บทที่ 201 ที่ดีที่สุดในโลก
ทีละก้าวๆ หลงอี้เพียงแค่เดินไปในทิศทางของดราก้อนมาสเตอร์ หวังว่าถนนจะไม่มีวันสิ้นสุด
“เท้านายนี่ไร้ประโยชน์จริงๆเลยว่าไหม?” ฮวงฟูอี้มองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่เดินห่วงไปเรื่อยและหันกลับมามองหลงอี้ที่เดินด้วยความเร็วของเต่า
หลงอี้รีบวิ่งมาที่ฮวงฟูอี้แทบจะในทันทีพร้อมทั้งพูดออกมา “ดราก้อนมาสเตอร์!”
ฮวงฟูอี้เหล่มองไปที่เขา “ดราก้อนพาวิลเลี่ยน!”
ในงานเลี้ยง ทุกคนต่างก็กำลังเดาถึงตัวตนของฮวงฟูอี้กันอย่างต่อเนื่อง ชูอี้เสิ่นถึงกับตกใจ เขาเพิ่งจะได้ยินหลงอี้เรียกเขาว่า “ดราก้อนมาสเตอร์” นี่เขาคือคนที่มาจากดราก้อนพาวิลเลี่ยนงั้นเหรอ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” คุณโม่ถามอย่างจริงจัง
โม่หลิวเฟิงมองไปในทิศทางของประตูและพูดออกมา “ดูเหมือนจะมีคนที่น่าทึ่งมา”
หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยขึ้นมาบนรถ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองลืมหลิวฮัวลี่ไปเลย เธอจึงโทรหาพี่โม่
“พี่โม่!”
“เสี่ยวเสวี่ย มีอะไรเหรอ? คนพวกนั้นดูไม่ธรรมดาเลยนะ เธอคงไม่ได้ถูกทำร้ายใช่ไหม?” โม่หลิวเฟิงรีบถามออกไปทันทีที่เขารับโทรศัพท์
“ฉันไม่เป็นไร! เพียงแค่มีงานที่จะต้องทำน่ะค่ะ! อีกอย่างฉันทีมาเพื่อาขอให้พี่ช่วยบางอย่าง”
“มีอะไรเหรอ บอกมาได้เลย”
“พี่จำหลิวฮัวลี่คนที่มากับฉันคืนนี้ได้ไหม? พี่โม่ช่วยบอกเขาทีได้ไหมว่าฉันมีเรื่องที่ต้องไปทำก่อน…”
“แล้วมีเรื่องอื่นที่ฉันพอจะช่วยเธอได้อีกไหม?!บอกมาได้เลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะรบกวนพวกเราหรอก พวกเรายังติดหนี้เธออยู่มากจนตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะใช้คืนเธอยังไงหมดแล้ว…” เขาเป็นห่วงว่ามู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะรบกวนพวกเขาดังนั้นเขาจึงพูดออกไป เขาไม่ค่อยรู้เรื่องของเสี่ยวเสวี่ยดีนักเพราะไม่ได้ติดต่อกันมากนัก
“พี่โม่ ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ อย่าคิดมากนะคะ ช่วยบอกอ้ายลี่ทีนะคะว่าตอนนี้ฉันเป็นสมาชิกของสถาบันทางการแพทย์ นี่เป็นเรื่องงานจริงๆ…” มู่หรงเสวี่ยอธิบาย เธอไม่ได้พูดออกไปว่าดราก้อนพาวิลเลี่ยนเพราะไม่อยากที่จะสร้างความตื่นตระหนก อีกอย่างดราก้อนพาวิลเลี่ยนก็ไม่ใช่องค์กรชั่วร้ายอะไร
โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็ควรจะสนใจเรื่องงานก่อนเถอะนะ!” เขาคิดอยู่ตลอดว่านี่ต้องไม่ใช่สถาบันการแพทย์ธรรมดาแน่ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยเห็นผู้ชายที่ชื่อหลงอี้ที่ไหนมาก่อนแต่ก็นึกไม่ออก แต่ผู้ชายอีกคนเขายังไม่เคยเห็น ท่าทางแบบนั้นถ้าเขาได้เจอคงไม่มีวันลืมได้แน่ๆ อย่างไรก็ตามหลงอี้ที่อยู่ข้างๆเขาก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นอย่างมาก
มู่หรงวางสายและขับไปที่ฐานดราก้อนพาวิลเลี่ยน
หลงอี้ขับตามรถของมู่หรงเสวี่ย ปกติถ้าเขาขับรถช้าก็คงจะถูกดราก้อนมาสเตอร์เล่นงานไปแล้วแน่ๆ อย่างไรก็ตามดราก้อนมาสเตอร์ไม่ได้พูดอะไรเลยซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าดราก้อนมาสเตอร์อยากที่จะตามคุณมู่หรงเสวี่ยไป ตอนนี้การเป็นลูกน้องไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยและเขาต้องคอยเดาจิตใจของเจ้านายตลอดเวลา
“อะแฮ่ม!” หลงอี้ที่อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะจะพูดก็ไอออกมาสองครั้ง ในตอนนี้เขารู้สึกหนาวยะเยือกจริงๆ
“เดี๋ยวนี้พวกลูกน้องหยิ่งผยองมากขึ้นขนาดนี้เลยเหรอ?!! ถึงขนาดไม่ต้องถามหัวหน้าแล้วด้วยซ้ำว่าต้องทำยังไงกับเธอ” ฮวงฟูอี้เปิดปากพูดออกมาอย่างเย็นชาและมองตรงไปที่ผู้หญิงในรถสปอร์ตสีแดงคันข้างหน้า
หลงอี้กำพวงมาลัยแน่นและทันใดนั้นก็รีบกรองคำตอบมากมายที่อยู่ในใจ สุดท้ายเขาก็พูดออกมา “ครับ! ตามกฎของดราก้อนพาวิลเลี่ยนจะต้องมีการลงโทษ ดราก้อนมาสเตอร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เมื่อกลับไปถึงที่ฐาน พวกเขาจะพาตัวคุณมู่หรงไปที่ห้องใต้ดิน คุณจะต้องทำให้คุณมู่หรงได้รู้ว่าเธอทำผิด!” ห้องใต้ดินของดราก้อนพาวิลเลี่ยนเป็นสถานที่สำหรับการลงโทษพวกคนที่ทำผิด
“ฉันคิดว่าฉันน่าจะตัดมือนายออกก่อนเลย เมื่อกี้มือนายจับเธออยู่นานเชียว!” ฮวงฟูอี้พูดออกมา
“อย่านะครับ งานของผมถ้าไม่มีมือจะทำไม่ได้…” หลงอี้ร้องออกมาพร้อมขอความเมตตา หลงอี้ที่ไม่สมบูรณ์จะไม่ได้ออกปฏิบัติการ
“งั้นก็แค่หาคนอื่นมาแทนนายซะ! ไม่ใช่แค่มือของนายนะที่จะต้องถูกตัดแต่หัวก็จะถูกตัดด้วย…”
หลงอี้ปิดปากและหยุดพูด ยังไงซะถ้าเขาพูดอะไรออกไปก้ผิดอยู่ดี! อีกอย่างเขารู้จักดราก้อนมาสเตอร์ดีที่สุดและสุดท้ายเขาก็ฆ่าเขาไม่ลงหรอก
ที่อีกฝั่งในงานเลี้ยง โม่อ้ายลี่เองก็เห็นการจากไปของมู่หรงเสวี่ย เธอไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าเสี่ยวเสวี่ยเริ่มที่จะมีความลับมากขึ้นเรื่อยๆ
ชูอี้เสิ่นเองก็ยังจ้องไปในทิศทางของประตูอยู่ เธอทนดูไม่ได้จึงจับมือชูอี้เสิ่นและพาเดินไปที่โซฟาตรงมุมห้อง
“นายชอบมู่หรงเสวี่ยมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” โม่อ้ายลี่ถาม รู้ดีว่าเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้ชอบเขา
ชูอี้เสิ่นมองมาที่โม่อ้ายลี่แล้วพูดออกมาเสี่ยงเบา “ฉันรักเธอ!” ในใจของเขายังตกใจอยู่กับตัวตนของฮวงฟูอี้อยู่ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงหาตัวตนของเขาไม่เจอ เขาเป็นสุดยอดของโลก แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเสี่ยวเสวี่ยกับไอ้ผู้ชายแบบนั้น
ถึงแม้โม่อ้ายลี่จะรู้ว่าชูอี้เสิ่นชอบเสี่ยวเสวี่ยมานานมากแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในหัวใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เธอรู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่อยากที่จะเจ็บปวด เธอก็ควรที่จะอยู่ให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ อย่างไรก็ตามการได้นั่งข้างๆเขา ได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาก็ทำให้เธอก้าวออกไปไม่ได้
ในตอนนี้ เธอรู้ตัวเลยว่าตัวเองจบแล้ว
ในสายตาของชูอี้เสิ่นไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของโม่อ้ายลี่เลย โม่อ้ายลี่ก็แค่เด็กที่ยังไม่โต แล้วเธอก็ยังมีสถานะเป็นเพื่อนสนิทของมู่หรงเสวี่ยด้วย ก็เพียงแค่นั้น
โม่อ้ายลี่กัดริมฝีปาก ชูอี้เสิ่นชอบเสี่ยวเสวี่ยแต่เธอก็รู้สึกอิจฉาไม่ได้อยู่ดี เสี่ยวเสวี่ยเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และเป็นตัวเธอเองที่ทำให้ตัวเองรู้สึกด้อยกว่าเธอ ซึ่งแม้แต่จะรู้สึกอิจฉาก็ยังทำไม่ได้
“ถ้าเสี่ยวเสวี่ยชอบคนอื่น นายยังอยากที่จะเดินหน้าเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า?!! นายจะมองผู้หญิงคนอื่นบ้างไม่ได้เลยเหรอ?” ตัวอย่างเช่นเธอที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเขานี่ไง
“มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอ!” ชูอี้เสิ่นมองไปที่โม่อ้ายลี่อย่างโหวงๆ
“เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับฉันได้ยังไง ฉัน…ฉัน…” ฉันชอบนาย ประโยชน์นี้คือสิ่งที่พูดออกไปไม่ได้
ชูอี้เสิ่นขมวดคิ้ว “เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย?” การที่เขาได้เจอกับเธอก็เพียงแค่เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นข้างทางเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่การพูดคุยครั้งแรกที่น่าประทับใจเท่าไรด้วย อันที่จริงเขากับโม่อ้ายลี่เรียกว่าเพื่อนก็ไม่ได้ด้วยซ้ำ เวลาเดียวที่พวกเขาเข้ากันได้ดีก็คือตอนที่ไปกินขนมด้วยกันที่ถนนเท่านั้น
โม่อ้ายลี่พูดไม่ได้ เธอพูดเรื่องคืนนั้นไม่ได้ เขามองเธอเป็นเสี่ยวเสวี่ยและขโมยจูบแรกของเธอไป
“เจ้าภาพงานไม่ไปคุยกับแขกคนอื่นแล้วมาอยู่กับฉันตรงนี้มันไม่ดีหรือเปล่า?” ชูอี้เสิ่นรินไวน์ให้ตัวเองอีกแก้วแล้วพูดออกมา
“ไม่เป็นไรหรอก นายไม่รู้หรือไงว่าคนพวกนั้นมาเพราะคุณปู่ของฉัน…” โม่อ้ายลี่เองก็รินไวน์ให้ตัวเองเหมือนกัน
ชูอี้เสิ่นหันกลับมามองเธอ
“มีอะไรเหรอ? ที่หน้าฉันมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอ?” เธอถาม แกล้งทำเป็นนิ่งสงบ
“เธอไม่เข้าใจหรือไง? ฉันอยากที่จะอยู่คนเดียว” ชูอี้เสิ่นพูดออกมาอย่างเสียมารยาท
โม่อ้ายลี่รู้สึกอายไปชั่วขณะแล้วพูดออกมา “ฉันแค่อยากจะนั่งตรงนี้ ที่นี่บ้านฉัน ฉันจะนั่งตรงไหนที่ฉันอยากจะนั่งก็ได้!” เป็นเรื่องน่าอายมากที่เขาไล่เธอแบบนั้นราวกับว่าเธอกำลังรอเขาอยู่งั้นแหละ
ชูอี้เสิ่นถอนหายใจและลุกขึ้น คืนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี
“นี่ นายจะไปไหนนะ?” อ้ายลี่จับแขนเสื้อเขา
“คุณหนูโม่ ดูเหมือนว่าการที่ฉันจะไปไหนมันจะไม่เกี่ยวอะไรกับคุณนะครับ ปล่อย!”
“ฉันไม่ปล่อย!” โม่อ้ายลี่พูดอย่างดื้อดึง ไม่ยอมปล่อยมือ ทำไมเธอต้องชอบเขาแต่เขากลับเกลียดเธอด้วยนะ
ชูอี้เสิ่นหันหัวกลับมาและมองไปที่โม่อ้ายลี่ที่ยังจับแขนเสื้อเขาอยู่นาน เวลาผ่านไปนานหน้าของโม่อ้ายลี่เริ่มที่จะแดงแล้วหัวใจก็สั่นเทอม “นายจะทำอะไร?”
“ถ้าเธอไม่ปล่อย ฉันจะคิดว่าเธอชอบฉันนะ!” ชูอี้เสิ่นพูดออกมาอย่างประชดประชัน
โม่อ้ายลี่รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีเหมือนกับหนูที่เพิ่งถูกจับได้ “ใคร…ใครชอบนายกัน? หน้าไม่อายจริงๆ!”
“ถ้าไม่ใช่ก็ปล่อยซะ” ชูอี้เสิ่นมองไปที่เธออย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นหลานสาวของโม่และเป็นเพื่อนสนิทของมู่หรงเสวี่ยนะ เขาก็คงไม่ปล่อยไว้แน่
“นายเกลียดฉันงั้นเหรอ?” เธอพูดออกมา
“ฉันไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชอบด้วยเหมือนกัน! พูดง่ายๆก็คือเธอก็เหมือนกับพวกแมวหรือหมาที่อยู่ตามถนน…” มันฟังดูธรรมดาแต่คำพูดของเขากลับทำให้คนอื่นเจ็บปวดได้อย่างคาดไม่ถึง
โม่อ้ายลี่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงอยากที่จะหาเรื่องเขาแบบนี้คำพูดของเขาทิ่มแทงหัวใจเธอราวกับเข็มแหลม
ชูอี้เสิ่นไม่เข้าใจเด็กสาวแบบนี้เลยจริงๆ ก่อนหน้านี้เธอเกลียดเขาจะตาย
“ฉันสนิทกับมู่หรง และไม่รู้จักใครอีกนอกจากมู่หรงที่กลับไปแล้ว…”
ชูอี้เสิ่นมองไปที่มือที่กำลังจับแขนเสื้อเขาที่ออกจะซีดเล็กน้อย แล้วก็มองไปรอบๆแขก เขานึกขึ้นได้ว่านี่เป็นการเปิดตัวครั้งแรกของเธอ เดาว่าเธอก็คงไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน อีกอย่างเธอก็แค่ 16 เอง การที่จะรู้สึกกลัวก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตามเขาอยู่กับเสี่ยวเสวี่ยมากนานและเกือบที่จะลืมไปแล้วว่าเด็กวัยรุ่นควรที่จะเป็นยังไง
เขานั่งลงอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “โอเคนั่งแล้ว แต่แค่จิบไวน์ก็พอนะ อย่าดื่มมาก”
ในที่สุดโม่อ้ายลี่ก็ปล่อยแขนเสื้อเขาและเปล่งเสียงออกมาเล็กน้อย “อืม” พร้อมทั้งยกแก้วขึ้นมาและกลืนเข้าไปอึกใหญ่
“นั่นไม่ใช่วิธีดื่มไวน์ซะหน่อย…”
“ก็ฉันเพิ่งเห็นนายดื่มแบบนี้…”
“ฉันก็แค่อยากจะคลายความเครียดเฉยๆ อย่าดื่มแบบนี้อีกนะ!” ชูอี้เสิ่นพูด
“สำหรับนายมู่หรงดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” โม่อ้ายลี่ถามออกมาเสียงเบา
เวลาผ่านไปนาน หูของโม่อ้ายลี่ก็ได้ยินเสียงพึมพำของเขา “มีเพียงเธอเท่านั้นที่ดีที่สุดในโลก!”
มันเจ็บปวดจนโม่อ้ายลี่ต้องกำแก้วไวน์แน่น ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วเธอจะไปแข่งกับคนที่ดีที่สุดในโลกได้ยังไง
…
Related