บทที่ 133
ผมอยากที่จะกินจริงๆ
ฮวงฟูอี้ดูทีวีอยู่สักพักแล้วก็เบื่อจึงหันไปมองมู่หรงเสวี่ยที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ห่างๆ เขาอยากที่จะเอ่ยปากคุยอยู่หลายครั้งแต่ก็จำที่มู่หรงเสวี่ยบอกไว้ได้ เขาจึงทำได้เพียงห้ามตัวเองไว้ เขาไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในทีวีเลยสักนิด
ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเริ่มที่จะล้า หลังจากที่อ่านหนังสือเป็นเวลานานเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่านี่ก็ห้าทุ่มแล้ว เธอวางหนังสือเรียนลง เดินเข้าไปหาฮวงฟูอี้ หยิบรีโมทมาและถามอย่างอ่อนโยน “เสี่ยวอี้ นี่ดึกมากแล้วนะ ได้เวลานอนแล้ว ไม่ต้องดูแล้วโอเคไหม?”
ฮวงฟูอี้มองมู่หรงเสวี่ยด้วยดวงตาเปล่งประกายพร้อมพยักหน้า ยังไงซะเขาก็ไม่ได้อยากจะดูทีวีอยู่แล้ว ตอนนี้เขาก็ดูเหมือนจะเสียเวลาไปมากแล้วด้วย
มู่หรงเสวี่ยปิดทีวีด้วยรอยยิ้ม โชคดีที่ความทรงจำของ ฮวงฟูอี้วัยห้าขวบฉลาดมากๆและเขาก็ไม่กวนเธอมากนักด้วย วันนี้เธอเช็คแผลที่หัวของเขาและพบว่ามันดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่ก็เดาไว้ว่าลิ่มเลือดในหัวเขาก็คงจะหายไปภายในสองอาทิตย์และเขาก็จะสามารถกู้ความทรงจำกลับมาได้ในเวลาอันสั้นแต่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกบางอย่างในหัวใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่ยอมหายไปไหน เมื่อความทรงจำเขากลับมา เสี่ยวอี้ก็จะต้องหายไป น้องชายที่น่ารักของเธอ
มู่หรงเสวี่ยเดินนำเขาไปที่ห้องที่เขาอาบน้ำวันนี้ ค่อยๆยกมือขึ้นไปแตะที่หัวเขาเบาๆ “เสี่ยวอี้ นอนหลับฝันดีนะ อย่าลืมห่มผ้าตอนนอนด้วยนะ ราตรีสวัสดิ์นะ!” เมื่อพูดจบ มู่หรงเสวี่ยก็เดินกลับไปที่ห้องตัวเองซึ่งอยู่ห่างจากห้องเขามาก
ฮวงฟูอี้ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความงง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมในเวลากลางคืนเขาจะต้องอยู่ห่างจากพี่สาวด้วย จนกระทั่งเขามองไม่เห็นมู่หรงเสวี่ยแล้วแต่ก็ยังยืนนิ่งอยู่เป็นเวลานาน
หลังจากเวลาผ่านไปนาน เขามองเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่าแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องและนอนลงที่เตียง วันนี้มู่หรงเสวี่ยเหนื่อยมาทั้งวัน หลังจากที่เธอเข้าไปอาบน้ำแล้ว เธอก็นอนบนเตียงและเริ่มที่จะพักผ่อน อย่างไรก็ตามท่าทางของชางกวนโม่วันนี้ก็สะท้อนในหัวใจเธออย่างชัดเจน เขาดูเหมือนจะผอมลงและสีหน้าก็ดูเหนื่อยล้าด้วย พอไม่มีเธอเข้าไปยุ่งแล้วเขาควรที่จะมีความสุขกับไป๋เสวี่ยหลี่สิ แล้วทำไมเขาถึงดูซูบผอมขนาดนั้นและวันนี้เขามาหาเธอทำไม
พูดได้เลยว่าลูกของไป๋เสวี่ยหลี่คือเหตุผลสำคัญที่ขวางทางรักของพวกเขา มันคือการมีอยู่ของการทรยศต่อความรักที่เหลือจะทนของเธอ พวกเขาจบกันแล้ว ใช่ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว แต่เมื่อเธอได้เห็นเขาหัวใจของเธอก็ยังคงเต้นรัวอยู่ เธอเกลียดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เธอจะไม่มีวันกลับไปในโลกที่ไร้ตัวตนอีก ไม่มีทางเด็ดขาด
ถึงแม้เธอจะต้องตายเพราะความเจ็บปวด แต่เธอก็จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ในเมื่อเธอยอมรับเรื่องนั้นไม่ได้ งั้นเธอก็ต้องปล่อยเขาไป
เธอคิดว่าตัวเองจะเป็นเหมือนหลายคืนที่ผ่านมาแต่เมื่อเธอแตะไปที่ดวงตาที่แห้งผากและพบว่าไม่มีน้ำตาแม้สักหยด
เธอก้าวหน้าขึ้นมากแต่ทำไมในหัวใจเธอยังรู้สึกเศร้าขนาดนี้ล่ะ? ราวกับว่าเธอทิ้งของที่สำคัญมากๆไป เป็นหัวใจที่ใฝ่หาความรัก จากวันนั้นมาเธอก็ดึงปราการที่แข็งแกร่งของเธอกลับคืนมาและรักษาหัวใจที่แตกสลาย ยังไม่สามารถที่จะชดเชยได้ แต่เธอไม่ได้หาวิธีที่จะรักษาอีกแล้ว
เธอไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ประตูห้องของเธอถูกเปิดออก มู่หรงเสวี่ยตกใจมาก ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร เธอก็ถูกร่างหนึ่งกอดไว้แล้ว “พี่สาว ผมกลัว ผมไม่อยากที่จะอยู่คนเดียว…”
“เสี่ยวอี้ เป็นอะไรเหรอ?” ฮวงฟูอี้กอดร่างของเธอด้วยตัวที่สั่นเทอม
“พี่สาวผมกลัว…”
มู่หรงเสวี่ยขัดขืนอยู่สักพักและพบว่าเธอดิ้นไม่หลุด “เสี่ยวอี้ ปล่อยพี่สาวก่อนนะ ไม่ต้องกลัว…” เขาต้องยังกลัวความมืดอยู่แน่ๆเลย
“ไม่ ไม่เอา ผมจะนอนกับพี่สาว…” เขากอดมู่หรงเสวี่ยและไม่ยอมปล่อยไปไหน กลิ่นหอมอ่อนๆของพี่สาวทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย ห้องนี้ไม่มืดเหมือนห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมาซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเขากำลังจะถูกปีศาจกินเข้าไปเลย
“ไม่ได้ นายจะมานอนกับพี่สาวได้ยังไง…” มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธอย่างขำๆ ถึงแม้นิสัยท่าทางเขาจะเหมือนเด็กน้อยอายุห้าขวบ แต่ร่างกายของเขาก็เป็นผู้ชายที่โตเต็มวัยแล้ว แล้วแบบนี้จะมานอนด้วยกันได้ยังไง
ร่างของฮวงฟูอี้สั่นเทิ้ม แต่มือของเขาก็ยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย ทำไมพี่สาวถึงไม่ชอบนอนกับเขาล่ะ? เธอไม่ชอบเขาหรือเปล่า
หลังจากที่มองอยู่นาน เธอก็ยังไม่เห็นฮวงฟูอี้เปลี่ยนท่าทาง มู่หรงเสวี่ยพูดอีกรอบ “เสี่ยวอี้ ได้ยินหรือเปล่า? ปล่อยมือก่อน ถ้านายกลัวความมืด งั้นก็เปิดไฟแล้วกลับไปนอน พี่สาวจะเดินไปส่งที่ห้องเอง…” เธอพูดอย่างอ่อนโยน
“ไม่ ไม่อยากไป…พี่สาว อย่าทิ้งผมไปนะ…” น้ำเสียงเริ่มที่จะสะอื้น
ฮวงฟูอี้ตัวสั่นจริงๆ และความทรงจำของเด็กอายุห้าขวบ เดาว่าเขาคงยังไม่เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างผู้ชายและผู้หญิง…แต่ตอนเด็กเขาไม่เจ็บปวดเพราะเขามักจะพูดว่าพี่สาวอย่าทิ้งเขาไป…มู่หรงเสวี่ยคิดว่าบางทีที่คงเป็นเงามืดที่เขาทิ้งไว้ตอนที่ยังเด็ก…เธอกลัวมากว่าเขาจะมองว่าเธอเป็นพี่สาวของเขาจริงๆ
ช่างมันเถอะ เขายังไม่รู้อะไร มู่หรงเสวี่ยตบไปที่หลังที่สั่นเทิ้มของเขาเบาๆและพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องกลัวนะ นอนเถอะ พี่สาวไม่ทิ้งนายไปไหนหรอก…”
ในคืนที่มืดมิด มีเพียงแสงจันทร์สลัวๆที่ส่องเข้ามาทำให้เขามองเห็นใบหน้าสวยได้รางๆ ความกลัวในสายตาก่อนหน้านี้ค่อยๆสงบลงเพราะท่าทางที่อ่อนโยนของมู่หรงเสวี่ย เขาค่อยๆหายใจอย่างเป็นจังหวะและผล็อยหลับไปในที่สุด
มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะดึงมือเขาที่กอดเอวเธออยู่ออกแต่ก็พบว่าเขากอดเธอไว้แน่นมาก หลังจากที่ลองออกแรงดึงมากขึ้นก็เห็นว่าดวงตาของเขาขยับเล็กน้อยซึ่งเหมือนกับว่าจะตื่นขึ้นมา เธอจึงหยุดการเคลื่อนไหวและปล่อยให้มือเขายู่แบบนั้นต่อไป เธอค่อยๆใช้เท้าดึงผ้าห่มขึ้นมาเพื่อห่มพวกเขาเอาไว้
ความรู้สึกเศร้าของมู่หรงเสวี่ยถูกขัดจังหวะจนทำให้เธอเองก็ค่อยๆผล็อยหลับไปด้วยเหมือนกัน
ในตอนบ่ายชางกวนโม่ยืนรออยู่หลายชั่วโมงแต่เขาไม่ได้รอให้มู่หรงเสวี่ยเปิดประตู ท่าทางของมู่หรงเสวี่ยเมื่อบ่ายนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาเห็นว่าเธอตั้งใจที่จะจบกับเขาแล้วจริงๆ นอกจากความเจ็บปวดในสายตาแล้วเธอก็ไม่มีท่าทีคิดถึงอะไรเขาเลย
เขายืนอยู่ข้างนอกประตูอยู่นาน หัวใจแวบนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาเคยมีด้วยกัน รอยยิ้มและท่าทางของเธอฝังลึกเข้าไปในหัวใจของเขาและไม่ยอมลบเลือน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหัวใจของเขาเจ็บปวดเสมอ เขาถึงขนาดรู้สึกว่าหัวใจเขาแตกสลายเลยด้วยซ้ำ
ไม่งั้นเขาคงไม่เจ็บปวดขนาดนี้ ยิ่งคนพูดถึงกันมาเท่าไร เขาก็ยิ่งปล่อยวางไม่ได้มากเท่านั้น เขาไม่เข้าใจเลย เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขายังรักกันมากอยู่เลย ทำไมถึงเลิกกันได้ง่ายๆ ถึงแม้เขาจะทำเรื่องที่ผิดพลาดแต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ เธอยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง แล้วยังเรื่องที่เธอใจแข็งอีก เธอทำกับเขาแบบนี้ยังไง?! เขาจะไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่ปล่อย เขาจะไม่ยอมถึงแม้นั่นจะหมายถึงการต้องอ้อนวอนหรือข่มขู่ก็ตาม
เขาแปลกใจมากที่ได้รู้ว่าหญิงวัยกลางคนที่เขาให้ไปสืบเรื่องของป้าฟางแต่กลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย เขาไม่เข้าใจเลยว่ามือดีที่ลูกน้องเขาหามาซึ่งน่าจะเก่งเรื่องพวกนี้แต่กลับไปเจอเบาะแสเลย และคนเดียวที่ดูเหมือนจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ก็มีเพียงไป๋เสวี่ยหลี่เท่านั้นถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐาน อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เชื่อใจเธอเหมือนแต่ก่อนแล้ว เขาถึงขนาดส่งคนไปคอยเฝ้าเธอไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย ในตอนนี้จึงยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ชางกวนโม่มองไปที่ประตูที่ปิดอยู่ของวิลล่า แล้วจึงหันหลังกลับออกมา ถ้าเขาอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ เขาต้องกลับไปจัดการกับเรื่องเด็กในท้องของไป๋เสวี่ยหลี่และเรื่องชายที่อยู่ข้างกายมู่หรงเสวี่ยให้เร็วที่สุด เขาจะต้องรู้ตัวตนของไอ้หมอนั่นให้ได้
ชายหนุ่มที่เขาเจอวันนี้ทำให้เขารู้สึกได้ถึงวิกฤต เขารู้สึกว่าตัวเองได้เจอคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาแล้ว อย่างไรก็ตามเขาก็หาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ไม่เจอเลย นอกจากนี้เขายังใช้เครือข่ายอัจฉริยะของตระกูลชางกวนเพื่อหาข้อมูลแต่ก็ยังไม่เจออะไรเลย ราวกับว่าชายคนนี้หายสาบสูญไปในอากาศธาตุได้อย่างไงอย่างงั้นเลย
ตราบใดที่ชายคนนี้ยังมีตัวตนและยังต้องการอาหาร, เสื้อผ้า, ที่อยู่อาศัยและการเดินทาง มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีข้อมูลอะไรของเขาเลย ถ้าเขาหาไม่เจอ งั้นก็คงมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือต้นกำเนิดของอีกฝ่ายเท่าเทียมหรือทรงอำนาจมากกว่าตระกูลที่สูงส่งอย่างชางกวนแต่เรื่องนั้นจะเป็นไปได้ยังไง
ไม่ว่าจะยังไง เขาจะต้องพยายามหาข้อมูลอย่างสุดความสามารถเพราะท่าทางที่เขาอยู่ข้างหญิงคนรักของเขาแบบนี้เขาจะมั่นใจได้ยังไง
กลางดึกคืนนั้น ฮวงฟูอี้ขยับตัวเล็กน้อยและค่อยๆลืมตาขึ้น แขนของเขาคุ้นเคยกับกลิ่นและความอ่อนโยนนี้ เขายิ้มอย่างมีความสุข มันช่างดีเหลือเกินที่พี่สาวอยู่ข้างๆเขาแบบนี้
เขาตัดสินใจที่จะมองท่าทางของมู่หรงเสวี่ยผ่านแสงจันทร์ใกล้ๆอีกนิด ท่าทางการหลับของพี่สาวดูเหมือนกับว่าจะยิ่งสวยไปอีก ราวกับนางฟ้าบนท้องฟ้าเลย ใบหน้าที่ละเอียดอ่อน คิ้วได้รูป จมูกโด่งสวยและปากที่เปล่งปลั่งทำให้เขารู้สึกไม่เบื่อเลยที่จะมอง ยิ่งเขามองมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอสวยมากขึ้นเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงรู้สึกว่าริมฝีปากตัวเองค่อยแห้งผาก ริมฝีปากของพี่สาวดูน่าอร่อย ชุ่มชื่นและน่ากินอย่างมาก
เขาค่อยก้มหัวต่ำลง เข้าใกล้ความปรารถนาของตัวเองเรื่อยๆ ช่างอ่อนนุ่มและรู้สึกดีจริงๆ เขาดูเหมือนว่ายังต้องการเพิ่มอีก อยากที่จะกินอีก เขาแลบลิ้นออกมาและลิ้มรสชาติหวานหอม เขารู้สึกค่อยๆหลงใหล ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ได้แต่เชื่อฟังสัญชาตญาณของตัวเองเท่านั้น
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมารบกวนเธอ เธอพึมพำทั้งที่ยังหลับอยู่ หัวใจของฮวงฟูอี้เต้นรัวแรง ใบหน้าของเขารู้สึกร้อนผ่าวและในหัวก็สับสนไปหมด เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนั้น แต่รสชาติของพี่สาวช่างดีเหลือเกิน เขาชอบอย่างมาก
อ