บทที่ 27 คนตาย
สิ่งที่พบหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีเพียงเศษกระดาษยันต์ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือกับเงินกระดาษที่ถูกเผาไปเพียงครึ่งเดียว นอกนั้นก็ไม่พบเบาะแสใดๆอีก
“พบเบาะแสเพียงเศษกระดาษยันต์กับเงินกระดาษที่ถูกเผาไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ผีฆ่าคนได้จริงๆเหรอเนี่ย?” เหรินเจิ้งหยุนตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุมากกว่าหนึ่งครั้ง และทุกครั้งเขาได้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดมาก เพราะกลัวว่าจะพลาดบางอย่างไป แต่ ถึงกระนั้นเหรินเจิ้งหยุนก็ไม่พบอะไรเลย
ในขณะที่เหรินเจิ้งหยุนมีข้อสงสัย เยบินกับพรรคพวกได้หันไปให้ความสนใจกับลู่เฉียนฉิง เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในตอน นี้เกรงว่ามีเพียงสู่เฉียนฉิงเท่านั้นที่สามารถไขคดีได้
ลู่เฉียนฉิงถือกระดาษยันต์ ปากพึมพําคาถา เดินไปมาในสถานที่เกิดเหตุประมาณ 15 นาที ในขณะที่เขาเดินเข้าใกล้กําแพง ปูนเปื้อนเลือดกระดาษยันต์ในมือของลู่เฉียนฉิงก็เกิดเผาไหม้ ขึ้นทันทีแล้วกลายเป็นขี้เถ้ากระจายตามลมไปในอากาศในชั่วพริบ
ตา
ทันทีที่กระดาษยันต์เกิดการเผาไหม้ สีหน้าของอู่เฉียนฉิงก็มืดมนลงอย่างมาก ในเวลาเดียวกันทุกคนในที่เกิดเหตุที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างรู้สึกเย็นยะเยือกราวกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ทางด้านห ลังอย่างใกล้ชิด
“พวกนายรู้สึกไหมว่า มันเหมือนมีคนอยู่ที่ด้านหลังของเรา!” เฉินฮุยมีความกล้าน้อยลง เมื่อรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอันมืดมนทางด้านหลังและเริ่มมีเหงื่อเย็นไหลออกมาจากหน้าผาก
ด้วยความกล้าของเยบิน ในขณะที่สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกอันมืดมนทางด้านหลัง เขาก็หันกลับไปมอง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
ในขณะที่ทุกคนให้ความสนใจกับความเย็นยะเยือกดังกล่าวคู่ เฉียนฉิงก็พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหันไปมองหรอก เธอไปแล้ว”
คําพูดของลู่เฉียนฉิงทําให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับสั่นสะท้าน เพราะทุกคนไม่เห็นใครเลย แต่ลู่เฉียนฉิงกลับบอกว่าเธอจากไปแล้วสิ่งนี้ทําให้ทุกคนมั่นใจว่า ก่อนหน้านี้ที่ด้านหลังของทุกคนมี “คน อยู่จริงๆ
“ผีเหรอ?” เสียงของเฉินฮุยสั่นเล็กน้อย เมื่อคิดถึงสายตาที่จ้องมองด้านหลังของเขาก่อนหน้านี้ เหงื่อเย็นบนร่างกายไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง นั่นไม่ใช่ผี แต่เป็นวิญญาณ เมื่อคนตายวิญญาณทั้งเจ็ดจะสลาย จากนั้นวิญญาณทั้งสามก็จะจากไป หลังจากวิญญาณชีวิตจากไปผู้ตายจะไม่กลายเป็นผีทันที แต่ถ้าหากมีจิ ตที่ผูกติดและหมกมุ่นอย่างลึกซึ้งจึงจะกลายเป็นผี”
