รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 14 ทิ้งของที่ฉินหลั่งเอามาเถอะ

บทที่ 14 ทิ้งของที่ฉินหลั่งเอามาเถอะ
ฉินหลั่งลูบๆกล่องอาหาร ยังอุ่นๆอยู่ หวงเกอพวกเขาสามคนจะยังได้กินอาหารอุ่นๆ ถือเอาไว้แล้วรีบเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
“แอ๊ด” เสียงหนึ่ง ฉินหลั่งผลักประตูห้องคนไข้เข้าไป
ส้งเส่นเอ๋ออยู่ในห้องคนไข้เตียงเดี่ยว อาการบาดเจ็บของเธอไม่รุนแรง เพียงแค่พันผ้าพันแผลเล็กน้อยเอาไว้บนขาที่ได้รับบาดเจ็บของเธอเท่านั้น
เพื่อนของส้งเส่นเอ๋อที่ล้อมรอบเตียงอยู่ นอกจากพวกหวงเกอ คนอื่นๆแต่งตัวได้อย่างทันสมัย ผู้ชายผู้หญิงต่างก็สวมเสื้อผ้าที่มียี่ห้อชั้นนำกันทั้งนั้น
ข้างเตียงคนไข้วางของขวัญที่พวกเขานำมาให้เอาไว้ มีDeluxe Milk กระเช้าผลไม้ที่ห่อหุ้มเอาไว้อย่างประณีต ไข่ไก่ท้องถิ่นจากชาวนา แล้วยังมีกล่องสีแดงอีกกี่กล่องที่ใส่โสมเขาฉางป๋ายเอาไว้
แต่เดิมคนกลุ่มนั้นกำลังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้สายตาของทุกคนต่างก็มองมาบนร่างของฉินหลั่งที่ถืออาหารเข้ามา
ฉินหลั่งโดนทุกคนมองอย่างตกตะลึง เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าในห้องคนไข้ของส้งเส่นเอ๋อจะมีคนเยอะขนาดนี้
แต่แรกฉินหลั่งมาเพื่อส่งอาหารให้พวกหวงเกอเท่านั้น แต่ในเมื่อส้งเส่นเอ๋อได้รับบาดเจ็บ และตอนนี้ก็มีคนกำลังมองตนเองมากมาย ฉินหลั่งจึงยิ้มๆ ถามส้งเส่นเอ๋อขึ้นมา: “ส้งเส่นเอ๋อ เธอเป็นยังไงบ้าง?”
ส้งเส่นเอ๋อไม่ตอบ แค่กำลังมองฉินหลั่งอย่างเย็นชา ราวกับว่าไม่ยินดีที่ฉินหลั่งมามากทีเดียว
“ในมือนายคืออะไรเหรอ?” ชุยเหวินเหวินใช้มือชี้ไปที่กล่องอาหารที่อยู่ในมือของฉินหลั่งถามขึ้น
“อ้อ ฉันเอาอาหารนิดหน่อยมาให้หวง…” ฉินหลั่งชำเลืองมองกล่องอาหารที่อยู่ในมือ พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
“นายคงไม่ได้เอา ‘ข้าว’ มาเยี่ยมเส่นเอ๋อใช่ไหม?” ชุยเหวินเหวินมองฉินหลั่งแล้วถามขึ้นอย่างประหลาดใจ มาเยี่ยมคนที่โรงพยาบาล โดยปกติมักจะนำอาหารบำรุงร่างกายมาให้ เอาข้าวมาให้ ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ
“นี่เป็นของพวกหวงเกอพวกเขายังไม่……” ฉินหลั่งกำลังคิดจะอธิบาย ว่าอาหารพวกนี้เอามาให้ รูมเมทของตนเอง หวงเกอก็รีบเดินเข้ามาหา ตบไหล่ของฉินหลั่งเบาๆ ยิ้มแล้วพูดกับคนอื่นๆ: “ฉินหลั่งคือจริงๆแล้ว ทุกคนก็ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหมล่ะ พอดีเลยที่จะให้ทุกคนแก้หิวกัน!”
ฉินหลั่งมาเยี่ยมส้งเส่นเอ๋อ ถ้าไม่ได้เอาอะไรติดมือมาเลย จะไม่โดนเพื่อนของเธอที่ชอบประจบสอพลอคนรวยหัวเราะเยาะแย่เหรอ?
แม้ว่าอาหารพวกนี้จะเอามาให้รูมเมทของตนเอง แต่ตอนนี้ก็ทำได้เพียงบอกว่าเอามาให้ ส้งเส่นเอ๋อแล้ว
นำข้าวมาให้ก็คงจะดีกว่าไม่มีอะไรติดมือมาเลยใช่ไหมล่ะ?
“ฮ่าๆ เป็นครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินว่ามีคนเอาข้าวมาเยี่ยมคนไข้น่ะ”
“ฉันกลับเคยได้ยินนะ แต่ที่ฉันเห็นมักจะเป็นแม่ของคนไข้ที่เอาข้าวมาให้มากกว่า ไม่ว่ายังไงนายก็เป็นนักศึกษา นำข้าวมา? ไม่รังเกียจที่จะลดฐานะทางสังคมใช่ไหม?”
เพื่อนของส้งเส่นเอ๋อกี่คนตอนนี้ก็กำลังแสดงความคิดเห็นออกมาแล้ว
“เฮ้ เมื่อกี้ตอนที่นายถือของพวกนี้เข้ามา ไม่โดนคนอื่นเห็นเข้าใช่ไหม?” ส้งเส่นเอ๋อถามขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดี เพื่อนร่วมห้องเรียนคนหนึ่งถือข้าวมาเยี่ยมตนเอง คิดๆแล้วก็น่าขายหน้าสิ้นดี
“เห็นแล้ว” ฉินหลั่งไม่ค่อยสบายใจ ไม่ต้องพูดถึงว่าอาหารนี้ไม่ได้เอามาให้เธอ แม้ว่าจะให้เธอจริงๆ นั่นก็แสดงถึงความมีน้ำใจของตนเองแล้ว ก็ไม่ควรจะโดนเหยียดหยามหรือเปล่า?
“เห็นแล้ว? น่าขายหน้าชะมัดเลย!” ส้งเส่นเอ๋อคำรามออกมา หันไปด้านข้าง
“ไม่งั้นพวกเราก็ดูกันหน่อยดีกว่าว่าสรุปแล้วเขาเอาอะไรมา?”
พูดๆอยู่ ชุยเหวินเหวินก็เดินเข้าไปใกล้ๆฉินหลั่ง คิดจะเปิดกล่องข้าวที่อยู่ในมือของเขา
“ไม่ต้องดูแล้ว เขาจะเอาของดีอะไรมาได้? อยู่ในมหาวิทยาลัยฉันก็ได้ยินชื่อเสียงของเขา รู้มาว่าครอบครัวจนมาก โดยปกติก็ไม่กินข้าวที่ร้านอาหารอยู่แล้ว”
“เหมือนฉันจะจำเขาได้แล้ว เขาเคยเป็นคนส่งอาหารนอกมหาวิทยาลัยของพวกเรา ฉันยังเคยสั่งอาหารที่เขามาส่งเลย เขารับหน้าที่ส่งอาหารจากร้านค้าแผงลอยพวก ‘ข้าวผัด’ ‘ก๋วยเตี๋ยวผัด’ นอกมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ!”
“ฮะ? ร้านแผงลอยพวกนั้นที่นอกมหาวิทยาลัย ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัดจานหนึ่งเพิ่งจะ 7-8 หยวนเอง ในกล่องอาหารนี่คงจะไม่ใช่ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัดใช่ไหม?”
“แน่นอนอยู่แล้ว เขาท่าทางยากจนขนาดนี้ ต่อให้ไม่ใช่ข้าวผัด ก็คงเป็นข้าวอะไรที่ไม่เกิน 10 หยวนน่ะแหละ ตอนนี้เส่นเอ๋อกำลังต้องการบำรุงร่างกาย เอาอันนี้มาให้ หมายความว่าอะไรกันแน่?”
“นึกถึงสถานการณ์นั้นก็อึดอัดแล้ว อีกสักพักพยาบาลเข้ามา แล้วได้เห็นคนในห้องคนไข้ต่างก็ประคองข้าวกล่องกินข้าวอยู่ แล้วยังเป็นข้าวผัดที่ราคา 7-8 หยวนด้วย ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเราก็คงกลายเป็นตัวตลกของโรงพยาบาลสินะ”
เพื่อนๆของส้งเส่นเอ๋อ ต่างคนต่างพูดขึ้น ไม่สนใจว่าฉินหลั่งยังยืนอยู่ที่นี่อย่างสิ้นเชิง พวกเขากี่คนที่คราวก่อนกินข้าวด้วยกันที่เซียนหย่าจุน ต่างก็รู้ถึงท่าทางของส้งเส่นเอ๋อที่มีต่อฉินหลั่ง จึงพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจกันเลยสักนิด!
