บทที่ 85
จิตใจของเสวี่ยหลี่
เสวี่ยหลี่ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที น้ำตาไหลเอ่อล้นลงมา “พี่โม่…ฉันไม่รู้…มีคนเอาซองมาส่งให้ฉันที่บ้าน…เมื่อเปิดออกดูก็เจอรูปพวกนี้อยู่ข้างใน…ตอนที่เห็นฉันโกรธมาก” เธอวางตะเกียบลง ก้มหัวเล็กน้อย เผยให้เห็นลำคอขาวนวลราวเครื่องเคลือบและผมยาวที่ระลงมาซึ่งทำให้เธอยิ่งดูสำนึกผิดเข้าไปใหญ่ในตอนนี้ “พี่ชาย ที่มือของมู่หรงเสวี่ย…มันเป็นเพราะฉัน…ฉันไม่ดีเอง…”
น้ำตาไหลรินลงมาเรื่อยๆจนสุดท้ายเปียกผ้าปูโต๊ะจนชุ่ม “พี่โม่ ฉันทำพลาดเอง…ขอโทษนะคะ…โทษฉันเถอะ…หลายวันที่ผ่านมาฉันรู้สึกผิดมากและไม่รู้ว่าจะทำยังไง…เสี่ยวเสวี่ยคือคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้แท้ๆ…ฉันรู้ว่าไม่ควรทำแต่สำหรับฉัน ไม่มีใครจะมาเทียบพี่ชายได้…”
“เห็นคนที่เอามาส่งไหม?” ชางกวนโม่รีบถามถึงจุดสำคัญของปัญหานี้ทันที และในหัวใจไม่มีข้อสงสัยในตัวไป๋เสวี่ยหลี่เลย
เสวี่ยหลี่ส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันไม่เห็นเลย…”
ชางกวนโม่ขมวดคิ้วและนึกถึงความเป็นไปได้อยู่ในหัวแต่ก็นึกถึงคนที่ควรจะทำไม่ออก…ทันใดนั้นเขาก็นึกถึง ฉินเมิ่งหยาที่เจอกันที่งานประชุมหินการพนัน ใช่หรือเปล่านะ?!!!
เสวี่ยหลี่เห็นสีหน้าของชางกวนโม่ที่เปลี่ยนไป ในใจเกิดความตระหนก จึงถามออกไปด้วยความกังวล “พี่โม่ กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”
ชางกวนโม่หยุดคิด มองมาที่เธอและพูดว่า “เปล่าหรอก พี่จะหาคำตอบเอง…รูปพวกนั้นไม่ใช่ของจริง…สั้นๆคือเรื่องเสี่ยวเสวี่ยเป็นการเข้าใจผิด…พี่ทำผิดกับเธอ…”
ไป๋เสวี่ยหลี่กำหมัดแน่น “พี่ชาย เป็นความผิดฉันเอง…ฉันจะอยู่ดูแลเสี่ยวเสวี่ยเอง…ปกติพี่ชายก็ยุ่งอยู่แล้วเดาว่าคงไม่มีเวลา…”
ชางกวนโม่คิด มู่หรงเสวี่ยไม่รู้จักใครในเมืองหลวง งั้นคงจะดีกว่าถ้าให้เสวี่ยหลี่อยู่เป็นเพื่อนแต่เขาก็อดที่จะย้ำกับเธอไม่ได้ว่า “งั้นก็อยู่เป็นเพื่อนเธอหน่อย…แค่อย่าพูดถึงเรื่องแผล…อย่าพูดถึงเรื่องรูปถ่าย…” ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ยังไม่ดีเท่าไร เขากลัวว่าจะไปเตือนให้เธอนึกถึงความทรงจำที่ไม่ดี
เสวี่ยหลี่เผยรอยยิ้มอ่อนโยน “สบายใจได้เลยค่ะพี่ใหญ่! ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง…”
ชางกวนโม่พยักหน้า อันที่จริงจางหลินหลี่เองก็เป็นเพื่อนของเสี่ยวเสวี่ยแต่เขาก็ไม่อยากให้พวกเขาติดต่อกัน ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดแต่จางหลินหลี่ก็มีความรู้สึกที่ดีต่อเสี่ยวเสวี่ย ถึงแม้มันจะเป็นแค่เพราะเรื่องทักษะทางการแพทย์ของเสี่ยวเสวี่ยก็เถอะ…มันก็ยัง…โถ่เว้ย
ช่วงหัวค่ำน่าจะเลยทุ่มไปแล้ว มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะตื่น เธอมองไปรอบๆห้อง เปิดผ้าห่มและพยายามที่จะลุกขึ้นมอง แต่มือและเท้ายังไม่ค่อยมีแรงที่จะลุกขึ้นจากเตียง เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนที่จะหลับไป คำกระซิบของชางกวนโม่ก็ทำให้เธอยิ้มออกมา
เธอลงบันไดมาด้านล่างและรอยยิ้มของเธอก็ต้องจางหายไป เธอเจอคนที่ทำให้ไม่อยากจะเดินต่อ ไป๋เสวี่ยหลี่ น้องสาวของกวนโม่ซึ่งเป็นภรรยาของชางกวนโม่ในชีวิตที่แล้วด้วย เธอจำได้ว่าเมื่อชีวิตที่แล้ว สื่อใหญ่ต่างก็รายงานช่วงเวลาการแต่งงานของชางกวนโม่และไป๋เสวี่ยหลี่ซึ่งทำให้เกิดเสียงฮือฮามากมาย แต่เรื่องหลังแต่งงานเธอไม่รู้ต่อเพราะเธอถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินซึ่งในตอนนั้นเธอเกลียดมันมาก
