บทที่ 8 สถานีปลายทาง
พวกเขาวิ่งตามเย่ปินไป จนกระทั่งทั้งสามคนวิ่งเข้าไปในป่าทึบที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านเฮยสุ่ย
จากภายนอกมันเป็นป่าที่ดูทึบมาก มีระยะห่างระหว่างต้นไม้น้อยมาก มีเพียงทางแคบๆ ที่สามารถเดินเข้าไปได้ไม่กี่ทางเท่านั้น แต่พอเข้าไปในป่าจริงๆ ทั้งสามคนจึงพบว่า ทางในป่านั้นกว้างมาก มันกว้างพอให้ขับรถเข้าไปได้
“ มันต่างกันมากจริงๆ !” จางหลานคิดไม่ถึงว่า ภายในป่าทึบจะมีถนนที่กว้างพอให้ขับรถเข้ามาได้
ถนนกว้างในป่าทึบยาวลึกเข้าไปไกลเกินกว่าจะเห็นสุดปลายทาง
“ ไปดูกันเถอะว่า ปลายทางมันสิ้นสุดตรงไหน” เย่ปินวางแผนจะเดินตามถนนกว้างเข้าไป
จางหลานกับเฉินฮุ่ยไม่ตอบ พวกเขาทำเพียงพยักหน้าตกลง แล้วเดินตามเย่ปินไป ความจริงพวกเขาก็สงสัยเหมือนกันว่า ถนนเส้นนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน
หลังจากทั้งสามคนใช้เวลาเดินไปตามถนนกว้างประมาณ 10 นาที พวกเขาก็พบรอยยางล้อรถบนพื้นถนน และเมื่อมองตรงไปด้านหน้า ดูเหมือนว่าถนนกว้างจะสิ้นสุดลงตรงนั้น และสุดปลายทางตรงนั้น พวกเขามองเห็นป้ายหยุดรถประจำทางได้อย่างคลุมเครือ
“ ป้ายรถเมล์ !” จางหลานพูดขึ้นทันทีที่เห็นป้าย แล้วเขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“ รอยยางล้อรถดูใหม่มาก มันควรจะเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้” แม้ว่าเย่ปินจะเห็นป้ายรถเมล์ที่อยู่ไกลๆนั้นเช่นกัน แต่เวลานี้เย่ปินกำลังมุ่งความสนใจไปยังรอยยางล้อรถที่อยู่บนพื้น
“ ที่นี่มีรถประจำทางด้วย ?” เฉินฮุ่ยบ่น แต่แล้วก็ต้องสั่นหัว “ไม่ถูกสิ ทางเข้ามีป่าทึบขวางไว้ ยานพาหนะไม่น่าผ่านเข้ามาได้ !”
“ ไปกันเถอะ ไปที่ป้ายรถเมล์นั่นกันก่อน” เย่ปินลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังป้ายรถเมล์พร้อมกับเฉินฮุ่ยและจางหลาน ระหว่างทางพวกเขาก็มองไปรอบๆ เพื่อหาเส้นทางที่รถสามารถวิ่งเข้ามาได้ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสามคนก็ยังหาเส้นทางที่รถสามารถวิ่งเข้ามาได้ไม่พบ
“ แปลกมาก ! รอยยางนั่นเหลือทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแน่ !” เฉินฮุ่ยนึกสงสัยและบ่นพึมพำ ไม่มีเส้นทางให้ขับรถเข้ามาในป่า แล้วรอยยางล้อรถที่อยู่บนพื้นถนน มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
‘ สาย 18’ พอเห็นอักษรบนป้ายรถเมล์ที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของเย่ปินก็ดิ่งลงทันที
“ นี่คือสถานีปลายทางหมู่บ้านเฮยสุ่ยของ ‘สาย 18’” จางหลานมีสีหน้าสงบ ขณะมองดูสายรถเมล์บนป้ายอย่างระมัดระวัง ในที่สุดพวกเขาก็พบสถานีปลายทางของรถเมล์ ‘สาย 18’
เฉินฮุ่ยที่ยังคงรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับรอยยางล้อรถบนพื้นถนน พอได้เห็นป้ายรถเมล์ ที่มีอักษรระบุว่า ‘สาย 18’ เขาก็ถึงกับผงะและตัวสั่น “เป็นไปได้ไหมที่รอยยางล้อรถนั่นเป็นของรถเมล์ ‘สาย 18’?”
“ หลานเกอ ฉันจำได้ว่าตอนที่นายไปที่บริษัทรถประจำทาง นายบอกว่ารถเมล์ ‘สาย 18’ มีคนที่เสียชีวิตไปแล้วขับมันบนเส้นทางเดินรถเดิมมาตลอด 5 ปี” เย่ปินนึกถึงสิ่งที่จางหลานเคยพูดไว้ก่อนหน้า
“ อืม” จางหลานพยักหน้า เรื่องนี้เขารู้มาจากหัวหน้าเหล่าหวัง และตอนนี้หัวหน้าเหล่าหวังก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทำให้เบาะแสของคดีถูกตัดตอนลง และแฟ้มข้อมูลที่หัวหน้าเหล่าหวังเคยนำมาแสดงต่อจางหลานก็ได้หายไปอย่างน่าประหลาดพร้อมๆกับการตายของหัวหน้าเหล่าหวัง
“ หลานเกอ ยังพอจำได้ไหมว่าคนขับมีชื่อว่าอะไร ?”
“ ชื่อ…” จางหลานขมวดคิ้วครุ่นคิด ผ่านไปนาน เขาก็ค่อยๆพูดออกมาว่า “ดูเหมือนจะชื่อ โจว … โจวฉา ชื่อนี้แหล่ะ”
“ โจว ?” ดวงตาของเย่ปินหรี่ลงทันที
จางหลานพยักหน้ายืนยัน “แม้ว่าฉันอาจจำพลาดเรื่องชื่อ แต่เขาแซ่โจวแน่ๆ”
“ คนในหมู่บ้านเฮยสุ่ยทุกคนต่างมีแซ่โจว” ประโยคถัดมาของเย่ปิน ทำให้เฉินฮุ่ยกับจางหลานถึงกับผงะและตัวสั่นสะท้าน
“ ห๊ะ ? ว่าไงนะ ? เป็นไปได้ไหมว่าคนขับผีนั่นมาจากหมู่บ้านเฮยสุ่ย” เฉินฮุ่ยเดาพร้อมกับมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผาก
“ มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้าคิดดูดีๆแล้ว ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ ถ้าคนขับรถผีนั่นมาจากหมู่บ้านเฮยสุ่ยจริงๆ แล้วล่ะก็ รถเมล์ ‘สาย 18’ ก็ต้องมีส่วนเชื่อมโยงกับหมู่บ้านเฮยสุ่ย ยิ่งกว่านั้น พอได้ยินนายพูดแบบนี้ ฉันก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เรื่อง รถเมล์ ‘สาย 18’ เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน และคนขับรถก็เสียชีวิตมาได้ 5 ปีแล้ว” จางหลานพูด เมื่อพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันบังเอิญเกินไป
เย่ปินครุ่นคิดขณะจ้องมองป้ายรถเมล์
จากเบาะแสที่พบตอนนี้ ทั้งสามคนเห็นพ้องต้องกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า รถเมล์เหนือธรรมชาติ ‘สาย 18’ กับหมู่บ้านเฮยสุ่ยอาจมีความสัมพันธ์กัน
“ งั้น ตอนนี้ก็มีเรื่องประหลาดที่สุดแล้ว รอยยางล้อรถที่พบมาจากไหน ?” จางหลานหันไปมองรอยยางลึกลับนั่นอีกครั้ง
เย่ปินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปรอยยางล้อรถกับป้ายหยุดรถประจำทาง จากนั้นก็ส่งภาพไปให้เฉินฮุ่ย
“ เฉินฮุ่ย กลับไปที่สถานีเอาภาพถ่ายไปหาดูว่าพอจะมีเบาะแสอะไรเหลืออยู่บ้าง หลานเกอกับฉันจะอยู่ที่นี่คืนนี้ เพื่อลองดูว่าเราจะขึ้นไปบนรถเมล์ ‘สาย 18’ ได้หรือไม่” เย่ปินตัดสินใจเด็ดขาด
จางหลานพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเย่ปิน
“ ไม่ได้ ! มันอันตรายเกินไป !” เฉินฮุ่ยปฏิเสธการตัดสินใจของเย่ปิน “เอางี้ ฉันจะไปเอากล้องเทเลสโคปจากสถานี มาให้พวกนายซุ่มดูจากระยะไกล วิธีนี้คงพอจะหลีกเลี่ยงอันตรายที่มากเกินไปได้” เฉินฮุ่ยกังวลว่าเย่ปินกับจางหลานจะเกิดอันตราย ถ้าทำตามแผนที่พวกเขาวางไว้ และหาวิธีตรวจสอบโดยไม่ต้องเสี่ยง
เย่ปินส่ายหน้า “การซุ่มดูมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากเกินไป เราจำเป็นต้องยืนยันเรื่องนี้” เมื่อคิดถึงวิธีซุ่มดู แม้เย่ปินจะคิดว่าทำได้ แต่เขาก็คิดว่า การซุ่มดู มันอาจทำให้เกิดปัญหา เรื่องความไม่น่าเชื่อถือ
“ แต่ ! มันอันตรายเกินไป !” เฉินฮุ่ยยังคงไม่เห็นด้วย เพราะรถเมล์ ‘สาย 18’ ทำให้เมื่อเร็วๆนี้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วถึง 3 คน ดังนั้นเฉินฮุ่ยจึงไม่กล้าให้คนทั้งคู่ไปเสี่ยง
เย่ปินก้าวเข้าไปตบที่ไหล่ของเฉินฮุ่ยเบาๆ “ไม่ต้องห่วง หมอดูเคยทำนายว่าฉันจะอยู่ได้ถึงอายุ 90 ฉันไม่ตายตอนนี้แน่ !”
“ อย่ามาทำพูด ! นายเคยเชื่อเรื่องหมอดูตั้งแต่เมื่อไหร่ !” เฉินฮุ่ยรู้ว่าอีกฝ่ายแค่ปลอบใจเขาเท่านั้น ด้วยนิสัยของเย่ปินจะเคยไปดูดวงแบบนั้นได้อย่างไร
“ เอาน่า ! เราจะระวังตัว ถ้ามีอันตราย เราจะรีบหนีทันที” จางหลานพูดเกลี้ยกล่อมเฉินฮุ่ย
“ นั่นมันเป็นผี ! ฉันเห็นอันตรายแล้ว จะให้ฉันกลับไปคนเดียวได้ยังไง !” เฉินฮุ่ยยังคงไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้ว่าห้ามคนทั้งคู่ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทันที “งั้น ฉันจะอยู่ด้วย ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมให้พวกนายอยู่ที่นี่”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเฉินฮุ่ย เย่ปินทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นก็ได้”
ดังนั้นคนทั้งสามจึงกลับไปยังสถานี เย่ปินส่งภาพถ่ายในโทรศัพท์ให้กับเจ้าหน้าที่ แล้วมองหากล้องเทเลสโคป 3 กล้อง จากนั้นพวกเขาก็ขับรถกลับไปยังป่าทึบ และมองหาสถานที่สังเกตการณ์ที่สามารถมองเห็นป้ายรถเมล์ได้อย่างชัดเจน