ฉินหลั่งหมดคำพูดกับคนกลุ่มนี้จริงๆ ตอนนี้เขาไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว เขาไม่สนใจคนอื่นๆ เพียงแค่พูดกับพวกหวงเกอรูมเมทของเขาเท่านั้น ให้พวกเขากินอาหารตอนที่ยังร้อนๆอยู่ แล้วก็กลับออกไป
ส้งเส่นเอ๋อขมวดคิ้วมองหวงเกอที่กำลังถือกล่องอาหารเอาไว้: “อย่ากินเลย ระวังจะท้องเสียเอานะ รออีกเดี๋ยวพวกเราไปกินข้าวด้วยกัน อาหารที่เขาเอามาให้ก็วางไว้บนพื้นนั่นแหละ รอแม่บ้านเข้ามาฉันจะให้เธอเอาไปให้หมากิน!”
หวงเกอค่อนข้างไม่สบายใจ แต่ต่อหน้าทุกคนก็ไม่อยากพูดอะไร วางกล่องอาหารเอาไว้บนพื้น
เวลานี้ ประตูห้องคนไข้ก็เปิดออกอีกครั้ง มีคนๆหนึ่งเดินเข้ามา
“เส่นเอ๋อ เป็นความผิดฉันเอง เธอเป็นยังไงบ้าง? บาดเจ็บรุนแรงไหม?” จางเชื๋อเป็นคนที่เข้ามา บนหัวของเขากับบนมือมีผ้าพันแผลพันอยู่ แต่อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้หนักมาก
“ไม่เป็นไรมากหรอก เพียงแค่ผิวหนังถลอกเท่านั้น กระดูกร้าวเล็กน้อย หมอบอกว่ารอดูอาการสักสองวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว นายล่ะ?” ความเย็นชาบนใบหน้าของส้งเส่นเอ๋อหายไปหมดแล้ว ปรากฏรอยยิ้มแสนหวานออกมา
“นายเป็นอะไรมากไหม? เมื่อวานนายสลบไป ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ฉันผิดเอง นั่งอยู่ข้างหลังนายจึงส่งผลกระทบไปถึงนายด้วย……”
ตามมาด้วย ความเอาใจใส่ของส้งเส่นเอ๋อที่มีต่อจางเชื๋อ
เห็นฉากนี้ พวกหวงเกอก็อึดอัดใจมากทีเดียว
ตอนที่ฉินหลั่งมา ส้งเส่นเอ๋อพูดจาเย็นชา หน้าตาค่อนข้างบึ้งตึง คนอื่นๆพูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้น ก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากคลี่คลายสถานการณ์สักหน่อยเลย
ในทางกลับกัน อาการบาดเจ็บของส้งเส่นเอ๋อจะพูดยังไงจางเชื๋อก็เป็นคนทำอยู่ดี แต่ว่า ท่าทางที่ส้งเส่นเอ๋อมีต่อจางเชื๋อกลับดีขนาดนี้
ส่งเส่นเอ๋นถึงกลับเอาความรับผิดชอบที่บาดเจ็บมาไว้กับตนเอง
แต่ ไม่ว่าจะพูดยังไง ครั้งนี้จางเชื๋อก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตบริษัทของครอบครัวส้งเส่นเอ๋อเอาไว้ ปฏิบัติต่อจางเชื๋อขนาดนี้ก็พอจะเข้าใจได้ พวกหวงเกอจึงทำได้เพียงทอดถอนใจอย่างไม่ยุติธรรม
กำลังคุยๆกันอยู่ ก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งรีบร้อนเข้ามาในห้องคนไข้
“เส่นเอ๋อ นี่เกิดอะไรขึ้น อาการบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง? อั๊ยหยา ดูแขนเนี่ยพันแผลไว้ทั้งนั้นเลย หมอว่าไงบ้าง?”
ระหว่างที่หญิงสาวพูดอยู่ก็พุ่งเข้ามาถึงหน้าเตียงของส้งเส่นเอ๋อแล้ว กำลังมองส้งเส่นเอ๋ออย่างกังวลใจ เธอสวมเสื้อของที่ทำงานลายเส้นสีฟ้า ผมสั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว ผิวขาวละเอียด คิ้วทรงยาว ดูแล้วเป็นคนฉลาดเฉียบแหลม
“น้า”
ดวงตาโตๆทั้งคู่ของส้งเส่นเอ๋อเปล่งประกายจับจ้องไปที่หญิงสาว มือเล็กๆดึงมือของหญิงสาวเอาไว้
หญิงสาวที่มา เป็นน้าของส้งเส่นเอ๋อนี่เอง
ซุนเย่วแม้จะบอกว่าเป็นน้าของส้งเส่นเอ๋อ แต่เธออายุมากกว่าส้งเส่นเอ๋อแค่สี่ปีเท่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนจึงเหมือนกับเป็นพี่น้อง หลังจากเกิดเรื่อง ส้งเส่นเอ๋อได้โทรไปบอกซุนเย่วเอาไว้
“หมอบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไรมาก น้าสบายใจได้แล้ว โทษหนูเอง น่าจะโทรบอกน้าก่อนน้าจะได้ไม่ต้องมา” ส้งเส่นเอ๋อกำลังมองตาของซุนเย่ว พูดเจื้อยแจ้ว
ได้ฟังส่งเซ่นเอ๋อพูดอย่างนี้ ในใจของซุนเย่วก็ผ่อนคลายลงแล้ว
เมื่อกี้ตอนที่ซุนเย่วเข้ามาก็สังเกตเห็นถึง บนหัวของจางเชื๋อที่อยู่ด้านข้างก็พันผ้าพันแผลเอาไว้ ตอนนี้จึงหันไปมองเขา ขมวดคิ้ว: “นายเองสินะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ทำให้เส่นเอ๋อล้ม? นายบอกว่าเมื่อคืนฝนตก แล้วนายไม่มีอะไรจะทำก็เลยไปซิ่งรถเล่นงั้นเหรอ? คิดว่าตนเองทักษะดีมากใช่ไหม? จริงๆเลย โชคดีที่คราวนี้ไม่มีเรื่องใหญ่โต ถ้ามีเรื่องขึ้นมา นายจะรับผิดชอบไหวไหม?”
อยู่ต่อหน้าคนมากมาย แต่ซุนเย่วพูดกับจางเชื่ออย่างนี้ พูดซะจนจางเชื๋อขายหน้าไปหมดแล้ว เขากระแอมออกมา มองคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ ในแววตาของพวกเขาต่างก็มีท่าทีอึดอัดใจ
“น้า น้าอย่าพูดกับจางเชื๋ออย่างนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจนี่นา เรื่องของครอบครัวพวกเราก็เป็นจางเชื๋อที่ไปขอร้องให้พ่อเขาจัดการให้นะ” ส้งเส่นเอ๋อดึงมือของซุนเย่ว พูดขึ้นเบาๆ จางเชื๋อช่วยเหลือครอบครัวพวกเธออย่างใหญ่หลวงขนาดนี้ พวกเราพูดกับเขาอย่างนี้ ก็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก
ซุนเย่วได้ฟังส้งเส่นเอ๋อพูด ก็ตกตะลึงเล็กน้อย มองในแววตาของจางเชื๋อมีท่าทีพินิจพิจารณา: “เรื่องของครอบครัวเส่นเอ๋อนายช่วยเอาไว้จริงๆเหรอ?”
เรื่องของครอบครัวส้งเส่นเอ๋อ แน่นอนว่าซุนเย่วรู้อยู่แล้ว ตอนที่ได้ยินว่าส้งเส่นเอ๋อไปยั่วเย้าบริษัทเทียนซีกรุ๊ป ตอนนั้นเธอก็เป็นกังวลจะแย่ และยังพึ่งพาตามหาเส้นสายมากมาย แต่ไม่มีข้อยกเว้น เส้นสายที่มีอยู่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย เพราะบริษัทเทียนซีกรุ๊ปแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ!
ต่อมา พี่สาวก็โทรมาบอกว่าจัดการได้แล้ว
ซุนเย่วถึงจะเบาใจลงได้ แต่ในใจยังคงสงสัยมากว่า พี่สาวพี่เขยได้พบใครเข้า ในระยะเวลาสั้นๆไม่ถึงหนึ่งวัน ก็จัดการเรื่องนี้ได้แล้ว?
