ตอนที่ 160 : น่าเหลือเชื่อ
“ อ๊า ! ” ฮวงจินเทียนกรีดร้องออกมา แม้ว่าเขาจะฝืนใจกดความเจ็บปวดเอาไว้ แต่เสียงที่เขาร้องออกมาก็ยังทำให้ทุกคนตกใจไม่น้อย
“นายยังใช้สกิลอยู่ มันไม่น่าจะเจ็บอะไรขนาดนั้นนี้” หวังเย่าพูดขึ้นก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของอีกฝ่าย
ตุ๊บ !
ฮวงจินเทียนกระเด็นออกไปกว่า 7-8 เมตรก่อนจะตกกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง โชคดีที่ลานนี้ทำจากวัสดุที่แข็งแรง ไม่งั้นแล้วมันอาจจะพังได้
การเตะนี้ใช้แรงไม่มาก แม้จะมีการป้องกันของอสูรหินอยู่ แต่แรงเตะนี้ก็เพียงพอจะส่งผลถึงอวัยวะภายในของฮวงจินเทียนได้
ฮวงจินเทียนบิดตัวไปมากับพื้น เขาพยายามลุกขึ้นก่อนจะมองไปที่หวังเย่า พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก สภาพของเขาตอนนี้ดูน่าอดสูเป็นอย่างมาก
“แก…หวังเย่า แก…ชนะ” ฮวงจินเทียนพูดออกมาอย่างยากลำบาก
แม้ว่าความสามารถในการฟื้นฟูของอสูรหินจะสูงและทำให้เจ้าของอย่างเขานั้นแข็งแกร่งตามไปด้วย แต่เขาก็ไม่อาจจะสู้ได้ต่อในเวลาอันสั้นนี้ ฮวงจินเทียนรู้สภาพร่างกายของตัวเองดี แม้ว่าจะไม่เต็มใจแต่เขาก็ยังเลือกที่จะยอมแพ้อีกฝ่าย
หวังเย่าพยักหน้าตอบรับ
ด้วยความสามารถที่ฮวงจินเทียนแสดงออกมาแล้ว ถึงผลลัพธ์นั้นจะพ่ายแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะรับไม่ได้
สำหรับที่ว่าทำไมการต่อสู้นี้ถึงได้ดูแย่นักก็เพราะว่ามันเพิ่งจะเริ่มการต่อสู้มาได้ไม่ถึง 2 นาทีเลย หากเขาไม่ประมาทในตัวหวังเย่ามากเกินไป ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้
เรื่องนี้หวังเย่าไม่ได้สนใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง แต่เขาก็สนใจแค่ผลลัพธ์เท่านั้น
“การ์ฟิลด์ กลับมา” หวังเย่าโบกมือพร้อมกับเรียกการ์ฟิลด์ที่เผชิญหน้ากับอสูรหินอยู่ให้กลับมา
“หวังเย่า ท้าทายอันดับ 1 และได้ชัยชนะไป” ตอนนั้นเองเสียงของกรรมการก็ดังขึ้นมา
“จบแล้วหรือ ? ”
“ไม่ใช่ว่าฮวงจินเทียนแข็งแกร่งมากรึไง ? อสูรหินของเขาอยู่ระดับสวรรค์เลเวล 50 ไม่ใช่หรือ เขาจะแพ้ได้ยังไง ? ”
“งั้นหวังเย่าก็ชนะสินะ ? มันไม่ง่ายไปหน่อยรึไง นี่ผ่านไปยังไม่ถึง 2 นาทีเลย ฮวงจินเทียนแพ้แล้วจริงหรือ ! ”
เมื่อได้ยินคำพูดของกรรมการที่ประกาศผลการต่อสู้ออกมา ผู้ชมส่วนมากก็พากันตะลึงและแปลกใจอย่างมาก
นี่โทษพวกเขาไม่ได้ หลัก ๆ แล้วเพราะโถงแห่งนี้ใหญ่อย่างมาก สิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันพูดกันบนลานประลองนั้นพวกเขาไม่อาจจะได้ยินได้ ยังไงซะก็ไม่มีใครคิดจะเอาไมโครโฟนขึ้นไปบนลานต่อสู้ด้วย
ดังนั้นแม้จะเห็นหวังเย่าโจมตีฮวงจินเทียน แต่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้บาดเจ็บสาหัสนัก พวกเขาคิดว่าฮวงจินเทียนยังสู้ต่อได้ และอาจจะโต้กลับจนคว้าชัยชนะมาครองได้
แต่คำพูดของกรรมการนั้นก็ทำให้ทุกคนได้สติ ไม่คิดเลยว่าการต่อสู้จะจบลงเร็วแบบนี้ บางคนถึงกับผิดหวัง
แต่คนที่อยู่ฝั่งหวังเย่ากลับพากันโห่ร้องออกมา หวังเย่านั้นแข็งแกร่ง แค่โจมตีไม่กี่ครั้งก็เอาชนะฮวงจินเทียนไปได้ เรื่องนี้ช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก
“ฉันรู้ว่านายคงไม่อยากยอมแพ้ แต่มันไม่มีค่าอะไร” หวังเย่าส่ายหน้าและหันหลังกลับ ก่อนจะเดินลงจากลานมา
“หวังเย่า แกอย่าได้ใจไปเลย ครั้งนี้ฉันแค่ประมาท ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส ฉันจะไม่แพ้แกแน่” ฮวงจินเทียนมองไปที่หวังเย่าและตะโกนออกมา
“ครั้งหน้างั้นหรือ ? หึหึ ! ” หวังเย่าเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา “ถ้ามีครั้งหน้านายจะมีสภาพที่แย่กว่านี้อีก”
ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน หวังเย่าได้กลับไปยังที่นั่งของตน ในใจของเขาตอนนี้คิดถึงเรื่องยื่นจบการศึกษาแล้ว
“หวังเย่า นาย…ทำไมนายถึงได้แข็งแกร่งแบบนี้ เรายังอยู่ในโลกเดียวกันรึเปล่า ? นายน่ะเป็นสัตว์ประหลาดชัด ๆ ” ไช่เหวินเซิงเดินเข้ามาหาและพูดขึ้น
นักศึกษาคนอื่น ๆ มองมาที่หวังเย่าด้วยสายตาชื่นชม
แต่หวังเย่ากลับเฉยชา เขาจะเรียนจบในไม่ช้าแล้ว หลังจากนี้คนพวกนี้จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีก ถ้าได้เจอกันจริง ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ความแข็งแกร่งที่เขามี เขาคงไม่สนใจพวกนี้แน่
“ก็แค่อันดับ 1 มันไม่ได้พิเศษอะไร ถ้าเป้าหมายของฉันอยู่แค่อันดับ 1 งั้นมันคงเป็นปัญหา” หวังเย่าพึมพำออกมา
เมื่อได้ยินคำตอบนั้น ไช่เหวินเซิงก็อ้าปากค้าง เขาอยากจะเถียงแต่ก็ไม่รู้จะโต้แย้งอีกฝ่ายยังไง
ความแข็งแกร่งที่หวังเย่าแสดงออกมานั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเติบโตได้อีกเยอะ อนาคตของเขาจะสดใสอย่างแน่นอน
“นี่หัวหน้าห้อง ฉันมีเรื่องหนึ่งจะบอกนาย”
เมื่อเห็นไช่เหวินเซิงอึ้งอยู่นั้น หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา บางทีเพราะความแข็งแกร่งที่ต่างกันจึงทำให้อีกฝ่ายไม่อาจจะเทียบเขาได้ และตอนนี้อีกฝ่ายถึงกับไม่มั่นใจที่จะพูดคุยกับเขา
“บอกมาได้เลย” ไช่เหวินเซิงตื่นเต้นอย่างมาก หวังเย่ามีบางอย่างจะบอกกับเขา รึว่าอีกฝ่ายอยากจะดึงเขามาเป็นพวกกันแน่ ?
ความแข็งแกร่งที่หวังเย่าแสดงออกมานี้ทำให้ผู้คนมากมายสนใจ ถ้าได้เป็นพวกเดียวกับหวังเย่า งั้นเขาคงมีอนาคตที่สดใสไปด้วย
เมื่อคิดแบบนั้นไช่เหวินเซิงก็แสดงท่าทีเคารพออกมา
หวังเย่าไม่ได้สนใจท่าทีที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่ายและพูดขึ้น “หลังจากนี้ฉันคงไม่ได้เจอกับทุกคนแล้ว”
“หือ ? นายจะออกไปหาประสบการณ์ตอนปิดเทอมงั้นหรือ ? นายจะไปที่ไหน ? ” ไช่เหวินเซิงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายถามเช่นนั้น หวังเย่าก็หมดคำพูด ดังนั้นเขาต้องอธิบายออกมา “ไม่ใช่ไปหาประสบการณ์ แต่ตอนนี้ฉันจะเรียนจบแล้ว”
“หือ ? ! ” ไช่เหวินเซิงตะโกนออกมา “เรียนจบแล้วงั้นหรือ ? เป็นไปได้ยังไง ? ”
ไม่ใช่แค่ไช่เหวินเซิง พวกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างก็พากันหันกลับมามองหวังเย่าด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เรียนจบงั้นหรือ ? พระเจ้า มันเกิดอะไรขึ้นกัน หวังเย่าแค่เด็กปี 1 แต่กลับจะเรียนจบแล้วงั้นหรือ ?
เพื่อแน่ใจว่าได้ยินไม่ผิด ไช่เหวินเซิงก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดขึ้นมา “หวังเย่า นายหมายความว่านายเรียนวิชาต่าง ๆ จนครบหมดแล้ว และยื่นขอเรียนจบ นายผ่านเงื่อนไขทั้งหมดแล้วงั้นหรือ ? ”
“ใช่ นายอาจจะยังไม่รู้แต่ฉันเริ่มทำการทดสอบเมื่อสองวันก่อนและผ่านการทดสอบทั้งหมด” หวังเย่าพูดด้วยท่าทีเฉยเมย
“พระเจ้า หวังเย่า นาย…นายนี่มันสัตว์ประหลาดชัด ๆ ! ”
ไช่เหวินเซิงแทบจะทำใจเชื่อไม่ได้ “ข้อเขียน 4 วิชากับภาคสนามอีก 6 วิชา มันยากอย่างมาก สาขาเรามีรุ่นพี่ที่ทดสอบไม่ผ่านและจำเป็นต้องลงเรียนซ้ำอีก นายทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ? มันคงไม่มีการลดหย่อนคะแนนลงมาหรอกนะ ฉันจำได้ว่าแต่ละวิชากำหนดเกณฑ์ผ่านไว้ที่ 70 คะแนน”