(ปล. สิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าวิญญาณของมนุษย์ มีวิญญาณทั้งสาม คือวิญญาณสวรรค์ วิญญาณโลก และวิญญาณชีวิต ส่วนวิญญาณทั้งเจ็ดแบ่งออกเป็น: ความสุข, ความโกรธ, ความเศร้าโศก, ความกลัว, ความรัก, ความชั่วร้าย, ความปรารถนา)
“แล้วตอนนี้วิญญาณของผู้เสียชีวิตยังอยู่หรือเปล่า?” เป็นถาม เขาเข้าใจคําอธิบายของลู่เฉียนฉิง ดังนั้นเขาจึงเดาว่า “คน” ที่อยู่ ด้านหลังน่าจะเป็นวิญญาณของผู้เสียชีวิต
สู่เฉียนฉิงส่ายหน้าปฏิเสธการคาดเดาของเยู่ปิน “วิญญาณตนนั้นไม่ใช่วิญญาณของผู้ตาย แต่เป็นวิญญาณเร่ร่อน ในโลกนี้มีคนจํานวนมากที่ตายอย่างกะทันหัน โดยที่อายุขัยยังไม่หมดสิ้น ดังนั้นจึงไม่มียมทูตมานําพาไปสู่ยมโลกจึงทําได้เพียงเร่ร่อนอยู่บน โลก เมื่อเวลาผ่านไปวิญญาณบางดวงที่มีความหมกมุ่นในใจ ก็จะก ลายเป็นผีร้าย คอยรบกวนผู้คนสุดท้ายก็จะถูก “มือปราบมาร” ตามล่า”
“มือปราบมาร?” เยู่ปินขมวดคิ้วทันที เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีมือปราบมารอยู่
“มือปราบมารคืออะไร?” ไม่เพียงแต่เป็นเท่านั้น ทุกคนก็ต่างได้ยินคําว่ามือปราบมารเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
“มือปราบมาร กล่าวง่ายๆก็คือ นักพรตเต๋บางคนที่สามารถสื่อสารกับภูติผีในยมโลกได้ พวกเขาช่วยเหลือยมทูตรักษากฎระเบียบจับผีเร่ร่อนที่มารบกวนมนุษย์ เพื่อสะสมแต้มความดี หลังจากตายไปพวกเขาก็จะกลายเป็นยมทูตหรือเลือกเกิดใหม่ในครอบครัวที่ดี ในชีวิตหน้าได้”
“มีคนแบบนี้อยู่ด้วยเหรอเนี่ย! ?” ดวงตาของเหล่าสวีเบิกกว้างเขาไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่สามารถสื่อสารกับภูติผีในยมโลกได้มาก่อน
“ผู้ที่ทําแบบนี้ได้โดยพื้นฐานแล้ว จะเป็นนักพรตเต๋าที่มีภูมิหลังที่ลึกซึ้งอย่างเช่นสํานักเจิ้งยี่ หรือสํานักฉวนเจิ้น”
“ถ้างั้นลู่เสี่ยวเกอ นายมีภูมิหลังอะไร?” จู่ๆ จ้าวเจิ้นก็พูดขี้นมาบ้างเพราะเขารู้สึกว่าลู่เฉียนนิ่งรู้มากขนาดนี้ ภูมิหลังที่มีก็คงไม่เล็ก
ลู่เฉียนฉิงส่ายหน้าเล็กน้อย “ฉันเป็นแค่นักพรตเต๋นิรนาม ที่ไม่มีใครรู้จักเป็นนักพรตเต๋นิรนามที่เรียนรู้มาจากหนังสือเท่านั้น”
“เฉียนฉิง นายรู้ที่มาของวิญญาณเร่ร่อนตนนั้นไหม?” เย่ยินดึงทุกคนกลับมาสู่เรื่องเดิม ตอนนี้สิ่งสําคัญที่สุดก็คือ การไขคดีที่อยู่ตรงหน้า
“เธอบอกฉันว่า ผู้ตายชื่อหลีหนาน และถูกฆ่าตาย”
ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคําพูดของเฉียนฉิง จากนั้นเปินกับเหรินเจิ้งหยุนก็พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ใครคือฆาตกร?!”
เกี่ยวกับคําถามของคนทั้งคู่ ลู่เฉียนฉิงส่ายหน้า “เธอไม่เห็นฆาตกร แต่เห็นร่างในชุดดําออกไปจากที่นี่
“ไม่เห็นฆาตกร แล้วเธอรู้ไหมว่าฆาตกรเป็นคนหรือเป็นผี?”เยู่ปินถามอีกครั้ง
ลู่เฉียนฉิงยังคงส่ายหน้า “ไม่ เธอรู้แค่นั้น”
“ถ้ารู้แค่นี้ งั้นคดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า” จางหลานกล่าวด้วยน้ําเสียงที่ลึกก่อนหน้านี้ทุกคนก็ระบุแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีฆาตกรรมเพียงแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคดีฆาตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นหรือไม่เท่านั้น
“งั้นก็ระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตให้ได้ก่อน หลังจากระบุตัวได้แล้วบางที่ทุกอย่างอาจคลี่คลาย” ในเวลานี้เป็นมุ่งเป้าไปยังตัวตนของผู้ตาย
“อืม ถ้ารู้ผลแล้ว ฉันจะแจ้งให้พวกนายทราบทันที”
ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทําได้ก็มีเพียงรอผลการตรวจสอบตัวตนของผู้เสียชีวิตเท่านั้นดังนั้นหลังจากที่เยู่ในอําลาเหรินเจิ้งหยุนแล้วเขาก็จากไปพร้อมกับทุกคน
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ได้มีการแถลงข่าวว่า คดีนี้ถูกจัดให้เป็นคดีฆาตกรรมและระบุตัวตนของผู้เสียชีวิตในข่าวด้วย
“เป็นแค่คนเร่ร่อนงั้นเหรอ?” เปปินได้รับโทรศัพท์จากเหรินเจิ้งหยุนและได้รับข้อมูลของผู้ตาย
“อืม หลังจากตรวจสอบแล้ว เขาเป็นคนเร่ร่อนที่อยู่บนถนนใกล้เขตหยิ่งเจือ ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีครอบครัว ยิ่งกว่านั้น ชาย คนนี้เร่ร่อนอยู่บนถนนใกล้เขตหยิงเจ๋อมาหลายปีแล้วด้วย”
“ถ้าเป็นแบบนั้น เบาะแสก็ถูกตัดตอนอีกแล้ว” เป็นยังคงขมวด คิ้วเดิมที่เขาต้องการหาเบาะแสจากผู้ตาย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าผู้ตาย เป็นเพียงคนเร่ร่อนที่ไม่มีสมาชิกในครอบครัว
“เย่จื่อ ก่อนหน้านี้เพื่อนของนายบอกว่า มีคนบอกเขาว่าผู้ตายชื่อหลี่หนานแต่หลังจากการตรวจสอบของเรา ผู้ตายไม่ได้ชื่อหลี่ห นาน แต่มีชื่อว่าสื่อเทา”
“ชื่อผิดงั้นเหรอ?” เยบินรู้สึกงงเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “หยุนเกอ แล้วค่อยโทรหาทีหลังนะ”
“ได้”
หลังจากวางสาย เยบินก็รีบโทรหาลู่เฉียนฉิงทันที ลู่เฉียนฉิงออกจากบ้านของเฉินฮุยไปตั้งแต่เช้าตรู่ โดยบอกว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องไปจัดการ
“ หมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
“ทําไมปิดเครื่อง?” โทรศัพท์ของลู่เฉียนฉิงถูกบิดเครื่อง ซึ่งทําให้เยบินรู้สึกไม่ดี
“บินจือ! เอานี่!” ในขณะที่เยบินกําลังสงสัยว่าลู่เฉียนฉิงหายไปไหน จู่ๆเฉินฮุยก็เข้ามาในห้อง และยื่นโทรศัพท์มือถือให้
“เกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องอะไร?” เปินรับโทรศัพท์จากเฉินฮุยและพูดขึ้นอย่างงุนงงแต่พอเห็นข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ขอ งเฉินฮุย เขาก็อึ้งไป
“กระดานข่าว: เมื่อคืนที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นที่เขตX เมือง X ทําให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย และหายสาบสูญ 1 รายตามคําบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ รถ ยนต์คันนี้วิ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วเกิดเสียหลักพลิกคว่ําจนทําให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้”