ในช่วง 10 ปีแรกของยุคใหม่ แม้คนของทวีปตะวันตกจะเริ่มสร้างความแข็งแกร่ง จนนำคนของทวีปตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็ยังไม่ลงมือโจมตีทวีปตะวันออก เพราะเมื่อปลุกสายเลือดขึ้นมา พวกเขาก็ต้องพบปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
นั้นก็คือความแตกต่างทางความเชื้อของเทพต่างๆที่เป็นอริกัน รวมถึงศัตรูตามธรรมชาติของสายเลือดต่างๆ ที่ไม่อาจประนีประนอมได้
ทำให้เกิดการต่อสู้ภายในทวีปตะวันตก ต่างฝ่ายต่างสร้างฐานอำนาจของตนขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสายเลือดตนเอง
ทวีปตะวันออกจึงไม่ประสบปัญหาการถูกรุกราน จนกระทั้งปีที่ 10 เกิดเหตุการณ์พลังธรรมชาติพุ่งทะยานอย่างเฉียบพลัน ประตูมิติของมิติอื่นๆเชื่อมต่อกับโลก
สัตว์กลายพันธ์ สัตว์อสูร ภูต ผี ปีศาจ รวมทั้งมนุษย์ของมิติระดับล่าง มิติอื่น ต่างก็บุกรุกเข้ามาแสวงหาโชค
ทำให้โลกเกิดหายนะไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ประชากรของโลกลดไป 2 ใน 5 ส่วน ไม่รวมถึงสถานที่สำคัญกลายเป็นซากประลักหักพัง
ในช่วงเวลานั้น เพราะเหตุการณ์สังหารหมู่นักวิจัย ทำให้นายยกรัฐมนตรีที่สูญเสียลูกสาวบ้าคลั่ง ออกคำสั่งสังหารเนี่ยฟูหานและคนบริสุทธิ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางตรงก็ทางอ้อมกับเหตุการณ์สังหารหมู่นักวิจัย
มันทำให้ประเทศมังกรเกิดความไม่มั่นคง จนเกิดการแย่งชิงตำแหน่งภายในหน่วยงานรัฐบาลกลาง มีการต่อสู้กันอย่างลับๆจนถึงขั้นมีบุคคลสำคัญเสียชีวิต ในเวลานั้นประเทศมังกรเหมือนภูเขาไฟที่รอวันประทุ
และเหมือนโชคร้ายถาโถม เมื่อประตูมิติถูกเชื่อมต่อ
หน่วยงานต่างๆของประเทศมังกร ต่างก็คอยขัดแข้งขัดขากัน ไม่ยอมให้พรรคของคนเสียประโยชน์ กว่าจะตั้งตัวได้ก็สายไปแล้ว แต่ถึงจะพูดว่าตั้งตัวได้ ก็มีการต่อสู้ภายในกันไม่หยุด ทำให้ความเสียหายบานปลายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้ประเทศมังกร กลายเป็น 1 ในประเทศที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดจากเหตุการณ์นี้
จากประเทศอันดับ 1 กลายเป็นประเทศอันดับ 2 ต้องก้มหน้าไม่กล้าต่อสู้กับใครเพราะความอับอาย และยิ่งแย่ขึ้นไปอีก เมื่อทวีปตะวันตก เริ่มส่งคนเข้ามาก่อกวนในทวีปตะวันออก และประเทศใกล้เคียงที่เห็นโอกาส ก็ส่งคนเข้ามากลืนกินเขตแดนประเทศไปเรื่อยๆ
ทำให้ประเทศมังกรยิ่งเสียหายหนักขึ้น อันดับประเทศลดลงกลายเป็นประเทศระดับ 3 ใกล้จะล้มสลายลงได้ทุกเมื่อ
จนกระทั้ง จี้หยางเฟย ที่ในตอนนั้นมีตำแหน่งในระดับที่สูงมากในองค์กรลับ เขามีอำนาจเด็ดขาดในการสั่งการหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล รวมถึงกองทัพ และพลังการต่อสู้ของเขาเหนือล้ำกว่าคนทั่วไป
เขาได้ออกมาต่อต้านกองทัพของประเทศฝ่ายตรงข้าม จนกองทัพประเทศฝ่ายตรงข้ามพังพินาศย่อยยับถอยร่นกลับไปประเทศตัวเอง
จากนั้นจี้หยางเฟยก็เอาอาณาเขตของประเทศกลับคืนมาได้สำเร็จ และบุกเข้าไปยึดดินแดนของประเทศอื่นจนประเทศขยายมากขึ้นกว่าเดิม 50 %
จากนั้นจี้หยางเฟยก็ไปที่ทวีปตะวันตก เขาใช้หนึ่งกระบี่ต่อสู้กับสายเลือดแห่งพระเจ้า ที่เข้ามาพร้อมกันหนึ่งร้อยคน และเขาก็ได้รับชัยชนะ เขากลายเป็นตำนานที่ไม่มีใครกล้าต่อต้าน
ทำให้ประเทศมังกรกลับมาสงบสุขอีกครั้ง แต่ก็ไม่นานนัก เพราะจี้หยางเฟยต้องกลับไปที่มิติอื่นไม่อาจอยู่ที่โลกได้ตลอดเวลา
ทำให้มีการก่อกวนเล็กๆน้อยๆจนไปถึงใหญ่เป็นบางครั้ง
จนกระทั้ง เนี่อฟูหาน ได้กลับมาประเทศมังกร เขาล้างแค้นให้กับตระกูลของตัวเอง องค์กรมีดโลหิตของเขากลายเป็น องค์กรนักฆ่าอันดับ 1 ของโลก
เขาได้ประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า ห้ามใครก่อปัญหาให้กับประเทศมังกร คนที่สร้างปัญหามีแต่ความตายเท่านั้นที่รออยู่
ทำให้มีใครกล้าเข้ามาก่อกวนประเทศมังกรอีกเลย เพราะเนี่ยฟูหาน ได้กระจายกองกำลังของตัวเองทั่วประเทศมังกร เพื่อคอยสอดส่องปกป้องประเทศ ส่วนตัวเขาก็รับงานสังหารคนของทวีปตะวันตกจำนวนนับไม่ถ้วน
ชื่อของเนี่ยฟูหานเป็นเหมือนภัยพิบัติของทวีปตะวันตก แค่ได้ยินชื่อก็ต้องหวาดกลัวตัวสั่นไปถึงขั้วหัวใจ
จี้หยางเฟย และ เนี่ยฟูหาน พวกเขากลายเป็นตำนานที่ยังมีชีวิตของประเทศมังกร
ก่อนที่จิวโมไป๋จะตาย ประเทศมังกรรุ่งเรื่องถึงขีดสุดได้เพราะ ทั้ง 2 คนก็ว่าได้
ในระหว่างที่กำลังลำลึกความหลังอยู่นั้นเอง ท้องฟ้าที่สดใสพลัน เปลี่ยนเป็นมืดทึบอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่วินาที
ความมืดปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด จนเหมือนเวลาหัวค่ำ ใบหน้าของจิวโมไป๋พลันเปลี่ยนไป เขาเดินออกมาหน้าร้านอาหาร นอกจากเขาแล้ว ยังมีนักผจญภัยจำนวนมากเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ถูกบดบังด้วยก้อนเมฆสีดำทะมึนอย่างตกใจ
เปรี้ยงงงง!!!
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ๆก็มีสายฟ้าผ่าลงมาเหนือเหมืองแร่ประกายแรงอย่างรุนแรงจนแผ่นดินที่พวกเขายืนอยู่สั่นไหว
แสงฟ้าผ่าสว่างจ้าจนคนที่มองต้องหลับตาด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ากกก เกิดอะไรขึ้น”ผู้บ่มเพาะที่อ่อนแอกลิ้งล้มลงกับพื้นจนบาดเจ็บไปตามๆกัน
แต่ก่อนที่จะได้ลุกขึ้นพายุฝนก็ถาโถมลงมาห่าใหญ่ ราวกับภัยพิบัติธรรมชาติ ผู้คนต่างกรีดร้องเสียงดัง เพราะเม็ดฝนที่ตกลงมามันใหญ่และหนักกว่าปกติ คนธรรมหรือผู้บ่มเพาะพลังที่อ่อนแอ รู้สึกเหมือนโดนลูกบอลอัด ถ้าลูกเดียวมันจะไม่เจ็บมากนัก แต่นี้มันเป็นการอัดที่ถี่ยิบ จนพวกเขาต้องกรีดร้องออกมา
เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงงงง !!!
สายฟ้าอีกสามสายผ่าลงมาในจุดไม่ห่างจากสายผ่าแรกมากนัก ทำให้พื้นดินสั่นไหวจนผู้คนล้มระเนระนาด
จิวโมไป๋ฝืนยืนอย่างมันคง เขาหลับตาหลบแสงเจิดจ้าแต่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ เขาก็พบว่าตรงจุดที่เหนือปากทางเข้าเหมืองแร่ประกายแสงถูกทำลายเป็นชิ้นกลายเป็นหลุมทางเข้าใหม่
ตอนนั้นเอง ก็มีลำแสงสีเหลืองนวลสายเล็กๆ พุ่งออกจากช่องทางที่สายฟ้าผ่า ทะยานขึ้นสู้ท้องฟ้าหลายสิบเมตร
“นั้นมัน! หรือว่าจะเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ!”นักผจญภัยที่มีความรู้ ร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
นักผจญภัยคนอื่นที่ลืมตาได้แล้วมองเสาแสงสีเหลืองด้วยแววตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความโลภ
จิวโมไป๋ถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด
“มันไม่ใช้เหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูง มันเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติระดับสูงสุด!!!”
สมองของเขาคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจ ค่อยๆถอยหลบไปยังที่ไม่มีคน ก่อนจะเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมสีดำตัวโปรดพร้อมกับใส่หน้ากากสีน้ำตาลเข้ม
เหตุการณ์เมื่อครู่ไม่มีประกาศให้ประชาชนได้รู้ และจากที่เขาเห็นมีนักผจญภัยหลายร้อนคน เห็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติระดับสูงสุด ไม่มีทางที่จะรัฐบาลจะปิดบังความจริงได้เลย
‘หรือว่าการออกคำสั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์จะเป็น… ถ้าอย่างนั้นคนของรัฐบาลจะต้องได้รับสมบัติล้ำค่า คนของทวีปตะวันตกล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้… แต่ถ้าคนของรัฐบาลได้สมบัติล้ำค่าไปจริงๆ ทำไมนักวิจัยถึงถูกสังหารจนหมด หรือจะเป็นการสังหารพยาน? แต่ทำไมลูกสาวนายยกรัฐมนตรีถึงถูกฆ่าด้วย’จิวโมไป๋ขบคิดจนหัวสมองแทบแตกก็ไม่เข้าใจ
“ข่าวที่ออกอากาศให้ประชาชนรู้เป็นข่าวปลอมทั้งหมด? หรือเป็นข่าวจริงแค่ถูกต้องแค่ส่วนเดียว?”
เมื่อคิดว่าถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มจะเห็นอะไรบางอย่างได้รางๆ
มองผ่านพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างนักจนเห็นทางข้างหน้าแค่ระยะ 20 เมตร จิวโมไป๋ก็รู้แล้วว่าทำไมกล้องดาวเทียมไม่สามารถจับภาพได้ และ ทำไมไม่มีหลักฐานเหลือทิ้งไว้ให้ตามสืบได้เลย
—
ตอนนี้แค่อยากเขียนอธิบายความแตกต่างและปัญหาของทั้งสองทวีป แต่พอเขียนไปเขียนมามันยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยตัดเป็น 2 ตอน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ^^