ตอนที่ 144 : ผู้ตรวจสอบ 1 ดาว
หลี่ว่านเฟิงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“ดูเหมือนว่าระดับผู้ดูแลของนายจะเกินกว่าผู้ดูแลที่ฉันรู้จักมาเสียอีก มันเหนือกว่าขอบเขตความรู้ของฉันเอามาก ๆ ”
“มันอาจจะเป็นพรสวรรค์ มันเหมือนกับปลาในน้ำ นกบนท้องฟ้า มันคือความสามารถที่มีมาตั้งแต่เกิดหรือติดตัวนายมา มนุษย์อย่างเราไม่อาจจะไปถึงระดับของนายได้ นายไม่อาจจะถือว่าเป็นผู้ดูแลขั้นต้นอีกต่อไปแล้ว นายคือสุดยอดของผู้ดูแล”
หลี่ว่านเฟิงตบไหล่หวังเย่าและมองไปที่อีกฝ่าย “อนาคตของนายกว้างใหญ่และไร้ขีดจำกัด แต่นายขาดการสนับสนุนและที่พึ่ง ถ้าจำเป็นฉันจะยอมออกมาจากเมืองอรุณเพื่อมาช่วยนายที่นี้ แบบนี้เป็นยังไง ? ”
หวังเย่าไม่ได้ตกลงทันที เขาได้พูดขึ้น “ลุงหลี่ ผมเข้าใจเจตนาดีของลุง แต่เส้นทางของทุกคนน่ะไม่เหมือนกัน หากเดินบนเส้นทางที่คนอื่นเคยถางไว้ แม้ว่าจะไม่เจ็บเท้า แต่ก็ไม่ได้พบสิ่งใหม่ ๆ ระหว่างทาง”
“ลุงหลี่เองก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง อย่าเสียมันไปเพราะผม ลุงไม่จำเป็นต้องร้อนใจ ลุงอยู่อย่างมีความสุขจะดีกว่า ผมจะจัดการกับเส้นทางของผมเอง”
“ที่นายพูดมาก็ถูก” หลี่ว่านเฟิงเคารพความคิดของหวังเย่า และไม่บังคับอะไรอีก
“แล้วเจอกันลุงหลี่” หวังเย่าบอกลาทันที
…
พริบตาเดียวก็ผ่านไป 3 วัน หลี่ว่านเฟิงได้ใช้เวลานั้นไปเยี่ยมเพื่อนเก่าของเขา
อันที่จริงในวันที่สามนั้นหวังเย่าไม่ได้ตามไปด้วย เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนผู้หญิงของหลี่ว่านเฟิง
ในวันที่ 4 หลี่ว่านเฟิงได้ไปรับเฉี่ยนเจินเฉียน เพราะเขาเองก็อยากจะไปช่วยหวังเย่าในการขนแร่ไฟกลับมาที่เมืองด้วย
หวังเย่าได้พาจ้าวเมิ่งซีไปด้วย เพราะเธอเองก็อยากตามไป หนึ่งคือไปเป็นเพื่อนหวังเย่า และอีกเหตุผลคือเธออยากไปดูแร่ไฟ
ยังไงซะมันก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มันคงจะดีถ้าเธอได้ความรู้กลับมาบ้าง
นี่คือการปรากฏตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการในฐานะแฟนของหวังเย่า แต่มันไม่ได้เป็นตามที่เธอหวังเอาไว้เพราะมีโทรศัพท์โทรเข้ามา ทำให้หวังเย่าต้องไปรับกู่หลิงหลิงมาด้วย
กู่หลิงหลิงเป็นเด็กสาววัย 16 ปี เธอดูน่ารักและใสซื่อ หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีจึงไม่อาจจะสวีทและหยอกล้อกันได้ ทั้งสองจึงได้แต่มองดูวิวข้างทางเท่านั้น
เมื่อมาถึงประตูเมืองก็พบว่าหลี่ว่านเฟิงและเฉี่ยนเจินเฉียนรออยู่ที่นั่นแล้ว คนคุ้มกันของทั้งสองก็มาด้วย เฉี่ยนเจินเฉียนถึงกับเรียกกลุ่มทหารรับจ้างมาช่วยในการขนแร่ในครั้งนี้
ในฐานะผู้ตรวจสอบ เขาก็มีกลุ่มทหารรับจ้างอยู่ในสังกัดด้วย ยิ่งระดับผู้ตรวจสอบสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีกลุ่มทหารรับจ้างในสังกัดมากเท่านั้น
แต่หลี่ว่านเฟิงประจำอยู่ที่เมืองอรุณ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้นำทหารมาด้วย
เนื่องจากมีพวกทหารรับจ้างมาช่วย เฉี่ยนเจินเฉียนจึงได้ติดต่อไปยังกองทัพเพื่อยืมรถหุ้มเกราะ 2 คันซึ่งติดตั้งอาวุธอย่างปืนภาคพื้นดินและปืนอากาศมาเตรียมพร้อม
ถ้าเดินทางในพื้นที่ราบ ทุกคนก็จะขึ้นรถไป แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่ลาดชันแล้ว พวกเขาก็จะเก็บรถไว้ในกระเป๋ามิติแล้วเดินทางกันเอาเอง
แต่หลังจากที่ได้พบกันแล้ว หวังเย่าก็ไม่ได้ออกจากเมืองทันที
“ลุงหลี่ ลุงเฉี่ยน รอผมสักครู่ ผมต้องไปที่ฝ่ายรายงานเพื่อเอาบางอย่าง”
เมื่อวานนี้หวังเย่าได้รับสายจากฝ่ายรายงาน หลังจากที่ตรวจสอบข้อมูลในรายงานที่เขาส่งไปแล้ว พวกนั้นก็ยืนยันว่านี่คือของจริงไม่ได้แต่งขึ้นมา ข้อมูลนี้ละเอียดอย่างมาก
ดังนั้นหวังเย่าจึงผ่านการทดสอบของผู้ตรวจสอบ 1 ดาวด้วยคะแนนที่สูง ฝ่ายรายงานได้บอกให้เขาไปที่สำนักงานเพื่อรับตราผู้ตรวจสอบ
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันเฉย ๆ เพราะมันอยู่ในการคาดการณ์ของเขาหมดแล้ว แต่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ยังไงซะ เป็นผู้ตรวจสอบก็ดีกว่าเป็นแค่เด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป
เมื่อมาถึงสำนักงาน ภายใต้การนำทางของพนักงานเขาก็ได้เข้าไปในห้องโถงของที่นั่น
ห้องโถงแห่งนี้ดูหรูหราและตกแต่งอย่างดี ทุกที่นั้นประดับไปด้วยของที่ดูแพงไม่น้อย หวังเย่าเพิ่งเคยเห็นตึกที่ดูงดงามขนาดนี้ ตึกนี้ยังมีแสงที่อ่อน ๆ ส่องประกายออกมา ที่นี่ใช้ไข่มุกขนาดใหญ่เกือบร้อยเม็ดมาประดับ มันทำให้ห้องโถงนี้ดูมีค่าอย่างมาก
ที่นี่คือสถานที่สำคัญของผู้ตรวจสอบ พวกเขาจะทำการบันทึกข้อมูลก่อนที่พวกเขาจะได้ขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบจริง ๆ
เมื่อเข้ามาในห้องโถงแห่งนี้แล้วเขาก็มุ่งหน้าไปที่ห้องหนึ่ง ซึ่งมีชายหน้าตาเคร่งเครียดนั่งอยู่ในห้อง เมื่อเห็นหวังเย่าเดินเข้ามา อีกฝ่ายก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมาทันที
“นายคือหวังเย่าสินะ ? ” ชายคนนี้รู้จักเขาด้วยงั้นหรือ ? ไม่สิ น่าจะเดาเอา
หวังเย่าพยักหน้าและแนะนำตัวเอง “สวัสดี หัวหน้าเหลียง ผมนักศึกษาจากสาขาตรวจสอบของมหาลัยหัวเซี่ย ผมมาเพื่อรับตราผู้ตรวจสอบ 1 ดาว”
หัวหน้าเหลียงบอกให้เขานั่งลงและพูดขึ้น “นายเด็กกว่าที่ฉันคิดเอาไว้มาก นายอายุแค่ 18 ปี แต่ขึ้นเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาวได้ ในประวัติศาสตร์ของเมืองหัวเซี่ยแล้วนายน่าจะเป็นคนแรกเลยก็ว่าได้ นายคือผู้ตรวจสอบ 1 ดาวที่เด็กที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา “
หวังเย่าถ่อมตัว “ผมแค่โชคดีเอง”
หัวหน้าเหลียงพยักหน้าและพูดขึ้นมา “นายจะคิดแบบนั้นก็ได้ นายดูสุขุมเยือกเย็นและไม่หลงในความสำเร็จ นี่ถือว่าดีมากเพราะคนส่วนมากล้วนแต่หลงตัวเองและประมาทให้กับศัตรูซึ่งทำให้พวกเขาต้องเจอกับหายนะและความตาย ในฐานะคนดูแลฝ่ายตรวจสอบแล้ว ฉันหวังว่านายจะรักษาความคิดนี้ไว้ ไม่ใช่แค่พัฒนาตัวเอง แต่ยังต้องระวังตัวด้วย”
“ขอบคุณหัวหน้าเหลียงที่สอนผม” หวังเย่าเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงไม่มีการส่งตราให้ถึงที่พัก เพราะพวกเขาจะต้องพูดคุยและตรวจสอบข้อมูลบางอย่างกันอีกที
หากการตรวจสอบนี้ออกมาดี แน่นอนว่าเขาจะผ่านการทดสอบ ฝ่ายตรวจสอบอาจจะให้การช่วยเหลือซึ่งจะทำให้เขาเติบโตได้เร็วขึ้น และไม่ทำให้พรสวรรค์ของเขาต้องเสียเปล่า
Related