บทที่ 75
เปิดใจ
มู่หรงเสวี่ยกลับมาที่อะพาร์ตเมนต์และนั่งลงที่โซฟา
หยางเฟิงไอ้บ้าเอ๊ย! เธอหลับตาลงและคิดว่าทุกอย่างมันยุ่งเหยิงไปหมด! เธอเป็นอะไรเนี่ย? ในที่สุดก็ได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว เธอระวังตัวตลอด ความรู้สึกของเธอลึกขึ้นและวุ่นวายไปหมด
หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังปลุกมู่หรงเสวี่ยที่เกือบจะเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยล้า
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆ ใครกันที่จะมาหาเธอในเวลานี้?!!
ทันทีที่เธอเปิดประตู ก็พบว่าเป็นหยางเฟิง
“มู่หรงเสวี่ย เธอโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไง?” ทันทีที่หยางเฟิงเห็นมู่หรงเสวี่ย เขาก็ดึงเธอเข้าหาตัวและกอดเธอไว้ เขาควบคุมอารณ์ที่ปั่นป่วนของตัวเองไม่ได้ เขาพยายามที่จะลืมเธอมาหลายวันแต่ก็ยังทำไม่ได้ ทุกวันเขาจะใช้เหล้ามอมตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็ปปวดในหัวใจ
“หยางเฟิงปล่อยฉันก่อน!” มู่หรงเสวี่ยผลักหยางเฟิงออก โอเค ผลักไม่ออกเลย!
“ไม่ปล่อย เธอใจร้ายแบบนี้ได้ยังไง ฉันทำให้เธอเกลียดถึงขนาดไม่ยอมไปโรงเรียนเพื่อที่จะหลบหน้าฉัน…” น้ำเสียงแหบแห้งด้วยความเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ได้ดังเข้ามาในหูของ มู่หรงเสวี่ย
หยางเฟิงจูบเธอที่อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างบ้าคลั่ง เขาต้องการเธอ!!!
มันเป็นการจูบอย่างบ้าคลั่ง, หนักแน่นและบ้าบิ่น
ความหนักแน่นและความอ่อนหวานคือความต้องการลึกๆของเขา เขาต้องการอีก ผมดำยาวของเธอ ท่าทางที่สวยงาม ร่างกายที่อ่อนนุ่ม เสียงที่น่าหลงใหลและทั้งหมดของเธอ เขาอยากที่จะทำให้เธอเป็นของเขา เป็นของเขาคนเดียวทั้งหมด
มู่หรงเสวี่ยขัดขืนและขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง เธอไม่อยากให้คนอื่นแตะต้องเธอนอกจากชางกวนโม่
โชคไม่ดีที่ความแข็งแรงของผู้ชายและผู้หญิงมันต่างกันมาก แขนที่แข็งแรงของหยางเฟิงกดมือเธอไว้แน่น และมืออีกข้างก็เริ่มที่จะลูบไล้ไปทั่วร่างที่อ่อนนุ่มทั้งบนและล่าง เขาเสียสติไปแล้ว
“…” เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าของมู่หรงเสวี่ยดังขึ้นมา แต่ตอนนี้ทั้งสองคนไม่สังเกตเห็นเลย
มู่หรงเสวี่ยกัดริมฝีปากของหยางเฟิงอย่างแรง และกลิ่นเลือดก็กระจายไปทั่วในทันที ความเจ็บปวดทำให้หยางเฟิงได้สติ เขาหยุดและพิงลงที่ไหล่ของมู่หรงเสวี่ย
ตอนนี้เธอคงจะเกลียดเขามากกว่าเดิมอีก “เสี่ยวเสวี่ย ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย? ถึงได้ทำให้เธอเกลียดฉันได้ขนาดนี้ บอกฉันทีแล้วฉันจะเปลี่ยนทุกอย่างเลย…”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเย็นๆที่คอและหัวใจเธอก็สั่นรัว “เพื่อนกัน นายน่าจะเข้าใจฉันนะ ฉันไม่ได้เกลียดนายจริงๆหรอก…” แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบด้วย
ยังคงกอดอยู่แน่น “งั้นทำไมเธอถึงไม่ไปโรงเรียนหรือแม้แต่จะติดต่อมา…” ในตอนนั้น เขาตามหาจนทั่วทั้งที่ห้องเรียน, ที่อะพาร์ตเมนต์และแม้แต่ที่บ้านตระกูลมู่หรง เขาถึงขนาดไปหาเธอแต่ก็ไม่เจอเธอที่ไหนเลย
“หยางเฟิงนายควรจะปล่อยฉันก่อนนะ ถ้านายเข้าใจฉันจริงๆนายก็ควรที่จะปล่อยฉันก่อน…” เธอไม่คิดเลยว่าในเวลานั้นที่เธอไปเมืองหลวงจะมีผลกระทบกับหยางเฟิงขนาดนี้ เธอไม่น่าหนีเขาไปเลย อย่างน้อยในฐานะเพื่อนเธอก็ควรจะบอกเขาว่าไปไหน โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ น่าจะเป็นตอนที่เธอซ่อนตัวอยู่ในมิติลับ
หยางเฟิงค่อยๆปล่อยเธอและเช็ดน้ำตาเธอด้วยมือของเขา
มู่หรงเสวี่ยทนไม่ได้ เธอดึงมือเขาและพามานั่งที่โซฟา แล้วก็เทน้ำชาให้เขา “หยางเฟิงดื่มชาก่อนนะจะได้สร่างเมาบ้าง!”
หยางเฟิงดื่มชาเข้าไปอึกใหญ่ อันที่จริงเขาไม่ได้เมา ถ้าเขาอยากจะเมา เขาก็คงไม่ต้องทรมาน
เมื่อหันหัวมาและมองมาที่เธอ เขาก็เห็นว่ามู่หรงเสวี่ยมีรอยแดงจากการถูกลวกอยู่ที่มือ เขาถามออกไปอย่างตกใจ “เสี่ยวเสวี่ย มือเธอไปโดนอะไรมา?”
มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจที่จะมองมือตัวเองซึ่งอาการดีขึ้นมากแล้ว ไม่เหมือนวันแรกที่ยังบวมอยู่ วันนี้เธอจึงไม่ได้พันผ้าพันแผลแล้วบวกกับยาเทพจากมิติลับของเธออีก อย่างมากอีกสักสองวันรอยต่างๆก็คงหายไปแล้วล่ะ “ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่อุบัติเหตุน้ำร้อนลวกธรรมดาๆเอง”
“ทำไมเธอไม่ระวังเลยล่ะ? แล้วทำไมไม่ทายา? ที่บ้านมีขี้ผึ้งหรือเปล่า?” หยางเฟิงลุกขึ้นอยากจะเดินไปหากล่องยา
มู่หรงเสวี่ยดึงเขาไว้ “ฉันไม่เป็นไร เมื่อสองวันที่แล้วฉันไปหาหมอมาแล้วและนี่มันก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย ฉันไม่ต้องใช้ยาหรอก”
“ไม่นะ มือเธอยังแดงอยู่เลย ยาอยู่ไหนล่ะ? ฉันจะลงไปซื้อยาข้างล่างมาให้” แล้วเขาก็เหมือนจะเดินไปที่ประตู
มู่หรงเสวี่ยตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ที่บ้านก็มียา ไม่ต้องลงไปข้างล่างหรอก” เธอทำได้เพียงลุกขึ้นและเดินไปหยิบขี้ผึ้งทาน้ำร้อนลวกออกมาจากกล่องยาและเตรียมที่จะเอามาที่มือ หยางเฟิงซึ่งเร็วกว่ารีบดึงไปจากมือ เปิดฝาออก “ฉันช่วยทาให้เอง เธอทาเองคงยังไม่สะดวก”
เธอเห็นท่าทางเย็นชาของเขา จึงไม่ได้ปฏิเสธ และยืนมือส่งให้อย่างเชื่อฟัง
“ฉันไปเมืองหลวงเพื่อร่วมงานการประชุมหินการพนันนานาชาติมาตลอดทั้งเดือน ฉันไม่ได้พยายามจะหลบหน้านาย ฉันพักที่ชานเมืองโทรศัพท์ก็เลยไม่มีสัญญาณ ฉันขอโทษนะหยางเฟิง…” มู่หรงเสวี่ยอธิบายด้วยเสียงต่ำๆ
หยางเฟิงถาม รีบเงยหน้าขึ้นมามองมู่หรงเสวี่ยทันที แสงแวบเป็นประกายในดวงตาของเขา “จริงเหรอ? ไม่ได้หลบหน้าฉันเหรอ?” ท่าทางที่กำลังทายาที่มือไม่ได้หยุดและไม่นานก็ทาขี้ผึ้งเสร็จ
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอ่อนๆ “ใช่สิ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? แล้วฉันจะหลบหน้านายได้…”
หยางเฟิงกอดเธอด้วยความตื่นเต้น “เยี่ยมเลย เธอไม่ได้เกลียดฉัน”
“หยางเฟิงปล่อยฉันก่อนได้ไหม” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกแปลกๆเสมอ เขาจะไม่กอดเธอได้ไหมเนี่ย
“ฉันขอโทษ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย…” กลิ่นหอมในอ้อมกอดเขาทำให้ใจเขาเต้นรัว แต่เขาก็ต้องสงบมันไว้
“หยางเฟิงฉันมีบางเรื่องต้องบอกนาย” มู่หรงเสวี่ยคิดอยู่นานก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
“พูดมาเลย” ตราบใดที่เธอไม่ได้หลบหน้าเขา ตราบใดที่เธอไม่ได้เกลียดเขา
มู่หรงเสวี่ยกัดปากตัวเองและพูดออกมาว่า “หยางเฟิงฉันมีคนที่ชอบ…” เธอคิดว่ามันคงจะดีกับหยางเฟิงมากกว่าถ้าพูดเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถ้าเธอปล่อยให้เขายังมีความหวัง ก็คงจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดอีก
“ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ เธอไม่ได้ชอบเขาหรอก”
มู่หรงเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่นะ ฉันชอบเขาจริงๆ ตอนแรกฉันก็ไม่เต็มใจแต่ต่อมาฉันก็ห้ามใจไม่ได้ที่จะหลงรักเขา หัวใจฉันไม่ใช่ของฉันแล้ว…”
เมื่อเสี่ยวเสวี่ยพูดถึงชางกวนโม่ สายตาของเธอมีประกายของความรัก เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นความรักจริงๆ เขาล้มตัวพิงไปที่โซฟา “เขาดีกับเธอหรือเปล่า?” ตราบใดที่เขาดีกับเธอ เขาก็จะยอมแพ้ให้
มู่หรงเสวี่ยแสดงสายตาเจ็บปวด เธอคิดถึงเรื่องที่ชางกวนโม่ผลักเธอออกอย่างแรงและการที่ไม่โทรหาเธอมาหลายวันแล้วด้วย “เขาดีกับฉันมากเลยจริงๆ…”
หยางเฟิงจะมองท่าทางของเธอผิดไปได้ยังไง ความรู้สึกของความเจ็บปวด… “เธอโกหก! เขาไม่ดีกับเธอ ใช่ไหม?” เขาได้ผู้หญิงที่ล้ำค่าที่สุดไป ทำไมเขาถึงไม่ถนอมเธอ… สีหน้าเจ็บปวดของเธอทำให้หัวใจเขาเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก
“หยางเฟิงนายไม่เข้าใจหรอก ไม่ว่าเขาจะทำยังไงกับฉัน ฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดี อีกอย่างมันก็แค่ฉันรักเขาสุดหัวใจ ไม่ใช่เรื่องอะไรของนาย…”
เขาจะไม่เข้าใจได้ยังไง เขาแค่กลัวว่าเธอจะทนความเจ็บปวดของความรักไม่ไหว “เสี่ยวเสวี่ย ขอฉันได้ไหม? ถึงแม้เธอจะไม่รักฉันแต่ฉันจะดูแลเธออย่างดี ฉันจะดูแลเธออย่างดีไปตลอดชีวิต เธอลองคิดดูอีกทีได้ไหม?” เขายินดีที่จะดูแลเธอไปตลอดชีวิตของเขา ถึงแม้เธอจะไม่รักเขาก็ตาม
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น “หยางเฟิงนายโง่แบบนี้ได้ยังไง ฉันมีดีอะไรทำไมนายต้องทำแบบนั้นด้วย”
“ถ้าเขาไม่ดีกับเธอ ถ้าเธอต้องเสียใจ อ้อมแขนของฉันยินดีที่จะเปิดต้อนรับเธอเสมอ…”
มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจ “หยางเฟิงนายไม่ต้องทำแบบนี้หรอก นายต้องเจอความสุขที่นายคู่ควร จะมาเสียเวลากับฉันทำไม?”
“มันเป็นคำมั่นสัญญาของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลย” หยางเฟิงมองเธอ
“หยางเฟิง สัญญากับฉันนะว่าต่อไปอย่าทำร้ายตัวเองอีก โอเคไหม? รักตัวเองหน่อย”
“เธอสนใจด้วยเหรอ?” เขาช่วยไม่ได้ที่จะยังมีความหวัง
มู่หรงเสวี่ยเองก็มองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา “ในฐานะเพื่อน ฉันสนใจ!”
พอแล้ว ตราบใดที่เธอยังคงแคร์เขาอยู่ เขาก็รู้สึกว่าพอแล้ว “ได้ ฉันสัญญา!”
มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่อยากให้หยางเฟิงรู้สึกหดหู่ต่อไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปนานทั้งสองเปิดใจคุยกันจนในที่สุดก็จบเรื่องไม่สบายที่มีในหัวใจของกันและกันได้ ถึงแม้ผลที่ได้จะไม่ค่อยเป็นอย่างที่หวังไว้เท่าไรแต่อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเขินอายต่อกันอีกต่อไป
กลางดึกคืนนั้น หยาเฟิงลุกขึ้นและกลับออกไป
มู่หรงเสวี่ยอาบน้ำเสร็จแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็เจอว่ามี 3 สายที่เธอไม่ได้รับจึงกดเข้าไปดู ดวงตามู่หรงเสวี่ยเบิกกว้าง เป็นชางกวนโม่!!!
เธอรีบกดโทรกลับทันที เธอคิดถึงเขาและอยากที่จะได้ยินเสียงเขามากจริงๆ
แต่ไม่มีใครรับสาย มู่หรงเสวี่ยกดโทรกลับไปอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีใครรับสาย
ทำไมถึงไม่รับสายนะ?!!! ยุ่งอยู่เหรอ
เธอวางโทรศัพท์ลงอย่างผิดหวัง เพียงแค่ไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกันแต่เธอกลับรู้สึกเหมือนว่ายาวนานมาก แม้แต่เหตุผลที่เธอยังโกรธเขาอยู่ก่อนหน้านี้ก็ดูเหมือนจะเทียบไม่ได้กับความคิดถึงในตอนนี้
หลังจากที่คิดเรื่องนี้ เธอก็ยังส่งข้อความกลับไปหาเขา: พี่โม่ ฉันคิดถึงคุณ
…
ที่อีกฝั่งของประเทศ C ในที่สุดชางกวนโม่ก็ประชุมเสร็จและเปิดเครื่องโทรศัพท์ เขาเจอว่ามี 2 สายโทรเข้ามาและ 1 ข้อความสั้นๆ ในนาทีนั้นตอนที่เขาเปิดข้อความ เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาอยากที่จะรีบกลับไปในทันที เขาอยากที่จะโทรกลับแต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ฝั่งเสี่ยวเสวี่ยคงจะดึกมากแล้วจึงกลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของเธอ เขาจึงอดทนรอและตอบกลับข้อความไปแทน: ฉันก็คิดถึงเธอ รอฉันด้วยนะ!
เช้าวันต่อมา มู่หรงเสวี่ยเห็นข้อความของชางกวนโม่และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา นี่เป็นรอยยิ้มที่หวานที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามที่เมืองหลวง ไป๋เสวี่ยหลี่สั่งให้คนไปสืบเรื่องตัวตนของมู่หรงเสวี่ยและเจอว่าเธอเป็นแค่ตระกูลเล็กๆในจังหวัด เธอมีประกายความเจ้าเล่ห์ราวกับงูพิษอยู่ในแววตา