคนอื่นอีก และมีคนที่อยากจะแสดงความแข็งแกร่งของตนเอง พวกเขาจึงร่วมมือกันสร้างกลุ่มของตัวเองขึ้นมา
ในยุคสมัยแห่งการบ่มเพาะ มีใครบ้างที่ไม่อยากแสดงความแข็งแกร่งของตัวเองให้คนอื่นได้เห็น?
ในอีกไม่นาน เมื่อโอสถถูกปล่อยสู่ตลาด จะมีกลุ่มอื่นๆเกิดขึ้นมาอีกมากมาย ในอนาคตจะมีสำนักยุทธ ที่ก่อตั้งจากผู่บ่มเพาะที่ไม่มีพื้นหลัง ก็ไม่แปลกอะไร
ช่วงเวลานี้มันเป็นโอกาสที่จะสร้างกลุ่มอำนาจขึ้นมาใหม่ เพราะไม่มีโอสถตัวไหนที่สามารถเทียบเคียงโอสถทั้ง 12 ชนิดได้ มันบ่งบอกถึงความเสมอภาค ในการบ่มเพาะพลัง ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบอีกต่อไป
คนชั้นล่างและกลางสามารถสร้างอำนาจของตัวเองขึ้นมา แม้จะไม่อาจเทียบเท่าชนชั้นสูงได้ในเวลาอันสั้น แต่มดจำนวนมากก็กัดช้างตายได้เช่นกัน
เป้าหมายของเขาก็จะสมบูรณ์ แม้จะไม่อาจทำให้สำนักดั้งเดิมสั่นคลอนได้ แต่ตระกูลชั้นสูงจะต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบที่รุนแรง ถ้าพวกเขาไม่รีบหาทางแก้ไข พวกเขาจะได้รับความเสียหายร้ายแรง
ตระกูลชั้นสูงสามารถสร้างอำนาจขึ้นมาได้ ก็เพราะว่าพวกเขามีกำลังซื้อทรัพยากรบ่มเพาะ สนับสนุนลูกน้องของตนเอง แต่ในเวลานี้ มีโอสถคุณภาพดี แต่ราคาถูก คนธรรมดาสามารถหาซื้อได้อย่าง่ายดาย
มันทำให้ตระกูลชั้นสูงไม่อาจใช้วิธีให้เศษโอสถคุณภาพต่ำ ในการดึงคนเข้าเป็นพวกได้อีก พวกเขาจะต้องใช้วิธีอื่น ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็จะไม่มีคนเข้าร่วมกับพวกเขา มันคงจะตลกมาก ถ้าตระกูลชั้นสูงไม่มีลูกน้องที่แข็งแกร่งติดตามเลยแม้แต่คนเดียว
อีกไม่นาน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ในเวลานั้นความวุ่นวายที่แท้จริงจะเริ่มขึ้น…
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อยขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง เขามองไปบนท้องฟ้าไกลแสนไกล ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วหันกลับมาอ่านข่าวสารอื่นๆ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ
ข่าวเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ในเวลานี้กลายเป็นเรื่องลี้ลับสยองขวัญไปแล้วจริงๆ ในฟอรั่มมีกลุ่มคนที่อยากเข้าไปล่าท้าผี แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะมีตำรวจประจำการอยู่ที่โรงงานร้าง พวกเขาปิดล้อมสถานที่เอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ให้ใครเข้าไปได้
…
โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในเมืองเทียนซู
ภายในห้องอาหารส่วนตัว ชั้นบนสุดของโรงแรม
“นายน้อยผมไปสืบมาแล้วครับ เมื่อ 3 วันก่อน จิวโมไป๋ ได้ไปงานเทคโนโลยีโลกอนาคต และได้มีปากเสียงกับ ถังหมิงหยุน นายน้อยตระกูลถัง เมื่อวานนี้แก๊งอันธพาลที่ไปทำลายร้านอาหารครอบครัวจิว ก็เป็นแก๊งที่นายน้อยตระกูลถังจ้างไปครับ”ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำพูดเสียงเบา เขาวางมือไว้ที่ด้านหลัง ศีรษะก้มลงเล็กน้อยขณะพูด ท่าทางของเขาสุภาพอ่อนน้อมอย่างมาก
“อ่อ”มีเสียงตอบกลับมาเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนเหลือบตามองไปที่โต๊ะอาหารติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ มีร่างของชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตร เขากำลังบรรจงรับประทานอาหารอย่างนุ่มนวล ทุกท่วงท่าในการขยับล้วนมีเสน่ห์น่าหลงไหล จนใครเห็นต้องเผลอตัวจ้องมองอย่างเคลิบเคลิ้มงมงาย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่มีการพูดอะไรขึ้นมาอีก จนกระทั้งชายหนุ่มรับประทานอาหารเสร็จ
“เลื่อนแผนเดิมออกไป และส่งคนจับตาดูให้ดี อย่าปล่อยให้เขาคลาดสายตา”ชายหนุ่มพูดอย่างช้าๆ ก่อนที่คิ้วคู่งามจะสั่นไหวเล็กน้อย
“สืบข้อมูลทั้งหมดของถังหมิงหยุนมาให้หมด และจับตาดูเขาเอาไว้”
“ครับนายน้อย”ชายวัยกลางคนก้มหัวรับคำ เขาไม่พูดขัดแม้เพียงครึ่งคำ เขาอยู่กับนายน้อยมานานทำให้เขารู้นิสัยของนายน้อยดี
ใครก็ตามที่ทำให้แผนอันสมบูรณ์แบบของนายน้อยเกิดความมัวหมอง คนๆนั้นจะต้องได้รับผลที่ตามมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีพื้นหลังที่ยิ่งใหญ่ก็ตาม…
—
สองวันนี้ยุ่งมากกก มีเวลาเขียนลงแค่ตอนเดียว
แต่…ทำไมมันยาว สามารถหันเป็น 1 ตอนครึ่งได้เลย ฮ่าๆ
ขอนอนพักก่อนนะครับ พรุ่งนี้จะลงเหมือนปกติ ขอบคุณที่ติดตามครับ^^