“มู่หรงเสวี่ย ตื่นแล้วเหรอ? รีบลงมานั่งนี่สิ พี่ใหญ่ออกไปข้างนอกแล้วและคงไม่กลับมาเร็วๆนี้” ไป๋เสวี่ยหลี่พูดพร้อมยิ้มสดใสที่ส่งมาให้มู่หรงเสวี่ยที่กำลังยืนงงอยู่ตรงบันได
มู่หรงเสวี่ยได้สติกลับมาทันทีและยิ้มตอบซึ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกๆและพูดขอโทษออกไปเล็กน้อย “โอเคจ๊ะ เธอมาตั้งแต่เมื่อไร ขอโทษทีนะฉันหลับไปก็เลยไม่รู้…”
ไป๋เสวี่ยหลี่รีบจับมือเธอและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ฉันมาพักที่นี่อยู่บ่อยๆ แล้วก็นอนกับพี่ใหญ่ด้วยนะ ฉันรู้ว่าเธอกำลังพักก็เลยไม่ได้เรียก…” เธอนอนกับเขาจริงๆ แต่ตอนนั้นพี่ใหญ่อายุแค่ 6 ขวบและเธออายุแค่ 1 ขวบ และก็นอนเพียงไม่กี่ครั้งซึ่งเธอเองก็ได้ฟังมาจากคนอื่นเหมือนกัน
นอนด้วยกันงั้นเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยตัวแข็งและความรู้สึกขมขื่นก็กระจายไปทั่วหัวใจเธอ…พวกเขาสนิทกันขนาดนั้นเลยเหรอ…เธอก็พูดไม่ได้ว่าไม่เธอไม่สนใจ…บ้าเอ๊ย
“มู่หรงเสวี่ยเป็นอะไรไปเหรอ?” ไป๋เสวี่ยหลี่มองใบหน้าที่ซีดเผือดของมู่หรงเสวี่ยและก็อดรู้สึกมีความสุขไม่ได้ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นกังวล
มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก บางทีฉันอาจจะพักผ่อนไม่พอเลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย…” เธอไม่ชอบตัวเองเลยจริงๆ เธอปล่อยให้คำพูดธรรมดาๆมาทำให้ต้องรู้สึกแย่
“งั้นฉันจะพาเธอขึ้นไปพักนะ…” เธอไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่พี่โม่พูดก่อนจะออกไปว่าถ้ามู่หรงเสวี่ยตื่นแล้วให้เธอกินข้าวด้วย
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที เธอไม่อยากจะอยู่กับเธอเลยจริงๆ ไม่ใช่ว่าเกลียดเธอแต่ลบความรู้สึกที่ว่าเสวี่ยหลี่มีท่าทีแปลกๆเสมอออกไปจากใจไม่ได้ มันไม่ง่ายเลยจริงๆ “ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันขึ้นไปเอง…”
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็ยิ้มไปที่เธออย่างขอโทษและเดินขึ้นไป
เสวี่ยหลี่เผยรอยยิ้มที่ไม่มีใครจะเข้าใจได้
คืนนั้นในที่สุดชางกวนโม่ก็ทำงานเสร็จและกลับมา เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
“พี่โม่ กลับมาแล้วเหรอคะ?” เสวี่ยหลี่ที่ยังอยู่ในห้องนั่งเล่นพูดทักออกมาอย่างมีความสุขเมื่อเธอเห็นชางกวนโม่
ชางกวนโม่เดินต่อไปและเพียงพยักหน้าแล้วพูดเพียง “อืม” แล้วจึงเดินขึ้นข้างบนไป ไม่รู้ว่ามู่หรงเสวี่ยเป็นไงบ้าง มัวแต่เสียเวลาที่บริษัท เรื่องไม่เป็นเรื่องกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ บ้าเอ๊ย
เสวี่ยหลี่ยืนนิ่งมองร่างของชางกวนโม่ รอยยิ้มบิดเบี้ยว ความรู้สึกปนเปไปหมด
ชางกวนโม่เดินเข้าไปในห้องมืดและกดสวิทเปิดไฟและเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยนอนตัวสั่นอยู่บนเตียง ละเมอเล็กน้อย เขารีบเข้าไปแตะหน้าผากเธอ ร้อนมากเลย บ้าจริง คนอื่นหายหัวไปไหนกันหมดเนี่ย
เขารีบกดปุ่มฉุกเฉินในห้องทันที “หมอ มาที่ห้องด่วนเลย!”
ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยหน้าซีดมาก ผมเธอเปียกไปด้วยเหงื่อเย็นๆที่ผุดขึ้นทั่วใบหน้า ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างต่อเนื่อง เมื่อลองแตะตัวดูก็พบว่ามีอุณหภูมิสูงจนเขารู้สึกกลัว
ชางกวนโม่ตกใจนึกถึงภาพก่อนหน้านี้ วันที่มู่หรงเสวี่ยตัวซีดเผือดในอ้อมแขนของเขา เขารีบเข้าไปในห้องน้ำ หยิบกะละมังใส่น้ำและผ้าขนหนูออกมาเช็ดตัวมู่หรงเสวี่ย
ไม่นานหมอก็รีบวิ่งเข้ามาที่ห้องและเห็นสีหน้าตื่นตระหนกและใจเสียของคุณชายจึงรีบเข้าไปดูอาการของมู่หรงเสวี่ย
“ไม่สนใจเข้ามาดูอาการของนายหญิงน้อยบ้างเลยหรือไง? มัวหายหัวกันไปอยู่ไหนมา?!” ชางกวนโม่ใช้น้ำเย็นประคบที่หน้าผากของมู่หรงเสวี่ยระหว่างนั้นก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
หมอไม่ได้ตอบ อาการของมู่หรงเสวี่ยไม่ค่อยดี สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรักษาอาการของนายหญิงน้อยให้คงที่ก่อน เขาพูดไม่ได้ว่าคืนนี้ตอนที่กำลังจะเข้ามาดูอาการของนายหญิงน้อย คุณไป๋เสวี่ยหลี่บอกว่าอย่าไปรบกวนเธอเพราะเธอเพิ่งจะหลับไป ในฐานะเจ้าหน้าที่ระดับสูงถ้าเขาทำตามคำสั่งไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงยอมรับความผิดและไม่มีคำแก้ตัวใดๆ
หมอรีบฉีดยาให้มู่หรงเสวี่ยและเตรียมที่จะให้น้ำเกลือ…หลังจากที่ทำการรักษาเรียบร้อย เขามองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ไม่มีอาการตัวสั่นแล้ว เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วจึงหันไปบอกให้คุณชายลงโทษ
ชางกวนโม่มองเขาอย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่เพราะอาการของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้ เขาคงจะลงโทษหมอไปแล้วแต่เขายังต้องการหมออยู่
หมอยืนนิ่งอย่างมั่นคงและก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่มีใครรู้ว่าคุณชายโหดร้ายมากกว่าทุกคนในตระกูลชางกวนแค่ไหน เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาที่หลังของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
ชางกวนโม่เพียงแค่มองด้วยสายตาโหดเหี้ยมและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณลงไปข้างล่างก่อน ถ้ามีอะไรฉันจะเรียกเอง”
หมอเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่สายตาดูหมิ่นจ้องไปที่คุณชาย ชั่วขณะหนึ่งเขาก็สังเกตเห็นว่าสายตาของคุณชายเริ่มที่จะเย็นขึ้นเรื่อยๆจึงรีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เขาจะหายกลัว…เขาไม่ถูกลงโทษ…เขาโชคดีมากที่รอดมาจากเรื่องเมื่อกี้ได้
เมื่อเขาลงมาด้านล่าง ไป๋เสวี่ยหลี่ก็ขวางทางเขาไว้และถามด้วยรอยยิ้ม “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะหมอ?!”
“เปล่าครับ เพียงแค่ไปดูอาการของนายหญิงน้อย…” ถ้าไม่ได้รับอนุญาตเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้ทั้งนั้น แม้ว่าคนนั้นจะเป็นน้องสาวของคุณชายก็ตาม เขาก็บอกไม่ได้…และถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะมีท่าทางบริสุทธิ์และอ่อนหวาน แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีสิ่งร้ายๆแผงอยู่ภายใน
หมอเชื่อเสมอว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ คนที่ดูสมบูรณ์แบบนั่นแหละที่แปลกแต่เขาไม่ใช่คนมากเรื่อง ถ้าเรื่องไม่เกี่ยวกับเขา เขาก็ไม่อยากที่จะสนใจอะไรทั้งนั้น
“นายหญิงน้อยงั้นเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยเหรอ?! พี่ใหญ่กับเธอยังไม่ได้แต่งงานกัน คุณปู่ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วย แล้วจะเรียกว่านายหญิงน้อยได้ยังไง?” เสวี่ยหลี่ถามอย่างสงสัย มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจเธอกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว