ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) – ตอนที่ 90 การเติบโตของบริษัทอ้ายเสวี่ย

บทที่ 90
การเติบโตของบริษัทอ้ายเสวี่ย
วันต่อมา ตระกูลหลินพาหลินจื่อชิงมาเพื่อขอโทษ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ด้วยคำขอโทษ โชคดีที่มู่หรงเสวี่ยรู้วิธีที่จะถอนพิษให้หยางเฟิง ไม่งั้นเขาคงจะถูกทำลายไปตลอดชีวิต เหตุผลที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือหลินจื่อชิงบอกว่าเธอรักหยางเฟิง

นิสัยแบบนี้ของหลินจื่อชิงคือประเด็นความเปลี่ยนแปลงง่ายๆ เพื่อให้ได้ผู้ชายมาแม้ไม่มีวิญญาณ แบบนั้นมันมีความสุขจริงๆงั้นเหรอ?! บางทีหลินจื่อชิงอาจจะไม่ได้รักหยางเฟิงจริงๆก็ได้ เพียงแค่อยากที่จะได้มาเท่านั้น

มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจคำแก้ตัวของตระกูลหลิน สิ่งที่เธออยากจะรู้คือเธอมียากลืนวิญญาณได้ยังไง?! น่าเสียดายที่ไม่ว่าตระกูลหยางหรือตระกูลหลินจะถามเธอเท่าไร หลินจื่อชิงก็ไม่ยอมบอกแหล่งที่มาของยาพิษนี้เลย เธอกัดฟันและบอกว่าซื้อมาเอง
เห็นอยู่ชัดๆว่าโกหกแต่ไม่ว่าจะกดดันยังไงก็ไม่ทำให้หลินจื่อชิงยอมเปิดปากออกมาได้ เดาว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยแอบสั่งโม่จื่อเหวินอย่างลับๆให้ส่งคนไปคอยดูหลินจื่อชิง เธอรู้สึกว่าองค์กรนั้นต้องกลับไปหาหลินจื่อชิงแน่ๆ บางทีเธออาจจะหาเบาะแสบางอย่างจากหลินจื่อชิงได้ ยากลืนวิญญาณนี้ไม่ควรที่จะมีออกมาตั้งแต่แรกแล้ว

อย่างไรก็ตามหลายวันที่ผ่านมานี้มีข่าวดี นั่นคือการประชาสัมพันธ์ยาของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปได้รับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะกิจกรรมฟรีคลินิกซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก แน่นอนว่าเป็นเพราะคุณภาพที่ดีและผลที่ดีของยาของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ป และคนที่ได้กินยาเข้าไปต่างก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาดูสบายขึ้นกว่าแต่ก่อนมากอย่างไม่คาดคิดซึ่งได้กระตุ้นให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อสาธารณชน ในเวลานี้ชื่อเสียงบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปในเรื่องอุตสาหกรรมยาโด่งดังไปไม่มีที่สิ้นสุด…

อย่างไรก็ตามบริษัทยาอื่นๆในเมือง A ต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้เหล่าคนไข้มากมายพร้อมที่จะย้าย

แผนกยาของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปยุ่งกันอย่างมาก ตัวยาทดลองของบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ปตอนนี้อยู่ในสภาวะขาดตลาด ตอนนี้พนักงานก็ไม่ค่อยเพียงพอ ทั้งบริษัทจึงยุ่งกันมากแต่พนักงานทุกคนต่างก็มีความสุขมากเช่นกัน ครึ่งหนึ่งของพนักงานมาจากบริษัทเก่าของกู่หมิงและชื่อเสียงด้านศิลธรรมของพวกเขาก็เชื่อถือได้ ส่วนอีกครึ่งจะมาจากเหล่าทหารปลดเกษียณและสมาชิกครอบครัวของพวกเขา เมื่อบริษัทประสบความสำเร็จพวกเขาจึงมีความสุขกันมาก ในตอนแรกพวกเขาต่างก็เป็นกังวลว่าบริษัทเปิดใหม่จะไปไม่รอด แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็โล่งอกและเชื่อมั่น

มู่หรงเสวี่ยเรียกกู่หมิงเข้ามาและบอกให้มอบรางวัลให้กับพนักงานทุกคนหลังจากช่วงเวลาที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกันมา เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่จะต้องเอาใจพนักงานด้วย นอกจากนี้ช่วงที่บริษัทขาดคนก็ยังมีพนักงานส่วนใหญ่ที่พร้อมจะเข้ามาช่วยทำงานล่วงเวลาเพื่อช่วยบริษัท แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นความสมัครใจของทุกคนเอง
สำหรับบริษัทเจวี๋ยลี่กรุ๊ป กู่หมิง, ลั่วเฉิงเฟยและโม่จื่อเหวินจะคอยดูแลให้เธอ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลยแต่ตอนนี้สิ่งที่เธอเป็นห่วงคืออีกบริษัท หลังจากที่คิดเรื่องนี้เธอก็โทรหาโม่อ้ายหลี่

ทั้งสองไปเจอกันที่ร้านกาแฟเงียบๆ
โม่อ้ายหลี่เข้ามาพร้อมด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวและโยนเอกสารลงที่โต๊ะ
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้น “คุณหนู ใครทำให้ไม่พอใจอีกล่ะคะ?” แล้วเธอก็จิบกาแฟอย่างใจเย็น
“เธอยังมีหน้ามานั่งชิลจิบกาแฟอีกเหรอ” เธอกระทืบเท้าแล้วพูดต่อ “หายหัวไปไหนมาหลายวันจ๊ะ?” โม่อ้ายหลี่จับไหล่มู่หรงเสวี่ยและเขย่าอย่างสิ้นหวัง
“จะอ้วกแล้ว ปล่อยก่อน รีบปล่อยเลย…” มู่หรงเสวี่ยถูกเขย่าจนเวียนหัวจนแทบจะเป็นลม
วินาทีต่อมาโม่อ้ายหลี่ก็ปล่อยเธอ

“เธอไม่สนใจบริษัทเลยหรือไง?!!! ฉันยุ่งมากเลย…” โม่อ้ายหลี่บ่นออกมาเรื่อยๆ “จะไม่สนใจได้ยังไงล่ะ?! ที่ฉันไม่ได้เข้าบริษัทเพราะฉันไม่มีเวลาเลย”
“งั้นเธอทำอะไร? ทั้งเรื่องอุปกรณ์โรงงาน, ช่างเทคนิคและผู้เชี่ยวชาญของบริษัทแล้วก็อื่นๆอีก ตอนนี้คนก็ไม่พอด้วย แล้วยังมีปัญหาอีกตั้งมากมายให้คอยแก้ อย่างเรื่องที่ตั้งของบริษัท, การตกแต่งร้านแล้วเรื่องแพ็กเกจสินค้าอีก ที่บริษัทมีคนเก่งๆแค่ไม่กี่คนและตอนนี้ก็ยังรับเพิ่มอยู่อีกแต่ก็ยังไม่เจอคนที่น่าพอใจเลย…” โม่อ้ายหลี่พูดถึงเรื่องปัญหาในช่วงนี้ที่บางปัญหาก็ทำให้เธอถึงกับปวดหัว

“ฉันแค่อยากจะคุยกับเธอ ฉันได้ร่วมงานกับลิซซี่แล้วนะ ในอนาคตสินค้าของเราจะถูกเสนอให้กับสมาชิกของห้างลิซซี่พาวิลเลี่ยน หลังจากนั้นเราก็จะเซ็นต์สัญญากันอาทิตย์หน้า” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างสบายๆ พร้อมทั้งหยิบข้อมูลของบริษัทที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู

“อะไรนะ? ห้างลิซซี่พาวิลเลี่ยนงั้นเหรอ?!! เธอโน้มน้าวให้พวกเขามาร่วมงานกับเราได้ยังไงอะ?! เรื่องจริงงั้นเหรอ?!” โม่อ้ายหลี่พูดด้วยเสียงสูงอย่างประหลาดใจ

มู่หรงเสวี่ยยังไม่เงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารของบริษัท “ก็ห้างลิซซี่พาวิลเลี่ยนอะนะ อย่างแรกเลยเราจะส่งสินค้าทั้งหมดให้ลิซซี่ในเมือง A อีกอย่างทางลิซซี่ขอให้เราส่งสินค้าให้พวกเขาเท่านั้น ห้ามส่งให้เจ้าอื่น ฉันตอบตกลงไป พูดง่ายๆคือการผลิตของบริษัทจะต้องเสร็จสมบูรณ์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ครั้งหน้าฉันจะช่วยเธอเอง ฉันต้องขอโทษที่ก่อนหน้านี้ปล่อยให้เธอยุ่งอยู่คนเดียว” ตอนที่โม่อ้ายหลี่เดินเข้ามา เธอสังเกตเห็นว่าหน้าเธอซูบไปและเธอผอมลงไปเยอะ หลายวันที่ผ่านมาคงจะทำให้เธอต้องเหนื่อยอย่างมาก

“งั้นฉันยกโทษให้เธอก็ได้ แต่ถ้าเราได้ทำงานกับลิซซี่ งั้นเราก็สำเร็จไปเกือบครึ่งแล้วนะ” โม่อ้ายหลี่พูดอย่างมีความสุข

“อย่าเพิ่งมีความสุขเกินไป บริษัทยังไม่เข้าที่เข้าทางเลย ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำ เรามีคนไม่พอต้องรีบหาคนมาเพิ่มโดยด่วนเลย อีกอย่างนะเราทั้งคู่จะไม่มีใครได้บริหารบริษัท เราต้องหาคนที่ไว้ใจได้เข้ามานั่งแทน เธอมีคนที่เหมาะสมไหม?”

“ฉันมีคนหนึ่งแต่จะต้องเป็นคนที่ฉันคุ้นเคยโอเคไหม?” สำหรับเธอไม่สำคัญหรอกแต่มันเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการออกสื่อ
มู่หรงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาและหัวเราะ “โอเค ฉันเชื่อเธอ! อีกอย่าง เธอตัดสินใจเรื่องแพ็กเกจของผลิตภัณฑ์แล้วหรือยัง?”

โม่อ้ายหลี่คิดอยู่สักพักแล้วจึงพูดออกมา “ขวดของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั้งหมดจะอยู่ในขวดพอร์ซเลนและบรรจุภัณฑ์ด้านนอกอยู่ในบรรจุภัณฑ์กระดาษแบบย้อนยุค นี่เป็นภาพวาดการออกแบบ เธอคิดว่าไง?” โม่อ้ายหลี่หารูปวาดแพ็กเกจจากกองเอกสารตรงหน้า

มู่หรงเสวี่ยดูภาพออกแบบที่ละรูป จะเป็นแจกันพอร์ซ เลนที่คล้ายๆกันทั้งด้านบนเป็นสีน้ำเงินและสีขาวโดยมีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป เกือบทุกอันมีความประณีตและสวยงาม เธอพยักหน้าอย่างพอใจ เมื่อดูที่บรรจุภัณฑ์ด้านนอก เป็นรูปแบบที่คล้ายๆกันคือเป็นสีฟ้าและขาว แต่คุณภาพของกระดาษดูเหมือนจะลดลงไปเยอะเลย

หลังจากที่อ่าน มู่หรงเสวี่ยก็พูดถึงความคิดเห็นของเธอ “บรรจุภัณฑ์ภายในสวยมากเลยนะ แต่บรรจุภัณฑ์ด้านนอกยังไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไรแถมไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษด้วย ฉันลองคิดดูแล้วถ้าเปลี่ยนเป็นแพ็กเกจสีขาวกับบรรจุภัณฑ์ไม้ย้อนยุคน่าจะดีกว่า มันจะได้เข้ากับตัวผลิตภัณฑ์ของเราด้วย เธอคิดว่าไง?”
“แต่ราคาของแพ็กเกจไม้จะไม่แพงเกินไปเหรอ?”
“เราจะเข้าไปสู่แบรนด์หรูนะ เราจะไม่คิดมากด้วยกันลดราคาแพ็กเกจหรือวัสดุ และการใช้ไม้ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศ, เรียบง่ายและเป็นเอกลักษณ์ด้วยนะ มันจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีเอกลักษณ์มากขึ้น นอกจากนี้พวกคนรวยไม่ถือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไปด้วยทุกที่หรอกนะ และพวกเขาไม่ต้องมาคำนึงถึงปัญหาในการพกพาหรอก และถึงแม้จะใช้กระดาษ ราคามันก็ไม่ถูกนะ ตัวอย่างเช่น แพ็กเกจของแบรนด์หรูมักจะทำกล่องหนาสองหรือสามชั้นและทางโรงงานก็ต้องทำงานหลายครั้ง แต่ถ้าเธอใช้ไม้สังเคราะห์ธรรมชาติ ราคามันก็ไม่ได้สูงมากอะไรขนาดนั้นและถ้าคำนวณดีๆก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรขนาดนั้นด้วย…”

โม่อ้ายหลี่มองมู่หรงเสวี่ยพูดและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเธอ ไม่เหมือนตัวเอง ที่มักจะเร่งรีบในช่วงแรกเสมอและไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี เธอมักจะเชื่อในสิ่งที่มู่หรงเสวี่ยพูดและได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเธอ เป็นเรื่องดีจริงๆที่ได้เจอกับเธอ “งั้นเอาตามที่เธอบอกแล้วกัน อีกอย่างนะฉันกำลังจะไปดูขั้นตอนการตกแต่งที่ร้าน เธอจะไปดูด้วยกันไหม?”
ไม่นานพวกเธอก็มาถึงร้านแรกที่อยู่ไม่ไกลนัก โถงของร้านกว้างและพื้นปูด้วยกระเบื้องสีทอง ฉากกั้นแต่ละห้องประดับด้วยหินคริสตัล 7 สีซึ่งกำลังเปล่งประกาย รอบ ๆ กำแพงมีภาพวาดด้วยมือหลายรูปทั้งภูเขา, แม่น้ำ, ดอกไม้และนก บนหลังคามีโคมไฟวังดอกบัวขนาดใหญ่ ในวังจะมีโคมไฟรูปดอกบัว 24 โคม ภายใต้กลีบดอกไม้แต่ละกลีบฝังด้วยหินเรืองแสงที่สวยงามและส่องสว่างของแม่น้ำหลิวลี่ฮี นี่มันหรูหราถึงขีดสุดจริงๆ

ทั้งสองด้านของห้องโถงมีเสาไฟแกะสลักรูปมังกรและนกฟีนิกซ์สองแถว ด้านบนของเสาไฟมีโคมไฟทูลโบราณ ไฟอ่อนด้านในถูกคลุมไว้เล็กน้อยเพื่อสร้างความหรูหราและบรรยากาศ แต่ก็ไม่สูญเสียความอบอุ่นไป แสงไฟสะท้อนกับหินคริสตัลที่พื้นซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจไปกับการตกแต่ง

โม่อ้ายหลี่มีความสุขมากที่ได้เห็นท่าอ้าปากค้างของมู่หรงเสวี่ยจึงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “มันสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ?!!”
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าด้วยท่าทางงี่เง่า “สวยมากเลยจริงๆ!” ภาพทั้งหมดที่เห็นมีแต่สีเหลือง, แดงและขาว ผสมกับสีของหินคริสตัลซึ่งดูเรียบง่ายแต่ก็หรูหรา

“มันยังไม่เสร็จเหรอ?! การตกแต่งของออฟฟิศหลักของเรายิ่งน่าตกใจกว่านี้อีกนะ! ฉันจะพาเธอไปดู” เมื่อโม่อ้ายหลี่เปิดโน็ตบุ๊คของเธอ ก็มีภาพสามมิติของการตกแต่งภายในที่ถูกออกแบบโดยนักออกแบบโดยอ้างอิงจากความคิดของเธอ เมื่อเธอได้เห็นมันเป็นครั้งแรก เธอก็ถึงกับต้องช็อกแบบสุดๆไปเลย

มู่หรงเสวี่ยเลื่อนเมาส์เพื่อตรวจอย่างระวัง ไม่คิดเลยว่ามันจะออกมาดีขนาดนี้ เห็นได้เลยว่าโม่อ้ายหลี่ลงแรงกับเรื่องนี้ไปเยอะมาก เธอพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีก สวยมากเลยจริงๆ”
“ใช่” โม่อ้ายหลี่เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ช่วงที่ผ่านมาต้องทำงานอย่างหนักแต่พอได้เห็นว่าเธอชอบแค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว

“อุปกรณ์ที่โรงงานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“อุปกรณ์ถูกสั่งซื้อมาแล้วแต่เป็นเรื่องของพนักงานมากกว่า เพราะเป็นสายงานการผลิต พนักงานที่ได้รับคัดเลือกมาจำเป็นต้องมีการตรวจสอบเป็นระยะแล้วก็ยังต้องได้รับการฝึกด้วย…”

“ไม่เพียงแค่นี้นะ ในอนาคตพนักงานจะย้ายไปไหนไม่ได้เพราะพวกเขามีหน้าที่จึงต้องป้องกันเพื่อไม่ให้สูตรรั่วไหลออกไป” นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากและนี่คือวิธีการในส่วนของการผลิตของภาคเภสัชกรรม

โม่อ้ายหลี่พยักหน้า “ฉันเองก็คิดเรื่องปัญหาที่เธอพูด ฉันจะใส่ใจเรื่องนี้มากขึ้น อีกไม่นานจะมีประชุมบริษัท เธอมากับฉันด้วยนะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันโทรบอกอีกทีนะ”
“…”
บริษัทอ้ายเสวี่ยเดินหน้าไปได้อย่างดี มู่หรงเสวี่ยรู้สึกโล่งอกไปอย่างมาก หลังจากที่ได้คุยปัญหามากมายกับโม่อ้ายหลี่แล้วทั้งสองก็แยกกันไป
คืนนั้นระหว่างทางกลับบ้าน มู่หรงเสวี่ยไม่คิดว่าจะมีคนมากมายมายืนรอเธออยู่ที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ของเธอ

ย้อนเวลาแค้น

ย้อนเวลาแค้น

ในชีวิตก่อนเป็นเพราะเธอโง่งมอยู่ในความรัก เธอจึงถูกชายโฉดที่เธอรักรวมหัวกับหญิงชั่ว ญาติที่เธอรักเหมือนน้องสาว รวมหัวกันวางแผนทำลายชีวิตเธอ ด้วยความแค้นหลังความตาย เธอจึงย้อนกลับมาในร่างของเธอ ตอนอายุ 15 เพื่อให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นคนเหล่านั้น ชาตินี้เธอจะไม่โง่และหลงเชื่อในความรักอีกแล้ว แต่ดูเหมือนความตั้งใจของเธอจะมีมารผจญ ชางกวนโม่นายน้อยไร้หัวใจ “ เธอเป็นผู้หญิงของฉัน เป็นเมียฉันมันไม่ดีตรงไหน?” ชูอี้เสิ่นหนุ่มปริศนาข้างห้อง “เสี่ยวเสวี่ย ผมบาดเจ็บอีกแล้ว ช่วยดูแลผมหน่อย” โม่จื่อเหวินบอดี้การ์ดสุดหล่อ “แม้จะต้องลงนรก ฉันจะปกป้องเธอด้วยชีวิต”

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset