รถเมล์สาย 18 – ตอนที่ 10 สูญเสียวิญญาณ

บทที่  10  สูญเสียวิญญาณ

 

          พวกเขารีบขับรถอย่างรวดเร็ว จนมาถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นจางหลานกับเฉินฮุ่ยก็ช่วยกันนำตัวเย่ปินเข้าไปในโรงพยาบาล

          ตอนแรกเย่ปินกรีดร้องราวกับบ้า แต่หลังจากหมอฉีดยาระงับประสาทให้ เย่ปินก็สงบลงและผล็อยหลับไป

          จากนั้นหมอก็ตรวจอาการของเย่ปิน และแจ้งว่า เขาสบายดี เพียงแค่ตกใจกลัวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเย่ปินตื่นขึ้น เขาก็เริ่มกรีดร้องอีกครั้ง หมอในโรงพยาบาลไม่มีทางเลือกนอกจากจะฉีดยาระงับประสาทให้เย่ปินอีกเข็ม

          “ หมอ เขาเป็นอะไร ?  มีอะไรผิดปกติกับเย่ปินหรือเปล่า ?”  หลังจากเย่ปินสงบลง จางหลานกับเฉินฮุ่ยก็รีบถามหมอทันที

          เมื่อหมอได้ยินคำถาม เขาก็ส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง “อาการผู้ป่วยไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เขาแค่ตกใจมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เรายังไม่ทราบสาเหตุของอาการบ้าของผู้ป่วย” หลังจากตรวจอาการ หมอก็แจ้งว่า เย่ปินไม่มีอาการทางกายภาพ แต่หมอช่วยอะไรไม่ได้กับอาการบ้าของเขา

          “ มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร !”  จางหลานขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าการที่เย่ปินเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะ รถเมล์ ‘สาย  18’

          “ ตอนนี้เราจะทำอย่างไรกันดี ?”  เฉินฮุ่ยก็กังวลเช่นกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

          “ พวกคุณ ผมมีบางอย่างไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ ?”  ขณะที่คนทั้งคู่กำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จู่ๆ หมอในโรงพยาบาลก็เข้ามาพูดด้วย

          “ พูดเถอะครับ !”  จางหลานรีบพูด

          หมอลึกลับพยักหน้า แล้วหันไปมองเย่ปินที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้คนทั้งคู่ไปหาที่ปลอดคนคุยกัน

          เมื่อมาถึงมุมหนึ่งในโรงพยาบาล หมอลึกลับก็พูดด้วยเสียงต่ำว่า “พวกคุณ ผมสงสัยว่า อาการป่วยของเพื่อนคุณ อาจเป็นเพราะสูญเสียวิญญาณ”

          “ สูญเสีย ?  สูญเสียวิญญาณ ?”  จางหลานกับเฉินฮุ่ยต่างก็ตกตะลึง หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาคงคิดว่าหมอคนนี้บ้าหรือมีปัญหาทางสมอง แต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่า มี ‘วิญญาณ’ อยู่จริง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สงสัยในสิ่งที่หมอผู้ลึกลับผู้นี้กล่าว

          “ คุณหมายถึงอะไร ?  หมายความว่าเขาสูญเสียวิญญาณงั้นเหรอ ?”  จางหลานถามเสียงต่ำ

          หมอลึกลับพยักหน้า “ครับ ผมเคยเห็นคนที่มีอาการแบบนี้มาก่อน นี่เป็นอาการของการสูญเสียวิญญาณ ถ้าอยากจะให้เขาฟื้นตัวก็ต้องเรียกวิญญาณที่สูญหายกลับมา”

          แม้ว่าจะรู้สึกว่าสิ่งที่หมอพูดฟังดูเลวร้ายเกินไป แต่จางหลานกับเฉินฮุ่ยเคยเห็นสิ่งที่เลวร้ายมามาก พวกเขาจึงไม่สงสัยในคำพูดของหมอลึกลับ

          “ แล้ว เราควรทำยังไง ?”  จางหลานถาม เนื่องจากอีกฝ่ายรู้จักอาการของเย่ปิน เขาก็ต้องรู้วิธีรักษา

          “ พวกคุณเอาที่อยู่นี้ไป ตามหาคนชื่อลู่เฉียนฉิง บางทีเขาอาจมีวิธีรักษาเพื่อนคุณ” หมอลึกลับกล่าว พร้อมกับหยิบกระดาษยับยู่ยี่ส่งให้จางหลาน

          จางหลานอ่านที่อยู่บนกระดาษและจดบันทึกไว้ หลังจากกล่าวขอบคุณหมอลึกลับ เขากับเฉินฮุ่ยก็รีบออกไปตามหาที่อยู่นั้นทันที

          ทั้งสองคนรีบบึ่งรถอย่างรวดเร็ว จนมาถึงที่อยู่ตามที่ระบุไว้ แต่ทั้งคู่ก็ยังหาตัวบุคคลลึกลับที่ชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ ไม่พบ

          “ สวัสดีครับ ยายรู้จักคนชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ ไหมครับ ?”  จางหลานหยุดถามหญิงชราคนหนึ่ง

          พอได้ยินคำถามของจางหลาน หญิงชราก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิด แต่ปากก็พึมพำว่า “ลู่  ( ทางนั้น )?  เฉียนฉิง  ( ไปเถอะ ) ?”

          “ ครับ ลู่เฉียนฉิง”

          “ โอ้ !  ลู่เฉียนฉิงนั่นเอง !”  ในที่สุดหญิงชราก็นึกขึ้นได้

          “ ยายรู้จักเหรอครับ ?”  จางหลานกับเฉินฮุ่ยมองหญิงชราและถามขึ้นอย่างตื่นเต้น

          “ ไม่รู้จัก”

          “……”  ทั้งจางหลานกับเฉินฮุ่ยถึงกับพูดไม่ออก หลังจากกล่าวขอบคุณหญิงชรา ทั้งคู่ก็สอบถามคนอื่นต่อไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาสอบถามมาเกือบทั้งเช้าก็ไม่มีใครที่อยู่แถวนี้รู้จักคนชื่อ ‘ลู่เฉียนฉิง’ เลย

          “ หรือว่าหมอคนนั้นจะหลอกเรา !”  ถึงจุดนี้เฉินฮุ่ยก็รู้สึกสงสัยว่าหมอที่โรงพยาบาลคนนั้นจะหลอกพวกเขา

         จางหลานส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้” เขาไม่คิดว่าหมอคนนั้นจะหลอกพวกเขา “ลองดูอีกที ฉันคิดว่าคนๆนี้ต้องมีตัวตน” จางหลานไม่ยอมแพ้และค้นหาต่อไป

         จากตอนนั้นจนถึงบ่าย จางหลานกับเฉินฮุ่ยพยายามตามหา ‘ลู่เฉียนฉิง’ แต่ดูเหมือน ‘ลู่เฉียนฉิง’ จะไม่มีตัวตนอยู่จริง พวกเขาจึงยังหาไม่พบ

         ทั้งสองคนหมดหวังและกำลังจะกลับ ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆในชุดสูทก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา

          “ ขอโทษ พวกคุณกำลังตามหาลู่เฉียนฉิงอยู่ใช่ไหมครับ ?”

          ทั้งจางหลานกับเฉินฮุ่ยถึงกับอึ้ง ทั้งคู่มองชายหนุ่มตรงหน้าจากหัวจรดเท้าและจากเท้าจรดหัว

          ชายหนุ่มหวีผมปรกหน้าผากสไตล์นักร้องเกาหลี แก้มบอบบางเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส เสื้อผ้าเรียบร้อยดูให้ความเป็นมิตรมาก โดยรวมแล้วดูเป็นชายหนุ่มที่สว่างสดใสมาก

          “ น้องชาย คุณรู้จักลู่เฉียนฉิงงั้นเหรอ ?”  จางหลานกล่าวถามอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นรู้จักลู่เฉียนฉิง

          “ ผมคือลู่เฉียนฉิง” ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม

          “ นายคือลู่เฉียนฉิง !”  ก่อนที่จางหลานจะทันได้พูด เฉินฮุ่ยที่อยู่ข้างๆก็อุทานออกมาด้วยท่าทางตกตะลึง

          ไม่ว่าจะเป็นจางหลานหรือเฉินฮุ่ยต่างก็คิดว่าลู่เฉียงฉิงเป็นชายวัยกลางคน หรือไม่ก็เป็นผู้สูงอายุวัยชรา ทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าลู่เฉียงฉิงจะเป็นชายหนุ่มที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะซึ่งมีอายุน้อยกว่าพวกเขา

          เมื่อเห็นการแสดงออกของเฉินฮุ่ย ลู่เฉียงฉิงก็รู้สึกอายเล็กน้อย “เอ่อ ผม เป็นลู่เฉียงฉิงไม่ได้เหรอ ?”

          “ ไม่ใช่ ไม่ใช่ !  เป็นได้ เป็นได้ !  แน่นอน !”  จางหลานฉีกยิ้มอย่างน่าอาย

          “ ฮ่าฮ่า” เฉินฮุ่ยก็หัวเราะกลบเกลื่อนออกมาเช่นกัน

          “ พวกคุณมาตามหาผมทำไม ?”  ลู่เฉียงฉิงมองคนทั้งคู่และถามขึ้นด้วยความสงสัย

          สีหน้าของจางหลานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นทันที “คือแบบว่า ผมมีเพื่อนที่ดูเหมือนจะสูญเสียวิญญาณ เลยต้องการมาขอความช่วยเหลือจากลู่ไต้… ลู่เสี่ยวเกอ” จางหลานอยากเรียกว่าลู่ไต้ซือ  ( อาจารย์ลู่ )  แต่พอเห็นลักษณะท่าทางของลู่เฉียงฉิงแล้วทำให้ไม่อาจใช้สามคำนี้ได้ เขาจึงเปลี่ยนเป็นลู่เสี่ยวเกอ  ( พี่ชาย / น้องชายคนเล็ก )  แทน

          “ สูญเสียวิญญาณ” ลู่เฉียนฉิงขมวดคิ้วครุ่นคิด ครู่ต่อมา เขาก็พูดขึ้นว่า “งั้น ปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของผม !”

          “ ตราบเท่าที่รักษาเพื่อนผมหายขาด เรื่องอื่นไม่มีปัญหา” จางหลานพูดอย่างจริงจังมาก

          “100”  หลังจากอดทนอยู่นาน ลู่เฉียงฉิงก็เสนอราคาค่ารักษาของเขา

          เฉินฮุ่ยหยิบธนบัตร  100  หยวนออกมายื่นให้ลู่เฉียงฉิงทันทีโดยไม่พูดอะไรให้มากความ

          หลังจากรับเงินลู่เฉียนฉิงก็ตรวจสอบธนบัตรอย่างรอบคอบก่อนเก็บใส่กระเป๋า แล้วพูดขึ้นว่า “ไปกันเถอะ”

         จางหลานกับเฉินฮุ่ยไม่ชักช้า รีบพาลู่เฉียนฉิงไปยังโรงพยาบาลที่เย่ปินรักษาตัวอยู่ทันที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset