ตอนที่ 175 : ฉากอันน่าทึ่งของอสูรผู้พิทักษ์
เพื่อที่จะต่อสู้ได้อย่างราบรื่น หวังเย่าก็ได้ใช้สกิลของการ์ฟิลด์และหงอคงรวมกัน
ด้วยสกิลของการ์ฟิลด์และพายุนั้นทำให้เขาเหมือนกับนักฆ่า ส่วนสกิลของหงอคงทำให้เขาเหมือนกับนักรบ
ด้วยการมีระบบคอยช่วยรวมไปถึงการฝึกสมาธิ ดังนั้นหวังเย่าจึงสามารถใช้สกิล 2 อันรึหลายอันพร้อมกันได้ เขาเหนือกว่าผู้ใช้อสูรคนอื่น ๆ แต่เพื่อที่จะเพ่งสมาธิไปกับการต่อสู้ ฉะนั้นเขาจึงไม่สนใจวิธีนี้
ปัง !
มังกรดินตัวยาวกว่า 100 เมตรโดนมีดทมิฬตัดขาดได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่ามังกรดินก็ไม่รู้ถึงความเจ็บปวดและมีพลังธาตุดินเติมให้อย่างต่อเนื่อง ความแข็งแกร่งของมันจึงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ มันยังคงพุ่งเข้าใส่หวังเย่าอย่างต่อเนื่อง กรงเล็บที่มีพลังธาตุดินสีเหลือส่องประกายออกมา ก่อนจะตะปบหวังเย่าทันที
หวังเย่าพลิกตัวหลบ แต่พลังธาตุดินก็ยังเฉียดข้างตัวเขาไปจนเกราะได้รับความเสียหาย แม้ว่ามันจะเจ็บแต่ก็ไม่ได้ส่งผลถึงเขามากนัก
“ตายซะ” หวังเย่าราวกับเทพสงคราม ความมุ่งมั่นของเขาเพิ่มถึงขีดสุดและเข้าสู้กับมังกรดิน
“มังกรออกนิรย”
“ มังกรโลกสีชาด“
“ มังกรไฟบรรลัยกัลป์“
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้กระบวนท่าทักษะมีดลมหายใจมังกรออกมาจนครบ
ความแข็งแกร่งของมังกรดินนั้นอยู่ประมาณสัตว์อสูรระดับทองเลเวล 50 ซึ่งนี้มันคือขีดจำกัดสูงสุดในการต่อสู้ของหวังเย่าแล้ว
ตลอดมานี้หวังเย่ารู้สึกว่าประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เขาสามารถใช้ทักษะต่อสู้ได้เชี่ยวชาญขึ้น เขาเชื่อว่าตราบใดที่ยังได้สู้แบบนี้ ระดับความแข็งแกร่งของเขาก็จะสูงขึ้นในระดับที่น่าตกใจ
ไกลออกไปอสูรผู้พิทักษ์ยังยืนอยู่ใกล้กับต้นน้ำเต้าและใช้วังวนดินออกมา อีกทั้งยังคอยควบคุมดินเพื่อฟื้นฟูพลังให้กับมังกรดิน นี่คือการต่อสู้ 1 ต่อ 3
ภายใต้แรงกดดันนี้ก็ไม่อาจจะทำอะไรหวังเย่าได้ มันมีแต่จะทำให้เขากระตือรือร้นขึ้นกว่าเดิมและทำให้เขาเชี่ยวชาญการต่อสู้มากขึ้นไปด้วย
หงอคงกระโดดไปมา ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีด้วยกระบองทมิฬ การโจมตีในแต่ละครั้งนั้นทำให้เกิดแสงระเบิดจ้าออกมาและทำให้บางส่วนของมังกรดินถึงกับแตกออก
สำหรับการ์ฟิลด์แล้ว มันไม่ได้กดดันเลยแม้แต่น้อย ด้วยตัวที่ยาวกว่า 100 เมตร มันมองมังกรดินไม่ต่างอะไรไปจากของเล่นเลย
สีหน้าของอสูรผู้พิทักษ์บิดเบี้ยวไป มันรู้สึกว่าโดนดูถูก มันคำรามออกมาพร้อมกับร่างที่ระเบิดแสงสว่างจ้า พลังธาตุดินได้ปะทุออกมาราวกับเขื่อนแตก
พลังธาตุดินเหล่านี้เหมือนจะเป็นพลังกำเนิด มันได้ปะทุออกมาจากร่างของอสูรผู้พิทักษ์และกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง แผ่ไปยังหินและดินรอบ ๆ
จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากพื้น
หวังเย่ามองลงมาด้วยสีหน้าเฉยเมยแต่เขาก็พบว่าพื้นที่ในระยะ 1,000 เมตร นั้นมีรอยแตกจำนวนมากขึ้น มันราวกับใยแมงมุมที่ลามออกไปเรื่อย ๆ
พลังธาตุดินจำนวนมากได้แผ่ออกไปพร้อมรอยแตกที่ลามออกไปเรื่อย ๆ หิน, ดินและพลังธาตุดินได้รวมตัวกันเป็นอาวุธและสัตว์อสูรตัวใหญ่ มันมีทั้งมีด ดาบ รวมไปถึงกระบองอยู่ด้วย แล้วยังมีเสือ, หมาป่าและมังกร ซึ่งนี้ก็เป็นฝีมือของอสูรผู้พิทักษ์
อาวุธและสัตว์อสูรเหล่านั้นมีจำนวนนับหมื่น พวกมันพุ่งขึ้นมาบนท้องฟ้าก่อนจะรวมตัวกัน
หวังเย่าเห็นแบบนั้นก็นึกถึงอุกกาบาตขึ้นมาทันที อสูรผู้พิทักษ์ตนนี่มีลูกไม้มากมาย เขาควรรีบจัดการมัน
“กริ๊กกก ! “
อสูรผู้พิทักษ์คำรามออกมา จากนั้นอาวุธและสัตว์อสูรก็ได้พุ่งลงมาที่พื้นดิน มันราวกับจุดจบของโลก
หวังเย่าแสดงสายตาเย็นชาออกมา ด้วยความเร็วของอุกกาบาตเหล่านี้ มันสายเกินไปที่เขาจะหนีได้ เขาได้แต่ต้องรีบบินร่อนไปหลบอยู่ตามกิ่งไม้
ถ้านี่เป็นพื้นที่เปิดและไม่มีอะไรคอยกันให้ หวังเย่าก็ไม่มั่นใจว่าจะรอดจากอุกกาบาตเหล่านี้ได้
แต่ที่นี่คือป่าที่มีต้นไม้ใหญ่มากมาย ต้นไม้บางต้นสูงถึง 300-400 เมตร กิ่งของมันพัวพันกันแต่ก็มีที่ว่างขนาดใหญ่ มันอาจจะทนอุกกาบาตดินเหล่านั้นได้
หวังเย่าหลบอุกกาบาตเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย การ์ฟิลด์ได้ใช้สกิลพรางตัว ขนาดของมันจึงลดลงมากว่า 10 เท่า มันราวกับเสือที่ว่องไวและสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย
สำหรับหงอคงแล้ว มันยังยืนอยู่ด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว มันใช้กระบองปัดป้องอุกกาบาตเหล่านั้น แม้ว่าจะมีอุกกาบาตบางลูกที่ชนตัวมัน แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากการสะกิดมันเลย
ตูม ตูม ตูม….
อุกกาบาตร่วงลงสู่พื้นดินจนทำให้เกิดหลุมขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
มังกรดินที่อยู่ภายใต้การควบคุมอสูรผู้พิทักษ์ก็ได้หลบอุกกาบาตินี้อย่างง่ายดาย มันได้คำรามออกมาก่อนจะพุ่งเข้าใส่หวังเย่าอีกครั้ง
“ ดูเหมือนว่านอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่มีวิธีโจมตีอื่นอีก แกคงได้แต่ป้องกัน “ เมื่อพูดจบหวังเย่าก็ตัดสินใจเข้าสู้กับมังกรดินต่อไป
ใช้เวลาไม่นาน หวังเย่าก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจจะลงมือได้เต็มที่ อสูรผู้พิทักษ์นั้นสามารถสู้ได้นาน แต่เขาไม่อาจจะทำอย่างมันได้ ยังไงซะเขาก็มีร่างกายและเลือดเนื้อ
“ไม่รู้ว่าตือโป๊ยก่ายจะเจอกับลูกแก้วรึยัง นี่มันก็ผ่านมา 5 นาทีแล้ว” หวังเย่าคิด
ตอนนั้นเองก็มีการตอบรับจากตือโป๊ยก่าย ซึ่งนั้นมันทำให้เขาดีใจขึ้นมาทันที
“มันซ่อนอยู่ในปากสินะ ไม่แปลกเลยที่ต้องหานานขนาดนี้”
หวังเย่าไม่รู้จะพูดยังไง เขานึกถึงนิยายที่บอกว่าวิญญาณของมังกรนั้นซ่อนอยู่ในฟัน ไม่คิดเลยว่าเขาจะเจอกับเรื่องที่คล้ายกันเช่นนี้
เมื่อตำแหน่งลูกแก้ววิญญาณถูกค้นพบแล้ว หวังเย่าก็ไม่รอช้า เขาได้ให้ตือโป๊ยก่ายลองทำลายฟันของมัน เพื่อตัดขาดพลังธาตุดินจากอสูรผู้พิทักษ์
ตราบใดที่การเชื่อมต่อนี้ถูกตัดขาด อสูรผู้พิทักษ์ก็จะเสียพลังธาตุดินไป
หวังเย่าเห็นพลังของลูกแก้วแล้ว นั่นมันคืออาวุธทำลายล้างก็ว่าได้
จากการเปลี่ยนแปลงไปของโลก ก็มียาจิตวิญญาณและสัตว์อสูรวิญญาณปรากฏขึ้นมา
บัวหิมะน้ำแข็งที่อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์เองก็เป็นยาจิตวิญญาณ ลูกแก้ววิญญาณนี้เมื่อดูจากพลังของมันแล้ว ระดับของมันต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องระดับศักดิ์สิทธิ์
ผ่านไปหนึ่งนาที ตือโป๊ยก่ายก็ส่งข้อความกลับมา
ตอนนั้นเอง หวังเย่าก็ได้ยินเสียงระเบิดดังออกมาจากปากของอสูรผู้พิทักษ์ราวกับว่ามีบางอย่างถูกทำลาย
หวังเย่ารู้พลังของตือโป๊ยก่ายดี สิ่งนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะสกิลแทง มันน่าจะเป็นการโจมตีจากมีดทมิฬมากกว่า
ก่อนหน้านี้เขาได้ให้มีดทมิฬเล่มหนึ่งกับตือโป๊ยก่ายไป มีดนี้ทำขึ้นมาจากเหล็กทอง มันง่ายที่จะทำลายฟันของอสูรผู้พิทักษ์ได้