เป็นชายหนุ่มคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าจริงๆเหรอ? จะยังไงซุนเย่วก็คิดว่าไม่น่าใช่
“น้า” ส้งเส่นเอ๋อมองซุนเย่วอย่างไม่พอใจ: “บริษัทของครอบครัวจางเชื๋อก็ไม่ใช่เล็กๆนะ แล้วพ่อเขาก็เคยกินข้าวกับประธานชื๋อ ชื๋อหยินจ้งด้วย ช่วยเหลือเรื่องนี้สำหรับครอบครัวเขาก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย น้าสงสัยจางเชื๋อขนาดนี้ ไม่มีมารยาทเกินไปแล้วนะ”
“ยัยเด็กคนนี้ เรื่องไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เธอคิดนะ ตัวตนของประธานสหพันธ์ธุรกิจเป็นยังไง เธอคิดว่าแค่กินข้าวง่ายๆครั้งสองครั้ง ก็จะจัดการได้แล้วน่ะเหรอ?” ซุนเย่วโตกว่าส้งเส่นเอ๋อมาก เคยติดต่อกับสหพันธ์ธุรกิจมาแล้ว ความวกวนคดเคี้ยวในนั้นเธอรู้ดีว่าไม่ง่ายดายเลย
“พี่ครับ เส้นสายที่ครอบครัวพวกพี่หามาไม่มีใครจัดการได้เลย พี่ต้องรู้อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ครอบครัวผมเป็นคนจัดการ แล้วจะยังมีใครอีก พี่ลองบอกผมมาสิครับ” ตอนนี้ จางเชื๋อเอ่ยปากแล้ว เมื่อครู่ซุนเย่วพูดจนเขาเสียหน้าไปไม่น้อยเลย น้ำเสียงที่เขาพูดตอนนี้ จึงมีความเหยียดหยามปนอยู่บ้าง
ตอนที่ครอบครัวพวกเธออับจนหนทาง ฉันช่วยเหลือพวกเธออย่างยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เธอยังจะทำท่าทางอย่างนี้กับฉันอีกนะ ไม่อับอายเลยใช่ไหม?
ซุนเย่วยังคงโมโหกับน้ำเสียงของจางเชื๋ออยู่เล็กน้อย
“ฉันแค่อยากตรวจสอบหาความจริงก็เท่านั้น เชื้อเชิญประธานชื๋อ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น……” ซุนเย่วพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ยังไม่เชื่อสินะครับ?” จางเชื๋อทำท่าทางประหลาดใจออกมาเล็กน้อย แล้วก็หยิบมือถือออกมา มุมปากปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยชำเลืองมองซุนเย่วครู่หนึ่ง: “ตอนนี้ผมจะโทรหาพ่อผม ต่อหน้าของพี่กับเส่นเอ๋ออีกครั้งเพื่อยืนยันให้แน่ใจ โอเคไหมครับ?”
จางเชื๋อหัวเราะเยาะออกมา แล้วโทรไปหาพ่อทันที
“ฮัลโหล พ่อครับ ผมมีเรื่องจะถามเรื่องหนึ่ง เมื่อวานที่ผมให้พ่อช่วยเรื่องของครอบครัวเส่นเอ๋อน่ะครับ พ่อไปพบประธานชื๋อมาแล้วใช่ไหม? ประธานชื๋อตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ?”
“อ้อ เรื่องนี้ พ่อลืมบอกไปเลยลูกชาย…”
พ่อจางลืมบอกที่ไหนล่ะ แค่รู้สึกน่าอับอายเกินไปต่างหาก จึงไม่ได้บอกจางเชื๋อ: “เมื่อวานพ่อไปพบแล้ว เพียงแต่เลขาของประธานชื๋อบอกว่ามีธุระไม่ให้พ่อเข้าพบ สุดท้ายเจอก็ได้เจอนั่นแหละ แต่ประธานชื๋องานยุ่งมาก ไม่มีโอกาสให้พ่อได้พูดอะไรเลย พ่อก็เลยต้องกลับ……”
พ่อจางไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านนี้ของจางเชื๋อเป็นยังไง ก็เลยพูดความจริงออกมาหมดเลย
ในใจของจางเชื๋อเต้นตึกตัก ทันทีก็รู้สึกว่าใบหน้าค่อนข้างร้อนผ่าว พ่อไม่ได้เป็นคนจัดการตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset