บทที่ 44
การสื่อสาร
ให้ตายเถอะ ตอนนี้ชางกวนโม่ไม่สนใจเลยว่าจะเวลากี่โมงแล้ว เขารีบขับรถไปบ้านมู่หรงเสวี่ยทันทีเพื่อที่จะดูว่าสองคนนั้นยังอยู่ด้วยกันอีกหรือเปล่า!!!
เมื่อกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ มู่หรงเสวี่ยยังไม่หายดีเท่าไร นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกสารภาพรัก เธอมีความสุขแต่ก็ยังไม่สามารถปล่อยความกังวลที่มีมาของชีวิตที่แล้วได้
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้ว่านั่งอยู่แบบนี้นานเท่าไร แล้วทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกริ๊งที่ประตูดังก้องไปทั่ว พร้อมด้วยเสียงกระหน่ำเคาะประตู
ใครกันเนี่ย?
มู่หรงเสวี่ยกลัวว่าจะเป็นคนแปลกหน้า เธอจึงยังไม่ได้เปิดประตูโดยตรงแต่กลับมองลอดจากช่องตาแมวเพื่อดูว่าเป็นใคร?!
เพียงแค่มองเธอก็ถึงกับตกใจ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย? เขาท่าทางโกรธมากเลย แต่ยังไงเธอก็ต้องเปิดประตูก่อน!
ทันทีที่เธอเปิดประตู ชางกวนโม่ก็คว้ามือเธอและดึงเธอออกทันที จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปในแต่ละห้องเพื่อดู มีใครที่นี่หรือเปล่า? มันหายไปไหนแล้ว? เขาจะฉีกมันให้เป็นชิ้นๆเลย
มู่หรงเสวี่ยปิดประตูและเห็นชางกวนโม่ที่กำลังลนลานวิ่งไปแต่ละห้องเหมือนคนบ้า ด้วยสีหน้างุนงง! นี่เขากินยาผิดจนบ้าไปอีกแล้วหรือไงกันเนี่ย
ชางกวนโม่ค้นหาด้วยความโกรธ แต่เมื่อไม่เจอใครเขาก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย
“ วันนี้ไปกับชู้คนไหนมาล่ะ?” ถามมู่หรงเสวี่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชู้งั้นเหรอ?!!!
อะไรนะ?!!!
ยังกล้ามาทำหน้าไม่รู้เรื่องอีกเหรอ!!!
ชางกวนโม่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าที่จะปิดบังอยู่อีก เขาดึง มู่หรงเสวี่ยเข้ามาและจูบเข้าอย่างจัง
ความรู้สึกอ่อนนุ่มที่ริมฝีปากทำให้ความโกรธของเขาเบาลงไปได้เยอะ เขาพยายามที่จะดูดน้ำหวานจากปากของเธอ ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอยากที่จะกลืนกินเธอไว้คนเดียว เธอจะได้ไปดึงดูดเหล่าแมลงที่ไหนอีกไม่ได้ไง!?
มู่หรงเสวี่ยตัวแข็งอยู่สักพักและเริ่มที่จะขัดขืน เขาทำกับเธอแบบนี้เพื่ออะไรเนี่ย?!!! เขาทำกับเธอแบบนี้ได้ยังไง? มีอำนาจแล้วมันยิ่งใหญ่มากเลยเหรอ?!!!
การขัดขืนของเธอสำหรับเขาก็เหมือนกับแค่แมวดิ้นเท่านั้น
เขากดขาของเธอด้วยขาของเขาและมือข้างหนึ่งจับเข้าที่มือเล็ก ๆ ของเธอที่กำลังปัดป้อง
“อย่า ปล่อยนะ… ” เสียงแผ่วเบาคล้ายกระซิบเปล่งออกมา
“ปล่อยงั้นเหรอ? ปล่อยให้ไปหาใครล่ะ!! ให้ไปหาชู้งั้นเหรอ?! คิดแบบนั้นใช่ไหม?” การขัดขืนของมู่หรงเสวี่ยทำให้เขายิ่งโมโห เขาใช้มืออีกข้างฉีกเสื้อผ้าเธอจนขาด
มู่หรงเสวี่ยยิ่งขัดขืนแรงขึ้นไปอีก “ไม่ อย่านะ! ปีศาจร้าย! ฉันเกลียดคุณ! หื้อ หื้อ” เกลียดเขางั้นเหรอ!? ความเจ็บปวดในหัวใจทำให้การเคลื่อนไหวของมือเขาช้าลงไปมาก มู่หรงเสวี่ยรีบผลักเขาออกทันที พร้อมทั้งเอามือหยิบเศษเสื้อผ้าขึ้นมาปกปิดร่างกายและจ้องมองเขาด้วยสายตาเกลียดชัง
ท่าทางปกป้องตัวเองของเธอทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ น้ำตาที่มุมตาของเธอทำให้เขาหยุด เขาอยากจะโอบกอดเธอ
“เธอเกลียดฉันงั้นเหรอ?! แล้วเธอชอบใคร?! ไอ้หนุ่มคนวันนี้หรือไง” ช่วงนี้เขาไม่พอใจบ่อยๆเพราะเรื่องของเธอทำให้โมโห
สิ่งที่เขาต้องการแต่ผู้หญิงคนนี้ไม่สนใจเขาเลย ไม่สิ ต้องพูดว่าเด็กผู้หญิงสิ
มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จริงๆเหรอว่าเขาต้องการอะไร? ความโกรธที่อธิบายไม่ได้ คำถามที่อธิบายไม่ได้ การคิดถึงเธอหลายๆครั้งเกือบทำให้เขาเสียสติ ความรู้สึกกตัญญูในตอนแรกเปลี่ยนเป็นความแค้นที่เพิ่มมากขึ้น
“ฉันชอบหลายคนแต่ที่แน่ๆไม่ใช่คุณ!”
“เธอ…เธอแน่ใจนะว่าอยากจะทำให้ฉันโกรธ… เธอรับผลลัพธ์ที่จะตามมาไม่ไหวหรอก…” มู่หรงเสวี่ยอยากที่จะพูดให้เขาเจ็บ แต่เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของเขาทันใดนั้นความโกรธของเธอก็มลายหายไป แต่ก็ไม่อยากที่จะขอความเมตตาจากเขา ทำได้เพียงปิดปากเงียบไว้แบบนั้น
ความเงียบที่ไร้คำพูดทำให้ชางกวนโม่ปล่อยหมัดแห่งความโมโหไปที่โต๊ะกาแฟแก้ว แจกันใบสุดท้ายแตกบาดมือเขาจนเกิดเป็นรอยแผลหลายแผล
“คุณทำอะไรเนี่ย?” มู่หรงเสวี่ยตกใจกลัวกับพฤติกรรมบ้าๆของเขา
สะอื้น…หัวเธอจะแตกกระจายเหมือนโต๊ะกาแฟไหมเนี่ย
ตอนนี้เธอจะยืนไหวอีกไหมเนี่ย?!!!
สายตามองไปเห็นมือของเขาที่ยังเลือดไหลอยู่ มู่หรงเสวี่ยรีบลุกลี้ลุกลนไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมา เดินหลบเศษแก้วที่พื้น มองเขาอย่าเกร็งๆพร้อมทั้งพูดว่า
“มือคุณเลือดออกอยู่ ให้ฉันช่วยทำแผลเถอะ! นั่งลงก่อนได้ไหม?”
เธอได้สติแล้วและอยากที่จะทำแผลให้เขา สิ่งที่เธอพูดไปเมื่อกี้ว่าเกลียดเขาก็เพราะความโกรธ เขาไม่เก่งพอที่จะทำให้เธอกลัว เพราะมู่หรงเสวี่ยอารมณ์ดี ตอนนี้ชางกวนโม่หาเหตุผลให้คำพูดไม่ดีของมู่หรงเสวี่ยเมื่อกี้ได้มากมายแล้วเมื่อมองที่เสื้อผ้าของเธอ เป็นเขาเองที่หยาบคายกับเธอ งั้นก็โทษเธอเรื่องคำพูดไร้สาระมากมายของเธอไม่ได้
มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าในที่สุดชายหนุ่มก็มีสีหน้าที่อ่อนโยนลง เธอพยายามช่วยเขาจัดการกับแผลและพยายามทำให้เขาลืมว่าเธอเพิ่งจะขัดขืนเขาเมื่อกี้
เธอเป็นผู้หญิงที่หน้าไหว้หลังหลอกจริงๆ อันที่จริงในใจเธอก็ชอบเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สังเกตเห็นบาดแผลของเขาหรอก เธอพันผ้าพันแผลให้เขาอย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บ เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากแน่นและดวงตาก็อ่อนโยนขึ้นมาก
น่าเสียดายที่มู่หรงเสวี่ยเอาแต่ก้มหน้าก้มตาจดจ่อกับการทำแผล จึงไม่เห็นความอ่อนโยนที่น่าหลงใหลนี้
“เป็นแฟนฉันเถอะ!” จู่ๆชางกวนโม่ก็เปิดปากพูดออกมา
มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจและถามออกไปว่า “ทำไม… ฉันยังเด็กอยู่เลยนะ… ” เธอยังเด็ก ไม่เหมาะกับการมีความสัมพันธ์ มู่หรงเสวี่ยคิดว่าการเป็นแฟนของชางกวนโม่คือความหมายของเพื่อนร่วมเตียง
อันที่จริงก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะคิดเช่นนั้น เป็นจังหวะที่กำลังจะพูดออกไปว่าใครบอกเธอแบบนี้
“อายุ 15 ปีแล้ว ไม่เด็กเกินไปหรอก” อายุ 15 ไม่ใช่เด็กแล้ว สามารถมีความรักได้แล้ว
ใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนเป็นซีดเผือด “ฉันปฏิเสธได้ไหม?!!”
ปฏิเสธเหรอ?! แน่นอนว่า… ไม่อยู่แล้ว! ไม่ว่าเธอจะชอบเขาหรือไม่ เขาก็ต้องการเธอ เธอเป็นได้แค่ของเขาเท่านั้น
“เธอจะว่ายังไง?” ในน้ำเสียงมีการขู่อยู่ด้วยเบาๆ
มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ?! มู่หรงเสวี่ยก้มศีรษะลงและกระซิบออกมา “ฉันเข้าใจแล้ว … ”
คืนที่ไม่ได้นอน
มู่หรงเสวี่ยจ้องไปที่เพดานสีขาวราวกับหิมะด้วยดวงตากลมโต เธอนอนไม่หลับ
เมื่อคืนหลังจากที่เธอช่วยทำแผลให้ชางกวนโม่เสร็จ เธอก็ได้ยินชางกวนโม่คุยโทรศัพท์ ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเร่งด่วน ก่อนไปเขาบอกให้เธอย้ายไปอยู่กับเขา
อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ?! เขาจะดูแลเธองั้นเหรอ?! โอ้?! มันไร้สาระน่า คุณหนูมู่หรง พ่อแม่เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
แต่เธอก็ไม่อยากบอกพ่อแม่ว่าไม่อยากคบกับเขา แล้วถ้าชางกวนโม่มาหาเรื่องพ่อกับแม่เธอแทนล่ะ?! เธอไม่อยากเพิ่มปัญหาให้กับครอบครัว เธอแค่อยากจะเล่นกับชางกวนโม่ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามักจะได้สิ่งที่ต้องการเสมอก็ได้ ท่าทางขัดขืนของเธอทำให้เขาสนใจขึ้นมาแทนหรือเปล่า?!
หลังจากคิดอย่างเงียบ ๆ มู่หรงเสวี่ยก็คิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงเรื่องนี้ ทันทีที่เขาได้สติ ทันทีที่เธอเชื่อฟังเขา เขาก็จะเกลียดเธอขึ้นมาทันที
มู่หรงเสวี่ยมุ่งมั่นที่จะเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายโดยไม่มีเงื่อนไข!!! ตลกจริงๆ!!! ช่างเป็นการมองโลกในแง่ดีจริงๆ!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ มู่หรงเสวี่ยซึ่งในที่สุดก็ได้สติขึ้นมาเล็กน้อยให้กำลังใจตัวเอง เธอลุกขึ้นยืนไม่ไหวแม้จะอยากลุกก็ตาม เธอต้องยอมรับราคาของการได้กลับมาเกิดใหม่ ตราบใดที่ครอบครัวของเธอปลอดภัย เธอก็พร้อมที่จะทำ
มู่หรงเสวี่ยไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อชางกวนโม่ แต่เธอยังจำได้ว่าในชีวิตที่แล้วมีหญิงสาวชั้นสูงในเมืองหลวงชื่อหลี่เสี่ยงหรง ซึ่งไม่รู้ว่าเธอทำอะไรให้ชางกวนโม่ไม่พอใจ วันรุ่งขึ้นหุ้นของบริษัทหลี่ตกลงและผู้อาวุโสของตระกูลหลี่ถูกจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาครอบครองสินค้าเถื่อนมากมาย มีเพียงแต่หลี่เสี่ยงหรงเท่านั้นที่ไม่รู้ว่าหายตัวไปไหน? แต่มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าชะตากรรมของเธอจะต้องแย่กว่านั้นแน่ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้มู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
เธอจะดูแลเขาเหมือนแม่ดูแลลูก เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องตระกูลมู่หรง โดยไม่สนใจว่ามันเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเธอ
หื้อ หื้อ หื้อ! เธอทรุดลงไปกับพื้น! เธออยากที่จะร้องไห้ทำใจก่อนที่จะเริ่ม!
เธอเก็บเสื้อผ้าโดยไม่ดู โทรหาครอบครัวบอกว่าเธอจะไปค้างบ้านเพื่อนสักพักเพื่อติวหนังสือ แล้วก็ขับรถไปที่จวงหยวนเพื่อไปหาชางกวนโม่
“นายหญิงน้อย” มู่หรงเสวี่ยที่มาถึงประตูต้องรู้สึกตกใจเพราะชายสองคนที่ยืนอยู่ที่ประตู
“ฉันไม่ใช่นายหญิงน้อยของนาย เรียกฉันว่าคุณมู่หรงก็พอ” มู่หรงเสวี่ยอธิบาย
“ครับ นายหญิง” เขาตอบอย่างไม่แยแส
คำตอบนี้ทำให้มู่หรงเสวี่ยถึงกับพูดไม่ออก!
เธอลากกระเป๋าเดินทางใบเล็กเข้าไปด้านใน ไม่เห็น ชางกวนโม่อยู่ในห้องนั่งเล่น
มู่หรงเสวี่ยเดินขึ้นไปและเห็นประตูห้องทำงานเปิดอยู่ แน่นอนว่าชางกวนโม่ยังคงอ่านเอกสารในมือและไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เขาคิดว่าเป็นลูกน้องที่เข้ามา “มีเรื่องอะไร?”
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยได้เห็นท่าทางปกติของเขา ท่าทางที่ดูจริงจังดูเหมือนจะหล่อมากขึ้น ปกติจะเห็นแต่เขาโกรธ ทำให้เธอลืมรูปลักษณ์ที่สวยงามของเขาไปเลย
เป็นเวลานานที่ไม่ได้ยินคำตอบ ชางกวนโม่จึงเงยหน้าขึ้นมองด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แต่พบว่าเป็นมู่หรงเสวี่ยเองที่กำลังยืนมองเขาอยู่ที่ประตูพร้อมด้วยกระเป๋าลากที่อยู่ในมือ รอยยิ้มแวบขึ้นในดวงตาของเขา แม้แต่งานที่น่าเบื่อในตอนนี้ก็ยังรอก่อนได้
“เธอมาแล้ว นั่งตามสบายเลยนะ เดี๋ยวฉันทำงานเสร็จแล้วจะไปคุยด้วยนะ!”
นี่ … นี่ใครกัน?!!! น้ำเสียงอ่อนโยนนี่มันอะไรกัน?!!!
นี่เป็นอีกครั้งที่เป็นตัวยืนยันว่าเขามีหลายบุคลิกและอารมณ์ของเขาก็คาดเดาไม่ได้
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าอย่างแข็งๆ วางกระเป๋าเดินทางในมือ หยิบนิตยสารแล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่ออ่าน
ชางกวนโม่รีบอ่านเอกสารให้เร็วขึ้น แฟนของเขามา ดังนั้นเขาจึงไม่อยากจะปล่อยเธอให้นั่งคนเดียว เขาต้องรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ แล้วจะได้ไปอยู่กับแฟน เมื่อวานนี้เขาคุยกับลูกน้องและรู้ว่าเด็กสาวต้องการให้เขาอ่อนโยนด้วย ดังนั้นเขาควรจะอยู่กับเธอให้มากขึ้น แล้วเขาก็ต้องซื้อของขวัญให้เธอด้วยเพื่อที่แฟนสาวของเขาจะได้มีความสุข
แต่เดิมต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการทำงานให้เสร็จ แต่ชางกวนโม่บีบเวลาให้เหลือแค่ครึ่งชั่วโมง เขาอยู่ในเมืองได้ไม่ตลอดเวลา งั้นเวลาที่เขาอยู่ที่นี่ เขาจะหาเวลาเพื่ออยู่กับเธอ
เขาลุกขึ้นแล้วมานั่งผ่อนคลายที่โซฟาเพื่อมองมู่หรงเสวี่ยที่กำลังอ่านนิตยสาร แล้วอยู่ดีๆก็รู้สึกพอใจในหัวใจขึ้นมาทันที