บทที่ 114
ขอพี่โม่ให้ฉันเถอะ
มู่หรงเสวี่ยถืออาหารที่ทำมาเดินตรงไปที่ห้องทำงานของชางกวนโม่ ตลอดทางไม่มีใครเข้ามาขวางเลยดูเหมือนว่า ชางกวนโม่จะสั่งไว้แล้ว
เธอเปิดประตูห้องทำงานของชางกวนโม่อย่างอารมณ์ดี “พี่โม่ ฉันมาแล้ว…” แต่แล้วรอยยิ้มของเธอก็ต้องนิ่งไปชั่วขณะ
เมื่อเธอเห็นไป๋เสวี่ยหลี่กำลังยืนกอดแขนชางกวนโม่อย่างน่าสงสาร น้ำตาของเธอนองหน้าซึ่งทำให้คนที่เห็นรู้สึกสงสาร ระหว่างที่ชางกวนโม่มองไปที่ไป๋เสวี่ยหลี่ด้วยความสงสารในสายตา เธออยากที่จะหันหลังแล้วเดินออกมาทันทีแต่แล้วก็คิดได้ว่าเธอจะต้องเดินหน้าโดยไม่หันหลังกลับ
ชางกวนโม่รีบดึงมือไป๋เสวี่ยหลี่ออกพร้อมลุกขึ้นอธิบาย “เสี่ยวเสวี่ย ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ…”
มู่หรงเสวี่ยดึงรอยยิ้มอย่างไม่เต็มใจเท่าไร “ฉันคิดอะไรเหรอคะ?! คุณหิวไหม ฉันเอาอาหารมาให้ค่ะ…”
เขาเดินตรงมาโอบเอวมู่หรงเสวี่ยพร้อมรับกล่องข้าวในมือของเธอ “ฉันหิวมากเลย เสวี่ยหลี่เธอกลับไปก่อนนะ!” แล้วเขาก็หันกลับไปพูดกับไป๋เสวี่ยหลี่ที่กำลังยืนอยู่อีกด้าน
“พี่โม่ เกลียดพี่ที่สุด!” ไป๋เสวี่ยหลี่พูดเสียงดังพร้อมทั้งปิดหน้าตัวเองแล้ววิ่งออกไป พวกเขาทั้งสองคืนดีกันแล้ว เธอต้องทำยังไงดี
มู่หรงเสวี่ยมองไปที่ชางกวนโม่ พูดตามตรงในใจเธอไม่ได้รู้สึกดีเท่าไร ตราบใดที่เธอยังเห็นไป๋เสวี่ยหลี่ หัวใจของเธอเจ็บปวดแล้วหวนนึกถึงภาพที่พวกเขากำลังกอดกัน
“เสี่ยวเสวี่ย อย่ามองฉันแบบนี้สิ…” ความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้ทำร้ายคนทั้งสาม หัวใจของเขาตำหนิตัวเองที่สุด เขาทนคำตำหนิของมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ เขาปล่อยเธอไปไม่ได้แต่ก็เข้าใจว่าความเจ็บปวดไม่ใช่มีเพียงเธอคนเดียว บางทีชางกวนโม่อาจจะเป็นคนที่อึดอัดมากว่าเธอ ยังไงซะนั่นก็น้องสาวของเขา ใช่ไหม? หัวใจเธออ่อนลงอย่างมาก “กินเถอะ คุณหิวไม่ใช่เหรอ? ฉันหิวแล้ว…” เธอพูดอย่างเอียงอาย
ชางกวนโม่เผยรอยยิ้มเอาแต่ใจ “เธอป้อนฉันสิ…” เขาจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
“ถ้าอยากจะกินก็กินเองสิ…”
“ถ้าเธอไม่ป้อนฉันก็จะไม่กิน…”
“ถ้าคุณไม่กิน ฉันจะตีคุณนะ”
“อย่าตีฉันนะ…”
“…”
หลังจากทานอาหารเสร็จ ทั้งสองก็หัวเราะกันเสียงดัง ไม่มีใครอยากที่จะพูดถึงเรื่องของไป๋เสวี่ยหลี่เมื่อกี้ ไม่มีใครอยากที่จะดึงขวากหนามขึ้นมา
เมื่อกลับมาที่คฤหาสน์ ไป๋เสวี่ยหลี่ทำลายข้าวของทุกอย่างในบ้านแต่ก็ความรู้สึกเจ็บและไม่พอใจก็ยังไม่หายไปจากใจ มู่หรงเสวี่ย ในโลกนี้มีผู้ชายตั้งมากมาย ทำไมต้องมาขโมยคนที่เธอรักไปด้วย
ในเวลานี้ร่างกายของเธอสั่นไปหมดและวิธีมากมายแวบขึ้นมาในใจ วิธีที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้มู่หรงเสวี่ยหายไปจากโลกนี้ซะ อย่างไรก็ตามเธอไม่กล้าที่จะเสี่ยง ด้วยอำนาจของพี่โม่แล้วจะต้องเจอร่องรอยแน่ๆ ถึงแม้เธอจะทำแบบไร้ร่องรอยก็เถอะ เธอก็ยังกังวลอยู่ดี เธอจะไม่ยอมเสี่ยงนอกจากจะถูกบังคับให้ทำจริงๆ เธอจะทำยังไงดี?! จะทำยังไงดี?! เธอประเมินสถานะของ มู่หรงเสวี่ยในใจพี่โม่ต่ำไป แต่เธอไม่คิดว่าพี่โม่จะทำกับเธอแบบนี้
ในตอนเย็น มู่หรงเสวี่ยที่กลับมาที่วิลล่าได้รับโทรศัพท์จากไป๋เสวี่ยหลี่
“เสี่ยวเสวี่ย ออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม?”
มู่หรงเสวี่ยคิดว่าระหว่างพวกเธอไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกันอีก ก็ไปเจอกันก็มีแต่จะสร้างความลำบากใจเปล่าๆแต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ “โอเค!”
ทั้งสองมาเจอกันที่คาเฟ่ในห้องที่จองแยกไว้ เมื่อ มู่หรงเสวี่ยมาถึง ไป๋เสวี่ยหลี่ก็นั่งรอเธออยู่แล้ว ใบหน้าเธอยังดูละเอียดราวกับตุ๊กตา ดวงตาเธอแดงระเรื่อดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะร้องไห้มา พูดตามตรงเธอไม่อยากที่จะมีเรื่องกับเธอเลยจริงๆ ผู้หญิงคนนี้คนจะได้เป็นที่รักของคนมากมายไม่ใช่ต้องมาเศร้าโศกร้องไห้แบบนี้
มันน่าเสียดายที่เรื่องเป็นแบบนี้ เธออยากที่จะปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาว ก่อนหน้านั้นเธอโชคดีมากที่คิดว่าพวกเขาจะเป็นแค่พี่ชายและน้องสาว อย่างไรก็ตามเรื่องคืนนั้นทำลายฝันของเธออย่างสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าไป๋เสวี่ยหลี่รักชางกวนโม่และเธอเกรงว่าเธอจะไม่ได้รักเขาน้อยลงเลย
มู่หรงเสวี่ยนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของไป๋เสวี่ยหลี่ พร้อมพูดออกมาเสียงเบา “ไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน?”
“เสี่ยวเสวี่ย เธอเกลียดฉันใช่ไหม?” น้ำตาของไป๋เสวี่ยหลี่ร่วงลงมา มองตรงมาหามู่หรงเสวี่ยด้วยความเจ็บปวด
เกลียดเธองั้นเหรอ?! ถึงแม้เธอจะไม่ชอบความรู้สึกสับสนในหัวใจแต่เธอก็ไม่ได้เกลียด เธอไม่ได้ใจกว้างพอที่จะใจดีกับคู่แข่งของเธอ “ไม่รู้สิ แต่ฉันก็ไม่ชอบอยู่ดี!”
“จริงเหรอ?! ฉันไม่ชอบเธอหรืออาจจะเกลียดเลยด้วยซ้ำ ฉันเกลียดเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเธอแล้ว เธอรู้ไหมว่าพี่โม่เป็นหนึ่งเดียวของฉัน แล้วเธอมาพรากกำลังใจเดียวในชีวิตของฉันไปได้ยังไง ถ้าไม่มีพี่โม่ ฉันก็อยู่ไม่ได้…” น้ำตาของเธอไหลลงมา
มู่หรงเสวี่ยตกใจ ในหัวใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในตอนนี้ ไป๋เสวี่ยหลี่เหมือนกับเธอในชีวิตที่แล้ว ตอนที่เสี่ยวเข่อลี่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอพร้อมมือที่จับอยู่กับฟางฉีฮัว เธอแทบจะล้มทั้งยืน เธอตรงเข้าไปดึงพวกเขาแยกออกจากกัน ตรงกันข้ามฟางฉีฮัวตบเธออย่างแรงจนล้มลงไปกับพื้น คนทั้งสองอยู่ด้วยกันและไม่สนใจเธอเลยสักนิด
ทันใดนั้นไป๋เสวี่ยหลี่ก็คุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย “เสี่ยวเสวี่ย ฉันขอร้องละนะ…ฉันขอให้เธอคืนพี่โม่ให้ฉัน…ฉันจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ ตราบใดที่เธอยกพี่โม่คืนให้ฉัน…”
มู่หรงเสวี่ยตัวแข็ง หัวใจรู้สึกเจ็บจนแทบหายใจไม่ออก เธอเองก็คุกเข่าลงกับพื้น “เสวี่ยหลี่ ฉันรักเขา…ฉันทิ้งเขาไม่ได้…ฉันขอโทษด้วย…”
“เธอรักเขางั้นเหรอ?” เธอถาม?! “เธอรักอะไรในตัวเขา…เธอรู้นิสัยประจำวันเขาหรือเปล่า…เธอรู้หรือเปล่าว่าเขาชอบกินอะไรที่สุด…เธอรู้หรือเปล่าว่าเวลาที่เขาหัวเราะเขาเหมือนกับเด็กๆเลย…รู้หรือเปล่า…” เธอเฝ้ามองเขามามากกว่าสิบปีโดยไม่มีใครเข้ามายุ่ง
มู่หรงเสวี่ยตะลึงและคิดอยู่สักพัก เธอไม่รู้จริงๆว่า ชางกวนโม่ชอบอะไร ทุกครั้งที่เธอทำอาหาร เธอจะถามเขาว่าชอบกินอะไร เขาก็จะตอบว่าตราบใดที่เธอเป็นคนทำเขาก็ชอบหมด แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่รู้เลยว่าเขาชอบอะไร ในทุกๆวันท่าทางของเขาตรงหน้าเธอก็เหมือนกันคือทำแต่งานและบางครั้งก็ทำตัวเป็นอันธพาล
มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะพูดว่าเธอรู้เรื่องนี้ดีแต่เธอกลับอธิบายนิสัยของเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบสีอะไร
“เธอไม่รู้ใช่ไหม? เธอมีผู้ชายมาล้อมรอบตั้งมากมาย ทำไมต้องมาแย่งพี่โม่ของฉันไปด้วย?” เธอพูดพร้อมนั่งยองๆลงข้างๆ มือจับหัวพร้อมร้องไห้ เห็นได้ชัดว่าเธอคือคนที่รู้จักพี่โม่ดีที่สุดแต่กลับไม่ได้หัวใจของพี่โม่
มู่หรงเสวี่ยคุกเข่าลงกับพื้น รู้สึกมึนงงไม่รู้จะเอาอะไรมาโต้กลับ “แต่ฉันรักเขาจริงๆ…” ประโยคนี้ไร้พลังไปเลย ไป๋เสวี่ยหลี่ยังคงร้องไห้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจสิ่งที่เธอพูดเลย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในระหว่างที่เธอรักชางกวนโม่เธอคอยระวังตัวอยู่ตลอด ถึงแม้เธอจะสร้างกำแพงสูงในหัวใจและเหลือไว้เพียงช่องหน้าต่างเล็กๆแต่เธอก็ยังมีความสุขกับช่องหน้าต่างเล็กๆนั้น
ไป๋เสวี่ยหลี่เงยหน้าขึ้นและคุกเข่าลงตรงหน้ามู่หรงเสวี่ย “ฉันขอร้องล่ะนะ ช่วยยกพี่โม่ให้ฉันได้ไหม…ก่อนที่เธอจะเลิกกัน เธอก็นอนไม่หลับใช่ไหม? ฉันขอร้องล่ะ….ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่โม่…”
“แต่ความรักไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แล้วจะยกให้กันง่ายๆได้ยังไง?” เธอไม่ได้มีชีวิตที่ดีแต่เธอก็ไม่อยากที่จะต้องเห็นด้านมืดของตัวเอง ระหว่างทศวรรษที่เธออยู่ในมิติลับ ถ้าเธอไม่คิดถึงพ่อแม่ตัวเอง เธอก็คิดที่จะตายไปหลายรอบแล้ว…ใครจะรู้ว่าเธอเหมือนตกนรกแค่ไหน
“ตราบใดที่เธอยอม…ฉันจะทำให้พี่โม่ตกหลุมรักฉันเอง…” ดวงตาแดงก่ำของไป๋เสวี่ยหลี่แวบประกายแห่งความหวัง
มู่หรงเสวี่ยทนไม่ได้ที่จะมองตรงๆไปที่เธอจึงหันหน้าไปทางอื่นเล็กน้อย
ถึงแม้เธอจะตกใจกับความรู้สึกของไป๋เสวี่ยหลี่ เธอรู้สึกผิดและรู้สึกเศร้าแต่เธอก็ทำไม่ได้ ด้วยวิธีแบบนี้เธอจะได้ใจ ชางกวนโม่มาได้ยังไง “ขอโทษนะ ฉันทำไม่ได้…พวกเรารักกัน…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเธอรักกัน ถ้าไม่มีเธอ พี่โม่ก็จะรักฉัน เธอแย่งพี่โม่ของฉันไป…”
สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนเป็นซีดขาว ไป๋เสวี่ยหลี่เพิ่งพูดถึงความกลัวในหัวใจเธอ ถ้าไม่เป็นเพราะเธอ พวกเขาสองคนก็คงจะแต่งงานมีความสุขกันไปแล้วอย่างที่เธอเคยเห็นในชีวิตที่แล้ว เป็นเธอเองหรือเปล่าที่เป็นคนผิด
“งั้นในเมื่อเธอใจร้ายแบบนี้ ฉันก็จะตาย ยังไงซะฉันก็ไม่อยากอยู่ถ้าไม่มีพี่โม่” ไป๋เสวี่ยหลี่ทุบแก้วที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วและรีบเอามากรีดที่ข้อมือซึ่งเมื่อหันไปมองก็มีแต่เลือดสีแดงเต็มไปหมด
มู่หรงเสวี่ยไม่ทันที่จะได้ห้าม เธอรีบหยิบเข็มทองคำและยาออกมาจากมิติลับ ในเวลานี้เธอไม่สนใจที่จะซ่อนมิติลับของเธอแล้ว ไป๋เสวี่ยหลี่เห็นไม่ชัดเพราะเสียเลือดไปมาก เธอหยิบยาออกมาต่อหน้าต่อตาเธอ เธอขัดขืนอย่างอ่อนแรงและแผนของเธอจะต้องไม่พังเพราะการรักษาของเธอ
คนข้างนอกต่างก็แตกตื่นเพราะเสียงกรีดร้องของ มู่หรงเสวี่ย มู่หรงเสวี่ยรีบพูดอย่างรวดเร็ว “เร็ว รีบโทรเรียกรถพยาบาลที!” คนที่เข้ามาตกใจมากแต่ก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรเรียกรถพยาบาล
มู่หรงเสวี่ยกำลังวุ่นอยู่กับเข็มทองคำที่กำลังฝังลงไปที่ข้อมือเธอเพื่อกันเธอจากการเสียเลือดมากเกินไป ระหว่างนั้นก็หยิบยาที่เธอพัฒนาออกมาเพื่อช่วยปิดปากแผล แต่เพราะเสียเลือดไปเยอะมือที่กำลังขัดขืนของไป๋เสวี่ยหลี่จึงอ่อนแรงอย่างมากและสติของเธอก็เริ่มที่จะรางเลือน ในวินาทีที่เธอสลบไป สิ่งที่เธอคิดคือเธอลืมเรื่องทักษะทางการแพทย์ของมู่หรงเสวี่ยไป เธอคิดพลาดเอง
ตอนที่รถพยาบาลมาถึง มู่หรงเสวี่ยก็ห้ามเลือดให้ ไป๋เสวี่ยหลี่ได้แล้ว เธอโทรไปบอกชางกวนโม่คนที่ควรจะรู้เรื่องนี้ที่สุด