ตอนที่ 151 : ค่ายกลเคลื่อนย้าย
“ นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายงั้นหรือ? การทำงานแบบนี้มันมีแต่ค่ายกลเคลื่อนย้ายในหนังไม่ใช่รึไง ? ”
หลังจากที่ตะลึงไปชั่วครู่ ทุกคนก็ไม่อาจจะปกปิดความตื่นเต้นได้ เพราะนี่ไม่ได้หมายถึงแค่ค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่ยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้ด้วย
หากทหารรับจ้างใช้มัน พวกเขาก็สามารถเดินทางไปยังอีกที่ได้ในทันที มันจะทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทาง อีกทั้งมนุษย์ก็สามารถสร้างฐานที่มั่นชั่วคราวที่นอกเมืองได้ แล้วค่อย ๆ ยึดครองพื้นที่ต่าง ๆ สุดท้ายพวกเขาก็สามารถทวงพื้นที่กลับมาได้
แต่ทำไมแร่ไฟถึงใช้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ ?
มันมีความสามารถเกี่ยวกับมิติรึว่ามีค่ายกลมิติอยู่ในตัว ?
นอกจากนี้แล้วค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะสามารถเคลื่อนย้ายส่งได้ไกลแค่ไหน มันมีขีดจำกัดเท่าไหร่ ?
ในด้านนี้เผิงเซี่ยนอวี่ได้ถามขึ้นมา “คุณหยู๋ นี่มันอะไรกัน ? มันเหมือนกับค่ายกลเคลื่อนย้ายในตำนานเลย”
หยู๋เหอเหว่ยก้าวออกมาจากค่ายกลอันที่สองและพูดขึ้น “คุณเผิง ผมไม่อาจจะบอกถึงหลักการของมันได้ แต่แน่นอนว่ามันคือค่ายกลเคลื่อนย้าย มันเป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายที่มีแร่ไฟเป็นรากฐาน เนื่องจากแร่ไฟเหล่านี้อัดแน่นขึ้นมาจากพลังของกิเลนไฟ จึงทำให้มีพลังของมิติส่วนหนึ่ง ซึ่งเศษเสี้ยวพลังมิตินี้คือความสามารถในการเคลื่อนย้ายมิติของกิเลนไฟ”
“งั้นค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้ก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ? ค่ายกลและแร่ไฟคือเครื่องมือในการเคลื่อนย้ายที่ไม่อาจจะมีอะไรมาทดแทนได้งั้นหรือ ? ” เย่กว่างเฉวียนวิเคราะห์
“ใช่ ค่ายกลนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามที่คุณเย่บอกมา กิเลนไฟนั้นสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในแม่น้ำ, บนท้องฟ้ารึภูเขา มันคือความสามารถก้าวข้ามมิติ และค่ายกลนี้ก็คือการใช้งานสกิลก้าวข้ามมิติ” หยู๋เหอเหว่ยอธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ
ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาเพราะค่ายกลนี่พิเศษจริง ๆ
โครงสร้างค่ายกลนั้นไม่ได้ซับซ้อนอะไร หลังจากที่เรียนรู้มัน หวังเย่าก็คิดจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่เนื่องจากโครงสร้างนี้ง่ายเกินไป มันง่ายแก่การลอกเลียนแบบ ข้อบกพร่องนี้จึงทำให้หวังเย่าล้มเลิกความคิดนี้ทันที
“งั้นระยะทางที่จำกัดของมันอยู่ที่เท่าไหร่กัน ? ” เป่ยเซียนฉีถามขึ้นมา
“เรื่องนี้ผมตอบตามตรง คุณหวังเย่าได้อธิบายถึงข้อเสียของมัน” หยู๋เหอเหว่ยสีหน้าหม่นลง “ ระยะทางการเคลื่อนย้ายของค่ายกลนี้จำกัดอยู่ที่ 300 ไมล์ แน่นอนว่าหากใช้แร่ขั้นกลางมาแทนแร่ขั้นต้นและใช้แร่ขั้นสูงมาแทนแร่ขั้นกลาง ระยะทางก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ไมล์”
ทุกคนต่างก็พากันพยักหน้า ระยะทางหมื่นไมล์ฟังดูก็สมเหตุสมผล เพราะแร่ไฟขั้นสูงนั้นมีไม่มากนัก แม้แต่กิเลนไฟเองก็มีแค่หมื่นกว่ากิโลกรัม มันมีค่าสำหรับลูก ๆ และตัวของมันเอง
ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ขนส่งได้ 300 ไมล์นั้น แม้ว่าจะเป็นระยะทางสั้น ๆ แต่หากไม่มีข้อเสียอย่างอื่นอีกก็ถือว่าดี อย่างน้อยเมืองทั้ง 36 แห่งก็อยู่ในรัศมี 300 ไมล์ของเมืองหัวเซี่ย พวกเขาสามารถสร้างฐานที่มั่นชั่วคราวขึ้นมาได้ และค่อย ๆ ทวงคืนอาณาเขตจากสัตว์อสูร
“สามารถเดินทางได้ 300 ไมล์ในทันที นับว่าน่าสนใจมาก” ซ่งเสี่ยวหลงจากสมาคมชาติสงบสุขพยักหน้าด้วยความพอใจ
สมาคมชาติสงบสุขก่อตั้งขึ้นโดยเมืองหัวเซี่ย หน้าที่ของมันคือพัฒนาอาวุธและเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติ ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาได้สร้างเทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมา ผลงานของพวกเขานับว่าโดดเด่นอย่างมาก
