บทที่ 1 รถเมล์สาย 18
เนื่องจากมีคนหายสาบสูญ สถานีตำรวจเมือง X จึงได้รับแจ้งความจากครอบครัวของเด็กหนุ่มที่หายตัวไป หลังจากทำการสืบสวนเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน พวกเขาก็ไม่ได้เบาะแสใดๆเกี่ยวกับการหายตัวไปของเด็กหนุ่มเลย
“ ฮู่ ! นี่จะเรียกว่าไงดี ! คนเป็นๆหนึ่งคน อยู่ดีๆก็หายตัวไปงั้นเหรอ ?” ตำรวจหลายคนออกันอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ มองดูภาพกล้องวงจรปิดบนจอคอมพิวเตอร์
ในกล้องบันทึกภาพเด็กหนุ่มสองคนเดินไปที่ถนน แต่ไม่มีภาพป้ายรถเมล์ร้าง
“ เป็นไปได้ไหมว่ามีรถเมล์ผีอยู่จริงๆ ?” หนึ่งในตำรวจเหล่านั้นคิด โดยพิจารณาจากภาพบนจอคอมพิวเตอร์ เด็กหนุ่มทั้งคู่ถูกบันทึกภาพขณะเดินไปที่ถนน แล้วไม่ปรากฏภาพไปไม่เกิน 10 นาที หลังจากนั้นก็ปรากฏเพียงภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนไม่ปรากฏภาพอีกเลย
“ พวกเราเฝ้าดูที่ป้ายรถเมล์มาสามคืนติดต่อกัน แต่ก็ไม่เห็นรถเมล์ผีอะไรนั่นเลย !” ตำรวจร่างผอมสูงพูดขึ้น เขาและเพื่อนตำรวจไปเฝ้าที่ป้ายรถเมล์ร้างแห่งนี้สามคืนติดต่อกัน แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติที่ป้ายรถเมล์ร้างแห่งนี้เลย
“ เป็นตำรวจเชื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ไง รถเมล์ผี ! ไร้สาระ !” ตำรวจอีกคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติพูดขึ้นอย่างเย็นชา เขาไม่เชื่อเรื่องรถเมล์ผี
“ เอาล่ะ ! เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ! ทุกอย่างยังไม่กระจ่าง ไม่อนุญาตให้ใครตัดสินความ” หัวหน้าทีมสืบสวนชื่อเย่ปินพูด
พอได้ยินเย่ปินพูด ทุกคนก็เงียบเสียงลง แม้เย่ปินจะมีอายุไม่มากนัก แต่ก็มีชื่อเสียงในสถานีตำรวจ
สองปีก่อนเขาไล่ล่าติดตามกลุ่มค้ายาเสพติด เข้าถ้ำเสือไปตามลำพัง และจับกุมเจ้าพ่อค้ายาเสพติดมาได้ เย่ปินจึงกลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ( เทียบได้กับชั้นสัญญาบัตร ) ที่อายุน้อยที่สุดในสถานีตำรวจ
“ หัวหน้า ( ทีมสืบสวน ) เย่ คุณคิดยังไงกับกรณีคนหายครั้งนี้ ?” เฉินฮุ่ยตำรวจที่จบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจมาพร้อมๆกับเย่ปินพูดขึ้น เมื่อเทียบกับเย่ปินแล้ว สามปีที่สถานีตำรวจ เฉินฮุ่ยทำงานได้ธรรมดามากและไม่มีผลงานอะไรเลย ดังนั้นตอนนี้จึงยังเป็นตำรวจธรรมดา ( เทียบได้กับชั้นประทวน ) อยู่
สายตาของเย่ปินยังคงล็อคอยู่ที่ภาพกล้องวงจรปิดบนจอคอมพิวเตอร์ ด้วยท่าทางที่ดูเคร่งขรึมเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พอได้ยินคำพูดของเฉินฮุ่ย เขาก็เหมือนได้สติ และพูดขึ้นว่า “คดีนี้มีบางอย่างแปลกๆ รับมือได้ยาก”
พอได้ยินคำพูดของเย่ปิน ทุกคนก็มีสีหน้าหม่นลงทันที ในวันปกติเย่ปินพบคดีทั้งใหญ่เล็ก แต่ไม่ว่าจะคดีไหน เย่ปินก็ไม่เคยพูดว่ารับมือยากมาก่อน อย่างไรก็ตาม คดีนี้กลับทำให้เย่ปินรู้สึกว่ารับมือยาก เป็นใครก็จินตนาการได้ว่าคดีนี้ไขได้ยากขนาดไหน
“ หัวหน้าเย่ ผมมีบางอย่างที่ไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม” ตำรวจที่พูดขึ้นมีความสูงเพียง 163 และมีน้ำหนักถึง 135 ซึ่งทั้งอ้วนและเตี้ย
เขาเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 27-28 ปี ความที่อ้วนเตี้ย ทำให้มักถูกล้อเลียนเสมอ แต่เพราะอยู่ในสถานีนี้มาหลายปี คำพูดของเขาจึงยังมีน้ำหนักมาก
“ ไม่เป็นไร พูดมาเถอะ” สำหรับตำรวจอ้วนคนนี้ เย่ปินก็ให้เกียรติเขาเช่นกัน เพราะตอนที่เขามาที่สถานีนี้เป็นครั้งแรก ก็ได้ตำรวจอ้วนคนนี้เป็นผู้แนะนำในเรื่องต่างๆ
“ ผมได้ตรวจสอบเรื่องรถเมล์ผีอย่างละเอียดแล้ว” ตำรวจอ้วนพูดพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารปึกหนึ่งให้เย่ปิน
เย่ปินหยิบแฟ้มมาอ่านอย่างระมัดระวัง
เอกสารบันทึกข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับรถเมล์ “สาย 18” ตามข่าวลือบอกว่า รถเมล์ “สาย 18” วิ่งระหว่างเมือง X กับหมู่บ้านเฮยสุ่ย แต่หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เผาทำลายหมู่บ้านเฮยสุ่ยไปเมื่อ 5 ปีก่อน รถเมล์ “สาย 18” ก็ถูกยกเลิกการให้บริการ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเส้นทางเดินรถจะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่ป้ายหยุดรถตามถนนก็ไม่เคยถูกรื้อถอน มีเพียงรถเมล์ “สาย 18” เท่านั้นที่ถูกยกเลิกการให้บริการและไม่ได้เปลี่ยนไปวิ่งในเส้นทางอื่น นับแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีรถเมล์ “สาย 18” วิ่งอยู่ในเมือง X
“ สาย 18” หลังจากอ่านรายงานเย่ปินก็นึกขึ้นได้ในที่สุด ทั้งยังมั่นใจว่า “สาย 18” ไม่เคยปรากฏให้เห็นในเมือง X อีกเลย
“ ดูเหมือนว่าเมือง X จะไม่มีรถสาย 18 วิ่งในเส้นทางไหนเลย แล้วทำไมมันถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะ ?” เย่ปินนึกสงสัย ตามหลักแล้ว เมื่อมีการยกเลิกเส้นทางเดินรถ รถเมล์ “สาย 18” ควรเปลี่ยนไปวิ่งในเส้นทางอื่น แทนที่จะยกเลิกไปเลยแบบนี้
“ หัวหน้าเย่ วันนี้ผมไปถามที่บริษัทรถเมล์มา เพื่อสอบถามว่าทำไมถึงได้ไม่มีรถเมล์ ‘สาย 18’ เดาสิว่าผมพบอะไร ?” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของตำรวจอ้วนก็ทรุดลงอย่างกะทันหัน
“ อะไรล่ะ ?” เมื่อเห็นตำรวจอ้วนเป็นแบบนั้น เย่ปินกับตำรวจคนอื่นๆต่าง ก็อึ้งและมองตำรวจอ้วนด้วยความสงสัย
“ ตอนที่ผมถาม บริษัทรถเมล์ก็บอกว่า รถเมล์ ‘สาย 18’ ยังวิ่งในเส้นทางนั้นมาโดยตลอด แถมคนขับรถเมล์ยังขับมาแถวนี้ด้วย”
“ อะไรนะ !” ตำรวจที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดยกเว้นเย่ปิน ต่างร้องอุทาน ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ จางหลาน คุณหมายความว่ายังไง รถเมล์ ‘สาย 18’ ยังไม่ถูกยกเลิกงั้นเหรอ ?” เฉินฮุ่ยจ้องไปที่จางหลานตำรวจอ้วน และถามขึ้นด้วยความสงสัย
จางหลานพยักหน้า “นั่นคือสิ่งที่บริษัทรถเมล์บอก ตอนนั้นผมอึ้งไปนานเลยล่ะ สงสัยว่าพวกเขาทำผิดพลาดอะไรตรงไหน และขอให้พวกเขาตรวจสอบอีกครั้ง ผลที่ได้ก็คือ พวกเขาพบบางอย่างที่แปลกประหลาดไปกว่านั้นอีก”
บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมขึ้นเล็กน้อย จากคำพูดของจางหลาน แม้แต่ตำรวจซึ่งปกติไม่เคยเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ ยังรู้สึกหนาวเล็กน้อยขึ้นที่กระดูกสันหลัง และขยับเข้าไปชิดกับเพื่อนตำรวจที่อยู่ข้างๆ ทันที
“ มีเรื่องอะไรแปลก” เย่ปินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ รถเมล์ ‘สาย 18’ มีคนขับที่ขับรถเมล์สายนี้มาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพียงคนเดียวเท่านั้น”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของทุกคนก็ทรุดลงทันทีอีกครั้ง และรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
“ เจ้าอ้วนหลาน แกไม่ได้เอาเรื่องผีมาหลอกพวกเราใช่ไหม ?” ตำรวจรูปร่างผอมสูง ที่คุ้นเคยกันดีกับจางหลาน พูดขึ้นอย่างติดตลก
จางหลานสั่นหัว ด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึมมาก “ฉันก็อยากให้ที่พูดเป็นแค่การเล่าเรื่องผีเหมือนกัน แต่สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง ในห้าปีที่ผ่านมามีคนขับรถเมล์สายนี้ในเส้นทางเดิมมาโดย ตลอด และที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนขับรถเมล์คนนี้เสียชีวิตมา 5 ปีแล้ว”
“ ตาย…ตายแล้ว ?” พอได้ยินคำพูดของจางหลาน ตำรวจตัวผอมสูงก็ถึงกับกลืนน้ำลาย และมีเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผาก
ไม่ใช่แค่ตำรวจตัวผอมสูงเท่านั้น ที่เป็นแบบนั้น พวกเขาพอได้ยินคำพูดของจางหลาน ก็ถึงกับขนลุกเกรียวและมีเหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผากเหมือนกัน
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ การแสดงออกของเย่ปินยังดูค่อนข้างไม่ใส่ใจ ขณะนี้เขามีสีหน้าสงบนิ่ง ในใจก็ครุ่นคิดถึง “เรื่องผี” ที่จางหลานพูด
(การใช้สรรพนามของตำรวจในเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสองแบบ คือแบบที่ใช้พูดในอย่างเป็นทางการ และการพูดแบบเพื่อนฝูง)