บทที่ 6 โต๊ะแห่งการพิจารณา
“รุ่นพี่หยาง ร้านอาหารจีนแห่งนี้เป็นของคุณจริงๆเหรอ?! รสชาติดีมากเลย!” มู่หรงเสวี่ยคิดว่าตัวเองควรสร้างธุรกิจของตัวเองบ้างแล้ว แถมต้องรีบๆทำมันด้วย
ก่อนที่เธอจะได้เกิดใหม่ ในชีวิตที่แล้ว เธอจำได้ว่า เสี่ยวเข่อลี่บอกว่าในไม่ช้าตระกูลมู่หรงจะล้มละลาย มันน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว ดังนั้นเธอจึงต้องเข้มแข็งกว่าเดิม เมื่อทุกอย่างในอยู่ช่วงเวลาที่รีบเร่งและรู้ว่าร้านอาหารจีนแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของหยางเฟิงจริงๆ เธอจึงเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้
เสี่ยวเข่อลี่ที่ถูกขโมยบทสนทนาไปรู้สึกโกรธมาก
หลังจากที่ได้เห็นหยางเฟิงนั่งลง หล่อนก็รีบนั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างๆหยางเฟิงทันที
ในตอนที่ไป๋ไซฮ่าวเห็น เขาถึงกับต้องหยุดเดินแล้วไปหาที่นั่งตรงอื่นแทน ในที่สุดเขาก็ได้ที่นั่งข้างๆโม่อ้ายลี่
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่โม่อ้ายลี่เห็นโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ารับประทาน เธอก็แทบจะอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ลิ้มลอง ดวงตาของเธอเปล่งประกายประหนึ่งว่าเห็นกองเพชรพลอยอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่นั้นที่กำลังจับจ้องอยู่ที่อาหาร ดูไม่เหมือนกับว่ากำลังจ้องอาหารอยู่เลยสักนิด! ประกอบกับท่าทางของเธอที่แสดงออกมาที่ไร้ซึ่งการเสแสร้งใดๆแล้ว ตอนนี้มันได้ดึงดูดสายตาของไป๋ไซฮ่าวไปเสียแล้ว เขาคิดว่าเธอน่ารักมาก! น่ารัก น่ารักจังเลย!
“ฮ่าฮ่า ตลกดีนะ ฉันขำจริงๆนะเนี่ย” หยางเฟิงรู้ตัวตนของมู่หรงเสวี่ย คุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรงที่ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เธอไม่ต้องอิจฉาเขาเลยแม้แต่น้อย
“รุ่นพี่หยาง มีอะไรให้ขำงั้นเหรอ? ร้านอาหารจีนใหญ่โตขนาดนี้ต้องใช้ความสามารถในการบริหารมากแน่ๆเลย” เสี่ยวเข่อลี่ทนนั่งเงียบไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงรีบพูดออกมา เพื่อแสดงตัวตนว่าเธอเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเสี่ยวเข่อลี่ ฝ่ายมู่หรงเสวี่ยเกือบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดเสี่ยวเข่อลี่ก็อดไม่ได้ที่จะ “สู้” เพื่อหยางเฟิง
อย่างไรก็ตามจากท่าทางของหยางเฟิงดูแล้วไม่ใช่คนที่จะดึงมาร่วมด้วยง่ายๆ โดยเฉพาะในตอนที่เขามีประสบการณ์โต้เถียงกันที่สระน้ำมาก่อน เสี่ยวเข่อลี่ไม่สามารถปกปิดความคิดที่รอบคอบของหยางเฟิงไว้ได้
ส่วนไป๋ไซฮ่าว เขาอยากพูดคุยกับโม่อ้ายลี่ แต่น่าเสียดายที่ อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเขาเลยสักนิดเดียว
สิ่งเดียวที่เธอสนใจในตอนนี้ก็คือ การกิน! เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เสน่ห์และความหล่อของเขามันน่าสนใจน้อยกว่าอาหารที่อยู่บนโต๊ะตั้งแต่เมื่อไรกันนะ?
“ขอบคุณนะ แล้วคุณหนูมู่หรงล่ะ? เธอสนใจเหรอ?” หยางเฟิงพยักหน้าตอบและส่งยิ้มให้เสี่ยวเข่อลี่ จากนั้นก็หันกลับมาที่มู่หรงเสวี่ยที่นั่งอยู่ระหว่างหยางเฟิงกับโม่อ้ายลี่
ครอบครัวของตระกูลหยางเฟิงกับตระกูลมู่หรงเป็นเพื่อนที่ดีกันมานานแล้ว ขนาดในสายตาของผู้ใหญ่ด้วยกันเองยังคิดว่าหยางเฟิงไม่ควรมองข้ามมู่หรงเสวี่ยเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือ วันนี้เขาเองก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เป็นข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือ เพราะหลังจากที่ได้เจอกับเธอ เขากลับรู้สึกประทับใจในตัวมู่หรงเสวี่ยเป็นอย่างมาก เธอทั้งมีน้ำใจ ไม่เสแสร้ง แต่งตัวตามสมัยแถมยังวางตัวดีมากๆอีกด้วย สมแล้วที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรง เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่ามีข่าวลือแบบนั้นออกมาได้ยังไงหรือมาจากไหน
เป็นแบบนี้อีกแล้ว… ทุกครั้งต้องเป็นมู่หรงเสวี่ยตลอด ทุกคนต้องอยากรู้จักกับมู่หรงเสวี่ย ถ้าเธอไม่รวยก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจ
หลังจากที่เห็นหยางเฟิงแค่พยักหน้าให้เธอและหันกลับไปคุยกับมู่หรงเสวี่ย ความอิจฉาริษยาก็ลุกโชนขึ้นมาในทันที สักวันฉันจะเหยียบมู่หรงเสวี่ยด้วยเท้าของตัวเองให้ได้เลย คอยดูสิ!
“รุ่นพี่หยาง เสี่ยวเสวี่ยเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรง คงไม่ต้องทำอะไรหรอก ถ้าฉันสนใจทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ฉันขอปรึกษาคุณได้ไหม?” เสี่ยวเข่อลี่จงใจทำให้คำพูดของเธอดูน่าสนใจ
“นี่ ถึงฉันจะเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่หรง แต่ตระกูลมู่หรงก็ส่วนของตระกูลมู่หรงสิ ส่วนฉันก็คือฉัน ฉันจะพึ่งตระกูลไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก พอเห็นความสามารถของรุ่นพี่ หยางแล้ว ฉันเองก็อยากลองทำดูบ้างจัง สงสัย ฉันคงต้องขอคำแนะนำจากรุ่นพี่หยางบ้างแล้วล่ะ แต่ฉันก็กลัวว่าจะทำให้รุ่นพี่หยางรำคาญจัง…” มู่หรงเสวี่ยหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมแสดงท่าทางราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดแบบนั้นออกมา
“นี่พวกเธอจะชมฉันเกินไปแล้ว เอาเป็นว่า ฉันอาจจะสอนอะไรเธอได้ไม่มาก แต่พวกเราลองพูดคุยกันดูก่อนได้นะ” หยางเฟิงตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันบอกได้เลยนะคุณหนูมู่หรง เธอคงไม่ชอบวิธีของ หยางเฟิงหรอก” ในที่สุดไป๋ไซฮ่าวก็หยุดสนใจเรื่องอาหารและหันมาร่วมวงสนทนาด้วย
ประหนึ่งพี่กับน้อง เห็นนิสัยที่แท้จริงของกันและกัน ไม่ได้มองแบบที่คนที่อยากจะเข้าใกล้หยางเฟิงมอง เขาสงสัยจนต้องมองกลับไปทางมู่หรงเสวี่ย เมื่อเธอได้เห็นสีหน้าของเขาจึงมองกลับไปยังไป๋ไซฮ่าวด้วยสายตาที่กำลังมองคนงี่เง่าคนหนึ่งอยู่
ไป๋ไซฮ่าวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ในตอนที่เห็นท่าทางแปลกๆของมู่หรงเสวี่ย เขาก็อยากลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากโต๊ะไปทันที
หรือว่าเราจะทำตัวงี่เง่าเกินไป? คนที่โรงเรียนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามู่หรงเสวี่ยชอบหยางเฟิง ไม่ใช่เขาสักหน่อย แล้วอยู่ดีๆข่าวลือพวกนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ ถ้าหากว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันก็ต้องมีความจริงอยู่บ้าง ส่วนจะมากหรือน้อย เรื่องนี้คงตอบให้ไม่ได้เหมือนกัน เธอเองก็จะไปโทษเขาที่คิดแบบนั้นไม่ได้เช่นกัน
หยางเฟิงเห็นสายตาแปลกๆของทั้งคู่ที่กำลังสบตากัน ราวกับว่าทั้งสองคนกำลังพยายามทำความเข้าใจกันและกันอยู่ เขาจึงยิ้มอย่างมีความสุขจนเห็นฟันขาวกระจ่างที่มองแล้วแสบตาออกมา
ในตอนที่ไม่มีใครสนใจเธอ สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ก็หมองลงในทันที
“อ้ายลี่ ถึงมันจะอร่อยขนาดไหน แต่เธออย่ายัดมันเข้าไปเลยนะ ระวังปวดท้องนะ ถ้าเธออยากกินอีก เอาไว้คราวหน้า ฉันจะเป็นคนพาเธอมากินเอง!” หลังจากได้ยินในสิ่งที่เสี่ยวเข่อลี่พูด คนที่สนใจอาหารมากที่สุดในตอนนี้ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมาจากกองอาหารมากมาย
เห็นว่าเธอดูเหมือนคนที่ยังสับสนอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี ไป๋ไซฮ่าวรู้สึกสับสนอยู่ในหัวใจจริงๆ แล้วอย่างนี้ เขาควรจะทำยังไงดีล่ะ? อ้ายลี่น่ารักมากเลยอ่ะ ฮึ่ย เหมือนกับเสี่ยวไป๋ที่บ้านเลย น่ารักจัง
ไม่แปลกที่โม่อ้ายลี่จะไม่มีปัญญามากินที่สถานที่แบบนี้ เพราะปกติเธอมักจะสวมกางเกงยีนและเสื้อยืดธรรมดาๆที่ไม่ใช่แบรนด์ดังอะไร และมักจะเดินมาโรงเรียนเอง ครอบครัวของเธอไม่ได้มีฐานะดีเท่าไหร่นัก อย่างมากก็เป็นครอบครัวชนชั้นกลางที่กินเงินเดือน ทำให้เธอไม่มีโอกาสที่จะได้มาสนิทกับมู่หรงเสวี่ย
“ไม่เป็นไรจ้า ถ้าฉันอยากกินอีก ฉันจะให้เสี่ยวเสวี่ยพามาเอง เพราะว่าเสี่ยวเสวี่ยบอกว่าจะพาฉันมาที่นี่อีก ใช่ปะ?” แน่นอนว่าอ้ายลี่ไม่ใช่คนโง่ เธอเข้าใจความหมายของเสี่ยวเข่อลี่ แต่เธอไม่สนใจคนที่ไม่ได้สนิทเท่าไรนัก ยิ่งกับคนที่มองแค่เรื่องฐานะของครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
เทียบกันแล้ว เธอรู้สึกดีกับมู่หรงเสวี่ยมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้น เธอเป็นคนที่ไม่ได้สนใจเรื่องฐานะอะไรมากขนาดนั้น เธอจึงตัดสินใจเลิกพูดถึงเรื่องนี้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ใช่ๆ ไว้ฉันจะพาเธอมาเองนะ” เมื่อมู่หรงเสวี่ยเห็นว่าอ้ายลี่ไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่าย เธอจึงตอบรับคำตามที่ได้ยินมาทันที ถ้าคนอื่นไม่สนใจ เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดอะไรเพิ่มเติมอีก นอกจากนั้น ตรงนี้ก็ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนอยู่ด้วย ทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่เข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้สักหน่อย
ถัดมา พวกเขาก็พูดคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนต่างก็แยกย้ายกลับไปเข้าเรียนต่อ
อย่างไรก็ตามสำหรับมู่หรงเสวี่ยแล้ว อาหารมื้อนี้เรียกได้ว่าดีแต่ว่าทั้งหมดเลยก็คงไม่ใช่เพราะเสี่ยวเข่อลี่
หัวใจของเธอถูกเติมเต็มก็จริง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด หยางเฟิงกับไป๋ไซฮ่าวเป็นคนดี การได้พบกับทั้งสองนับว่าคุ้มแล้ว
ทุกคนในที่นี้ต่างแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกัน เผื่อว่าในอนาคตจะได้มีโอกาสพบปะกันอีกครั้งนั่นเอง