หุบเหวเซ่นสังเวยมีความกว้างกว่า 2 กิโลเมตร ทางตัดขวางมีระยะทางทอดยาวกว่า 10 กิโลเมตร ด้านใต้หุบเขาเต็มไปด้วยโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน พวกมันกำลังพยายามปีนป่ายขึ้นมาจากใต้หุบเหว เป็นภาพสยองขวัญอย่างแท้จริง เขาไม่รู้ว่าใต้หุบเหวแห่งนี้มีความลึกมากขนาดไหน เพราะมีโครงกระดูกจำนวนมากอัดแน่นจนไม่เห็นก้นหุบเหว
พวกมันเบียดเสียดตะเกียกตะกายเหยียบย้ำโครงกระดูกตัวอื่นเพื่อไต่ขึ้นมาอย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย เขานึกถึงหนังซอมบี้สุดฮิตในอดีต ที่มีฉากซอมบี้วิ่งเข้าใส่กำแพงสูงและเยียบซอมบี้ตัวหน้าเพื่อตะเกียกตะกายต่อตัวกันจนบีนขึ้นกำแพงได้สำเร็จ
จิวโมไป๋ถอนหายใจเมื่อนึกถึงจำนวนมนุษย์ที่ต้องมาสังเวยชีวิตอยู่ที่นี่ ไม่รวมโครงกระดูกกว่าแสนตัวที่เขาทำลายไปในระหว่างทาง โครงกระดูกใต้หุบเหวอย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยล้านร่าง จำนวนประชากรมนุษย์บนโลกปัจจุบันมี 4 หมื่นล้านคน ถ้านึกย้อนไปถึงเมื่อหลายพันปีก่อน โลกมีประชากรแค่ไม่กี่ร้อยล้านคน เท่านั้น
ศพจำนวนร้อยล้านร่างถือว่าเป็นจำนวนที่มากมายมหาศาล
จิวโมไป๋ไต่ขึ้นไปด้านบนจนถึงเพดาน อยู่สูงกว่าพื้นด้านล่างประมาณ 200 เมตร จากนั้นเขาก็เปิดมิติเก็บของ เรียกอุปกรณ์สำหรับปีนหน้าผาออกมา จากนั้นเขาก็ใช้ตะขอเหล็กแหลมเจาะเพดานด้านบน เพื่อทำการยึดส่วนนี้เป็นหลักในการทำจุดปลอดภัย จากนั้นเขาก็เจาะเพดานอีก 3 จุด เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านเท่า
เขาใช้เวลาไปกว่า 1 ชั่วโมง ถึงจะสร้างหลักยึดทั้งหมดสำเร็จ เหตุผลที่ช้าเพราะเขาต้องคอยระวังไม่ให้ออกแรงมากเกินไปจนพลาดตกลงไปด้านล่าง
ไม่ต้องพูดถึงโครงกระดูกนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่าง แค่ความสูงกว่า 200 เมตร ถ้าเขาพลาดตกลงไปร่างกายของเขาต้องแหลกเละอย่างแน่นอน
เมื่อทำหลักยึดทั้ง 4 จุดเสร็จแล้ว จิวโมไป๋ก็เรียกเชือกยาวและผ้าใบยืดหยุ่นผืนหนาออกมา เขานำเชือกไปผูกกับหลักยึดทั้งสี่มุมด้วยวิธีมัดเชือกพิเศษจนแน่น จากนั้นก็นำผ้าผืนหนาผูกกับหลักทั้ง 4 มุม เมื่อเสร็จ ตรงนี้ก็กลายเป็นจุดพักของเขา
จิวโมไป๋นอนพักบนจุดพักที่อยู่สูงกว่าพื้น 200 เมตร เสี่ยวไป๋เดินวนไปมาด้วยท่าทางใคร่รู้ แต่น่าแปลกที่มันไม่มองไปทางที่เปลวไฟนิรันดร์อยู่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
พักไปเกือบหนึ่งชั่วโมง จิวโมไป๋ก็ปีนออกจากจุดพักและทำการสร้างหลักยึดรอบๆจุดพักเพื่อสร้างความแข็งแรงเพื่อถ่วงน้ำหนัก ทำให้ปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเขาทำการข้ามหุบเหว เขาทำหลักยึดเพิ่มอีก 12 จุด และทำการผูกเชือกเชื่อมต่อกันอย่างแน่นหนา ครั้งนี้เขาทำเร็วกว่าเมื่อครั้งแรกหลายเท่า เพราะครั้งนี้เขาผูกเชือกกับชุดอุปกรณ์ปีนเขา ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ตกลงไป
เมื่อเสร็จเขาก็กลับขึ้นไปพัก จากนั้นก็เรียกอาหารออกมากิน เสี่ยวไป๋ร้องคำรามไม่พอใจ ที่เขาเรียกอาหารที่ทำค้างไว้ออกมา
“กินๆไปก่อนเจ้าเหมียว เสร็จเรื่องนี้แล้วฉันจะทำให้แกกินจนอิ่มเลย”จิวโมไป๋ลูบหัวเล็กๆอย่างเอ็นดูปนมันเขี้ยว
เสี่ยวไป๋โยกหัวหลบไปมา ไม่ยอมให้เขาแตะ แต่เพราะมีพื้นที่น้อย เมื่อวางอาหารยิ่งทำให้ไม่มีพื้นที่ให้มันหลบ สุดท้ายมันก็ถูกจิวโมไป๋ลูบหัวเล่นจนพอใจ
เมื่อกินอาหารเสร็จจิวโมไป๋ก็นั่งสมาธิบ่มเพาะจิตวิญญาณ เสี่ยวไป๋หาวตาปรือก่อนที่จะวางหัวบนตักจิวโมไป๋และหลับไป
ในตอนนี้ทะเลจิตวิญญาณของเขามีเศษแสงสีเงินสว่างตัดกับสีทองแดง สีทองแดงดูจะอ่อนลงไปอย่างช้าๆแทบจะเป็นสีเงินทั้งหมด เพราะการต่อสู้ติดต่อกันหลายวัน จิตสัมผัสของเขาขยายไปเกือบ 38 เมตร ใกล้จะทะลวงผ่านไปอีกขั้น
ทะเลปราณทั้งสองแห่งในตอนนี้ มาถึงขีดจำกัดของขั้นผิวหนังปลาย ใกล้จะทะลวงผ่านเช่นกัน แต่จิวโมไป๋พยายามข่มมันไว้ ไม่ปล่อยให้ทะลวงผ่าน ไม่อย่างนั้นเขาก็เลื่อนขั้นไปได้หลายวันแล้ว
เพราะเขายังอยากจะทดลองอะไรบางอย่างก่อนที่จะทะลวงเลื่อนขั้น
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนเช้าวันใหม่ จิวโมไป๋ลืมตาขึ้น จิตสัมผัสของเขาขยายไปถึง 39 เมตร ถึงขีดจำกัดของระดับปรมาจารย์ทองแดงเงิน สามารถทะลวงผ่านไปอีกขั้นได้แล้ว
จิวโมไป๋สูดลมหายใจช้าๆ ก่อนที่จะเรียกอาหารออกมาและลงมือกินกับเสี่ยวไป๋จนหมด
“เจ้าเหมียวแกอยู่ที่นี่ไม่ต้องตามฉันไป อาหารของแกฉันวางเอาไว้ให้แล้วอย่ากินหมดในมือเดียวล่ะ ไม่อย่างนั้นแกต้องอดตายแน่”จิวโมไป๋หันมาสั่งเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋ร้องรับคำทันทีจนน่าแปลกใจ ที่มันไม่ร้องขอให้เขาพาไปด้วยเหมือนอย่างเคย เมื่อเขาบอกให้มันไม่ต้องตามไปเสี่ยวไป๋ก็ดูจะว่าง่าย พยักหน้าหงิกๆรับปากอย่างแข็งขัน…
จิวโมไป๋ตรวจสอบหลักยึดทั้งหมดและเชือกอย่างละเอียด เพราะเขาพลาดไม่ได้ ถ้าพลาดหมายถึงชีวิตของเขา เมื่อตรวจจนแน่ใจแล้ว เขาก็เริ่มไต่เพดานที่ขนานกับพื้นไปอย่างช้าๆ เขาใช้กำลังข้อมือทั้งหมดยึดจับเพดาน โชคดีที่เพดานไม่ได้เรียบเสมอกัน ทำให้เขาสามารถเกาะส่วนที่ยื่นออกมาและไต่ไปได้เรื่อยๆ เมื่อเขาไต่ไปได้ 100 เมตร เขาก็หยุดและใช้ตะขอเหล็ก เจาะเพดานและผูกเชือกทำให้มันรับน้ำหนักของเขาได้ จากนั้นเขาก็เจาะอีก 3 มุม และผูกพวกมันทั้งหมดจนแน่นหนา จากนั้นเขาก็นำผ้าใบยืดหยุ่นผืนหนาออกมาทำจุดพัก แต่ส่วนนี้เขาไม่ทำหลักยึดเพิ่มอีก
เมื่อหายเหนื่อย เขาก็ทำแบบเดิม ค่อยๆปีนไปเรื่อยๆ เมื่อถึง 100 เมตร ก็สร้างจุดพักเพิ่มทุกๆจุด เขาคำนวนแล้วว่า ต้องทำจุดพักทั้งหมด 24 จุดพักรวมจุดพักแรก เพื่อไปถึงเพลิงนิรันดร์
เวลาผ่านไป 1 วัน จิวโมไป๋ก็ไปถึงจุดที่ 16 ด้านล่างของเขาคือหุบเหวเซ่นสังเวยที่มีโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน กำลังขยับเบียดเสียดไปมาราวกับภาพวาดของนรก ในตอนนี้เขามีเวลาจ้องมองมันอย่างจริงจัง เขาก็พบอะไรบางอย่าง
โครงกระดูกที่พยายามปีนออกจากหุบเหว ส่วนมากจะเป็นโครงกระดูกสีขาวเหลือง ตามด้วยโครงกระดูกสีเทา ดำ ตามลำดับ และมีโครงกระดูกที่หายาก ที่เขาบังเอิญพบมัน มันเป็นโครงกระดูกสีม่วง พวกมันแปลกกว่าโครงกระดูกร่างอื่นๆ เพราะพวกมันจะอยู่นิ่งไม่ขยับเคลื่อนไหว แต่เพราะการที่ของโครงกระดูกร่างอื่นๆ ทำให้ร่างของโครงกระดูกม่วงไหลไปมาตามการขยับ ราวกับขอนไม้กลางคลื่นทะเล
เขาสังเกตที่ดวงตากรวงโบ๋ของโครงกระดูกสีม่วงจะไม่มีเปลวไฟสีเขียว แสดงว่าพวกมันไม่มีสัญญาณของชีวิต ซึ่งมันแปลกจากที่เขาเคยได้ยินมา ตามข่าวลือโครงกระดูกสีม่วงจะมีระดับพลังอยู่ที่ขั้นที่ 8 ชีพจร เป็นอย่างน้อย มันเป็นโครงกระดูกที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว ผู้บ่มเพาะพลังจำนวนมากเสียชีวิตก็เพราะพวกมัน
แต่ตอนนี้เขาเห็นร่างของพวกมันนิ่งสงบไร้ร่องรอยการเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ
พักผ่อนอีก 1 คืน จิวโมไป๋ก็เริ่มไต่เพดานปีนต่อไป จนเกือบถึงจุดพักที่ 20
เพลิงนิรันดร์พลันลุกพรึบอย่างไม่ทราบสาเหตุ คลื่นพลังงานบางอย่างแผ่ขยายออกมาและเผาไหม้พลังชีวิตของจิวโมไป๋อย่างรวดเร็ว จนดวงตาของเขาพร่ามัวไปวูบหนึ่ง มันทำให้เขาเผลอปล่อยมือออกจากเพดานที่เขากำลังยืดตัวอยู่ ทำให้เขาหลุดล่วงลงไปด้านล่างทันที
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นตาย จิวโมไป๋รีบตั้งสติกดปุ่มล๊อคเชือกอย่างรวดเร็ว
กึก! เซฟตี้ล๊อคเชือกทำงานทันที ร่างของจิวโมไป๋ถูกแรงเหวี่ยงไปมา ก่อนที่จะสงบลง ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เหนือหุบเหวเซ่นสังเวย 120 เมตร
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งใจ
แต่ในตอนนั้นเอง
แกล๊กๆๆๆๆ
เสียงเสียดสีของกระดูกดังขึ้นอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะดังขึ้นเรื่ีอยๆติดๆกันจนดังสนั่น จิวโมไป๋เผลอตัวมองลงไปด้านล่างเขาก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี เพราะโครงกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน อยู่ๆก็พุ่งเข้ามาทางที่เขาอยู่อย่างกับน้ำป่าไหลหลาก แต่เพราะเขาอยู่กลางอากาศทำให้พวกมันไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้
แต่ในขณะที่เขากำลังจะโล่งใจ พวกมันก็เหยียบตัวต่อกันขึ้นมาอย่างรวดเร็วกลายเป็นภูเขาโครงกระดูก และมันก็สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จิวโมไป๋รีบไต่เชือกขึ้นไปให้เร็วที่สุด ตอนนี้เขาถูกแขวนบนอากาศเขาไม่สามารถตอบโต้พวกมันได้แน่ แต่ดูเหมือนเขาจะช้าไป ระยะทางระหว่างของเขาและภูเขาโครงกระดูกลดลงเรื่อยๆจนอีกไม่นานก็จะถึงตัวเขาแล้ว
จิวโมไป๋กัดฟันแน่นหยุดไต่เชือกและเรียก แก่นพฤกษา ออกมาในตอนนั้นเอง คลื่นพลังที่มองไม่เห็นบนแก่นพฤกษาพลันลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีเขียวเข้ม จิวโมไป๋ข่มความเสียดายก่อนที่จะโยนแก่นพฤกษาลงไปอีกทางด้านหนึ่งอย่างแรง
ทันทีที่โครงกระดูกทั้งหลายเห็นแห่งพลังชีวิตใหม่พวกมันก็แตกกระจาย พุ่งเข้าไปหาแก่นพฤกษาอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาภูเขาโครงกระดูกก็พังทะลายลงทันที
ทำให้จิวโมไป๋โล่งใจ เขาไม่เสียเวลาอีกเขาพยายามปีนเชือกขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนเขาปีนถึงจุดพักเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งใจ
คลืนนน!!! เสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างพลันดังขึ้น จิวโมไป๋ก้มมองลงไปด้านล่าง เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น เพราะมีโครงกระดูกสีม่วงตัวหนึ่งอยู่ๆก็ได้รับแก่นพฤกษา ดวงตากรวงโบ๋ของมันพลันลุกไหมด้วยเปลวไฟสีเขียวเข้ม ร่างของมันแผ่กระจายรังสีพลังกดดันออกมาโดยรอบ ทำให้โครงกระดูกรอบข้างสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว พวกมันแหวกทางออกราวผึ่งแตกรัง ทำให้โครงกระดูกสีม่วงร่างนั้นตกลงไปเบื้องล่างที่มืดมิดจนเขาไม่สามารถมองเห็นร่างของมันได้อีก…
—
ตอนนี้มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อ ขออภัยด้วยครับ ฮ่าๆ
ขอบคุณที่ติดตามครับ^^