“องค์กรโลหิตนิรันดร์”ใบหน้าของจิวโมไป๋พลันเคร่งเครียด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สายฝนตกกระทบแผ่นดินเสียงดังเปาะแปะไม่หยุด จิงโมไป๋สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา
องค์กรโลหิตนิรันดร์ เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก
98% ของคนในองค์กรเป็นคนของทวีปตระวันตก และกว่า 90% พวกเขาเป็นผู้ปลุกสายเลือดที่มีพลังธรรมชาติเป็นธาตุความมืด
ในทวีปตะวันตกนอกจากการต่อสู้ระหว่างความเชื่อแล้ว ก็มีสงครามระหว่างพลังธรรมชาติของสายเลือด
โดยเฉพาะพลังธรรมชาติธาตุแสงสว่างและธาตุความมืด ที่เป็นพลังอริขั้วตรงข้ามกัน ทำให้ทั้งสองฝ่ายมองว่าฝ่ายตรงข้ามคือศัตรูที่ไม่อาจอยู่รวมกันได้
ในการตื่นขึ้นของสายเลือดจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากเลือดแห่งเทพ ปีศาจหรือมารตามตำนานต่างๆแล้ว ยังมีสายเลือดที่ถูกลืมหรือไม่เป็นที่รู้จักอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดสมาคมหรือองค์กรต่างๆที่รวบรวมคนที่เหมือนกับตนเองมาอยู่ด้วยกัน
องค์กรโลหิตนิรันดร์ เป็นองค์กรที่รวบรวมผู้ที่ตื่นขึ้นของสายเลือดที่มีธาตุพลังความมืดเป็นหลัก คนในองค์กรจะรับงานที่ไม่อาจเปิดเผยได้ หรืองานชั่วร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานลอบสังหาร งานปล้นชิงสมบัติล้ำค่า ลอบค้าขายของผิดกฎหมาย ค้าทาสมนุษย์ หรือก่อกวนสร้างความวุ่นวายในประเทศต่างๆ
ทำให้องค์กรโลหิตนิรันดร์ เป็นองค์กรชั่วร้ายอันดับ 1 ของโลก
วิหารโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เป็นองค์กรที่รวบรวมผู้ที่มีพลังแห่งแสงสว่างเป็นหลัก และผู้ที่ยอมสาบานตนเป็นข้ารับใช้ในวิหาร การทำงานของวิหารโลหิตศักดิ์สิทธิ์ถือว่าเป็นความลับไม่ให้คนนอกรับรู้
นอกจากการต่อสู้กับองค์กรโลหิตนิรันดร์ที่เป็นศัตรูพลังขั้วตรงข้าม คนของวิหารโลหิตศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่เคลื่อนไหวหรือทำอะไรอื่นอีก
วิหารโลหิตศักดิ์สิทธิ์ ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 7 ของกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทั้งๆที่คนในองค์กรแข็งแกร่งพอๆกับองค์กรโลหิตนิรันดร์ เพราะว่าพวกเขาไม่แสดงความแข็งแกร่งออกมามากนัก ทุกๆอย่างในกองกำลังจะถูกเก็บเป็นความลับที่สุด
จิวโมไป๋ค่อยๆทบทวนความทรงจำอย่างช้าๆ เขาก็ค้นพบความน่าจะเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเนี่ยฟูหานถึงสร้าง องค์กรนักฆ่ามีดโลหิตขึ้นมา ชื่อองค์กรก็บ่งบอกทุกอย่าง
คงเพราะต้องการแก้แค้น…
เขาจำได้ว่าองค์กรมีดโลหิตจะรับงานลอบสังหารคนของทวีปตะวันตกและส่วนมากเป็นคนขององค์กรโลหิตนิรันดร์
กองกำลังอื่นๆที่เห็นว่ามีคนแบ่งภาระตัดกำลังคู่แข่งที่แข็งแกร่ง ก็ปล่อยให้เนี่ยฟูหานสร้างกองกำลังของตนเองอย่างสะดวก โดยที่พวกเขาคอยซุ้มรอให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่ายก่อนจะลงมือภายหลัง
มันทำให้เนี่ยฟูหาน สามารถสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีใครขัดขวาง
จนกระทั้งเนี่ยฟูหานทำลายองค์กรโลหิตนิรันดร์ได้สำเร็จ เขาถึงถูกกองกำลังอื่นเข้าโจมตีแต่เพราะความแข็งแกร่งส่วนตัวและคนในองค์กรที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่ากัน ทำให้เนี่ยฟูหานสามารถต่อต้านกองกำลังอื่นได้ และกลับมาประเทศมังกรและสร้างเหตุการณ์ที่ทำให้โลกหวาดกลัว และกลายเป็นองกรค์นักฆ่าอันดับหนึ่ง
“เขารู้ได้ยังไงว่าองค์กรโลหิตนิรันดร์ เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่นักวิจัย”เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้จิวโมไป๋ก็สงสัยว่าเนี่ยฟูหานรู้ได้ยังไง
เขาจำได้ว่าในเหตุการณ์นี้ รัฐบาลได้ส่งคนหลายพันคนเข้ามาตรวจสอบแทบพลิกแผ่นดิน ก็สืบหาหลักฐานอะไรไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว ถึงมีหลักฐานอะไรบางอย่างออกมา มันก็คงถูกลอบทำลายจนหมด
แต่ยังไงก็ตามหลังเหตุการณ์นี้ เนี่ยฟูหานต้องหนีออกนอกประเทศทันที เขาไม่น่าจะมีโอกาสตรวจสอบอะไรได้เลย…
จิวโมไป๋ตรวจสอบศพคนทวีปตะวันตกอย่างถี่ถ้วนแต่รวดเร็วเพราะต้องแข่งกับเวลา เมื่อไม่พบอะไรเพิ่มอีก เขาก็ถอดเสื้อผ้าของศพและหนังเทียมออกจนหมด เห็นผิวกายที่ขาวกว่าคนทวีปตะวันออก
จากนั้นเขาก็ถอดกำไรข้อมือของอีกฝ่ายออกมาถือไว้ และโยนศพไปที่โล่ง ที่คนสามารถเห็นศพได้ชัดเจน
จากที่เขาได้ลอบฟังการติดต่อของอีกฝ่าย ‘งู’ ที่เป็นสายสืบที่อยู่ในกลุ่มนักวิจัย ต้องมีตำแหน่งในรัฐบาลที่สูงมาก เพราะถ้าคนๆนั้นไม่มีตำแหน่งที่สูงจริงๆ เขาก็ไม่อาจถือสมบัติล้ำค่าออกมาได้
เพราะเหตุนั้น จิวโมไป๋จึงไม่สามารถเสี่ยงแบกศพของคนทวีปตะวันตก ไปบอกให้คนของรัฐบาลว่าในกลุ่มของพวกเขามีคนทรยศ เพราะแทนที่จะมีคนเชื่อ เขาจะถูกฆ่าตายอย่างโง่งมแทน
เมื่อแผนที่คิดไว้ไม่สามารถใช้ได้ เขาก็ต้องเปลี่ยนแผน
เขาพลิกศพให้นอนคว่ำ จากนั้นก็หยิบมีดผนึกโลหิตออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นก็ใช้มีดบาดแผนหลังของศพอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นตัวอักษรไม่กี่ตัว
‘คนที่ถือ‘ของ’เป็นคนทรยศ’
จิวโมไป๋ลุกขึ้นยืนมองสายฝนที่ตกกระทบแผ่นหลังเปลือยเปล่าชำระล้างดินโคลนสกปกออกจนหมด ทำให้ตัวอักษรปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
ถึงจะไม่สามารถทำให้เกิดผลอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถจุดประกายความสงสัยขึ้นได้
จากนั้นจิวโมไป๋ก็ก้มหน้ากดไปบนกำไลข้อมือของคนทวีปตะวันตก กดเพียงไม่กี่ครั้งก็เกิดเสียงเล็กๆดังขึ้น จากนั้นเขาก็กดไปบนกำไลข้อมือของตัวเอง เมื่อหน้าจอโปร่งใสปรากฏ เขาก็กดไปที่หน้าจอไม่กี่ครั่งก็มีหลอดเชื่อมต่อขึ้นบนหน้าจอ ตัวเลขจาก 0%เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึง 100% เพียงไม่กี่วินาที
เมื่อเชื่อมต่อสำเร็จ จิวโมไป๋ก็กดลงไปในหน้าจอโปร่งใสถี่ยิบ เพียงไม่นานภาพบนหน้าจอก็ปรากฏ เป็นแผนที่ขนาดใหญ่และมีจุดสองจุดห่างกัน 5 กิโลเมตร
“อยู่ระหว่างทางกลับหมู่บ้านใบไม้ร่วงจริง”จิวโมไป๋มองภาพบนหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงไปใส่กำไลข้อมือให้ศพบนพื้น ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปทางกลับหมู่บ้านใบไม้ร่วง
…
เหมืองแร่ประกายแสง
หน้าทางเข้าเหมืองแร่ทหารชุดเขียว 50 คนจัดขบวนล้อมรอบทางเข้าเป็นวงกลมอย่างเป็นระเบียบ ในมือของพวกเขาถือปืนกลหนักสีดำที่ปลดเซฟตี้ปืนออกพร้อมใช้งาน แผ่นหลังของพวกเขามีดาบและหอกปลายแหลมคมสามารถหยิบขึ้นมาได้ทุกเมื่อ บรรยากาศที่แผ่ออกมาทำให้นักผจญภัยที่อยู่ไม่ไกลไม่กล้าเฉียดกายเข้าไปใกล้
จากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มคนประมาณร้อยคนเดินออกมา เกือบทุกคนอยู่ในชุดคลุมยาวสีน้ำเงินเข้ม และมีคน 3 คนที่อยู่ในชุดทหารสีเขียวเข้มบนบ่าประดับยศดาวเรียงรายหลายดวงบ่งบอกยศของพวกเขาที่ไม่ได้ต่ำ ร่างของทั้งสามมีบรรยากาศแข็งแกร่งทรงพลัง จนคนที่อยู่ใกล้ๆไม่กล้าหายใจ
กลุ่มนักวิจัยเดินไปอยู่กลางวงล้อมทหารอย่างเป็นระเบียบพวกเขาไม่พูดอะไรกันเลยแม้แต่น้อย แม้สายฝนจะทำให้เสื้อคลุมของพวกเขาแนบติดร่างจนรู้สึกอึดอัดก็ตาม พวกเขาก็ไม่แสดงความไม่พอใจออกมา
“เดินทางกลับหมู่บ้านใบไม้ร่วงได้!” 1 ใน 3 ทหารยศสูงออกคำสั่งทันทีเมื่อทุกคนเข้าที่เรียบร้อย
จบคำทหารที่ล้อมอยู่หน้าขบวนก็ออกเดินทันที กลุ่มนักวิจัยเดินตามอย่างเป็นระเบียบ กลุ่มนักผจญภัยก็เดินตามอยู่ด้านหลังห่างไป 100 เมตร
นายทหารยศสูงทั้ง 3 คน ยืนอยู่ตรงกลางขบวนเป็น 3 เหลี่ยมด้านเท่าเว้นระยะห่างอย่างพอดี โดยที่ปลายแหลมสามเหลี่ยมมุมหนึ่งอยู่ด้านหน้าสุด คนที่ยืนอยู่เป็นนายทหารยศสูงวัยกลางคนหน้าตาสุภาพอ่อนโยน แต่แววตาดุดันเต็มไปด้วยพลัง ทำให้ไม่มีใครกล้าสบประมาท นายทหารยศสูงอีก 2 มุมด้านหลังเดินตามไม่ทิ้งห่าง สายตาจับตามองคนที่อยู่ด้านหน้าไม่กระพริบ
นายทหารยศสูงวัยกลางคนนิ่งเฉยไม่สนใจคนที่จับตามองตัวเอง เขากระชับกล่องสีดำทึบแน่น ใบหน้านิ่งสงบไม่มีท่าทางผิดปกติ
“คุณลุง ทำไมพวกเราไม่รอเฮลิคอปเตอร์กันก่อนล่ะ เดินทางแบบนี้มันเสี่ยงที่จะเจออุบัติเหตุได้”หญิงสาวที่มีใบหน้างดงามโดดเด่นในชุดนักวิจัยสีน้ำเงินเข้มที่เปียกชุ่ม ถามขึ้นขณะเดินมาใกล้นายทหารยศสูงวัยกลางคน แต่เธอก็ยังเว้นระยะห่างอีกฝ่าย ไม่เข้าใกล้จนเกินไป
นายทหารยศสูงวัยกลางคนหันมายิ้มให้หญิงสาว ก่อนตอบ“เราช้ากว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าเรารอเฮลิคอปเตอร์มันจะใช้เวลามากเกินไป อาจมีกองกำลังอื่นๆค้นพบความผิดปกติและเข้ามาก่อความวุ่นวายได้”
หญิงสาวพยักหน้ารับ แต่เธอก็พบว่าเหตุผลมันฟังดูแปลกๆ
แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร 1 ในนายทหารยศสูงด้านหลังก็พูดขึ้นมาก่อน
“คุณหนูฉินช่วยถอยออกไปด้วย ไม่อย่างนั้นผมจะต้องลงมือทำตามกฎ”
“ขอโทษค่ะพันเอกฮั่น”หญิงสาวหันไปพูดขอโทษอีกฝ่ายเสียงเรียบ ก่อนจะเดินกลับไปที่กลุ่มนักวิจัย
ขบวนคุ้มกันเดินทางไปไม่นาน นายทหารที่อยู่ด้านหน้าก็สั่งหยุด ทำให้ทั้งขบวนเดินทางต้องหยุดลง ก่อนที่จะมีนายทหารคนหนึ่งวิ่งจากหน้ากลุ่มไปที่ใจกลางขบวนก่อนจะรายงานเสียงดัง
“รายงาน! มีศพคนของทวีปตะวันตกถูกทิ้งไว้ด้านหน้าครับ!”