หยู๋เหอเหว่ยส่ายหน้าและพูดขึ้น “ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ผมแสดงให้ดูนั้นเป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด ถ้าต้องการจะใช้เดินทางถึง 300 ไมล์จริง ๆ ก็ต้องใช้แร่ไฟอย่างน้อย 50,000 กิโลกรัม นั้นก็คือแร่ไฟขั้นต้น 5,000 ก้อน และแร่ไฟขั้นกลาง 500 ก้อน จำนวนครั้งในการใช้งานสูงสุดแค่ 10 ครั้ง และทุก ๆ ครั้งสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตได้ไม่เกิน 100 หน่วยชีวิต”
สิ่งที่เรียกว่าหน่วยชีวิตนั้นแทนคนและสัตว์ ส่วนสิ่งของนั้นสามารถเก็บไว้ในกระเป๋ามิติได้ มันไม่ถูกนับว่าเป็นชีวิต
“ชัดเจนแล้วว่ามันมีข้อเสีย แต่ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก ยังไงซะมันก็นำไปใช้กับกลยุทธ์ต่าง ๆ ได้ ในยามปกติมันคงไม่ถูกใช้งานง่าย ๆ มีแค่ตอนวิกฤตเท่านั้นที่จะใช้ค่ายกลนี้” ซ่งเสี่ยวหลงพูดขึ้นมา
แต่มันไม่จบแค่นั้น หยู๋เหอเหว่ยได้พูดขึ้นต่อ “มันยังมีข้อเสียอีกอย่าง พวกคุณต้องรู้ไว้ คุณหวังเย่าบอกไว้ว่านี่คือค่ายกลทางเดียว มันสามารถเดินทางได้ในทางเดียวเท่านั้น”
หยู๋เหอเหว่ยได้ทำการเปิดใช้งานค่ายกลที่สอง แต่มันก็ไม่ทำงาน จากนั้นเขาก็เดินไปที่ค่ายกลอันแรกก่อนจะมีแสงสว่างวาบขึ้นมา ต่อมาเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ค่ายกลอันที่สอง
เมื่อก้าวออกมา หยู๋เหอเหว่ยก็พูดขึ้นต่อ “มันยังมีอีกข้อจำกัด ค่ายกลนี้จะต้องใช้เลือด 1 หยดต่อหนึ่งหน่วยชีวิต มันมีความสามารถในการจดจำคลื่นพลังชีวิต คุณสามารถตั้งเวลาในการเคลื่อนย้ายได้ ในขณะที่ตั้งเวลาเคลื่อนย้าย คุณจะต้องหยดเลือดของหน่วยชีวิตเข้าไป จากนั้นจึงจะสามารถเข้าไปในค่ายกลได้”
เมื่อหยู๋เหอเหว่ยพูดจบ ทุกคนก็พากันเงียบ แต่ไม่นานบรรยากาศก็กลับมาดีอีกครั้ง แม้จะมีข้อเสียและข้อจำกัดอยู่หลายอย่าง แต่ก็นำมาประยุกต์ใช้กับกลยุทธอื่นได้อยู่ ตราบใดที่ใช้ได้อย่างคล่องแคล่วก็สามารถนำไปต่อยอดได้อีก
ซ่งเสี่ยวหลงโล่งอก เขากลัวว่าหยู๋เหอเหว่ยจะพูดถึงข้อเสียอีกอย่าง โชคดีที่อีกฝ่ายพูดจบแล้ว บางทีผู้ประมูลคนอื่น ๆ อาจจะประมูลเพื่อเอาแร่ไฟไปซื้อขายต่อ แต่เขานั้นมองในมุมกลับกัน
“หากสมาคมชาติสงบสุขเชี่ยวชาญเทคโนโลยีนี้ งั้นพวกเราก็สามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายเป็นจำนวนมากขึ้นมาได้และครอบคลุมไปทั่วทั้งป่า พวกเราอาจจะได้ทรัพยากรมาเพิ่มก็ได้”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นสามารถย่นเวลาในการเคลื่อนย้ายและเพิ่มความสามารถในการเดินทางของมนุษย์
เขาครุ่นคิดสักพักและรู้สึกว่าแร่ไฟนี้ไม่น่าจะมีการทำงานอย่างอื่นแล้ว หากใช้ในการเคลื่อนย้ายของได้ก็ถือว่าดึงความสามารถของมันออกมาได้สูงสุดแล้ว
เขาคือคนที่แน่วแน่ หลังจากครุ่นคิดได้สักพัก เขาก็ลุกขึ้นยืนมองไปที่หวังเย่า “คุณหวังเย่า ผมมีข้อเสนอ คุณสนใจจะฟังไหม ? ”
หวังเย่าลุกขึ้นยืนและพูดขึ้น “ว่ามาได้เลย”
ซ่งเสี่ยวหลงพูดขึ้น “แร่ไฟนี้สามารถขายให้กับสมาคมชาติสงบสุขทั้งหมดได้หรือไม่ เนื่องจากมันสามารถสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ จึงเป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ หากใช้มันอย่างเหมาะสม มันก็สามารถเป็นประโยชน์สูงสุดต่อมนุษย์ได้”
หวังเย่าคิดสักพัก ก่อนจะขอโทษออกมา “ผมต้องขอโทษด้วยผู้จัดการซ่ง ผมคิดตามข้อเสนอของคุณแล้ว แต่ไม่อาจจะรับได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของมนุษย์ในตอนนี้ ไม่เพียงพอที่จะทวงคืนอาณาเขตกลับมาได้ ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรได้เติบโตขึ้นพร้อมกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของมนุษย์ในตอนนี้ เราไม่อาจจะสร้างค่ายกลครอบคลุมทุกที่ในโลกได้ ดังนั้นจึงไม่อาจจะใช้ค่ายกลในเชิงกลยุทธ์แบบที่คุณคิดได้”
Related