ตอนที่ 180 : พบผีตอนกลางดึก
“การ์ฟิลด์เดินทางอีกแค่ 50-60 ไมล์เราก็จะออกจากภูเขาผลไม้ได้แล้ว” หวังเย่าตบหลังการ์ฟิลด์ เมื่อการ์ฟิลด์รับรู้ได้ถึงข้อความนั้นมันก็ส่งเสียงร้องกลับมา
ตอนนี้เกือบจะ 1 ทุ่มแล้ว ภูเขาผลไม้ตั้งอยู่ในภาคกลางของหัวเซี่ย ภูมิประเทศที่นี่ใกล้เคียงกับโลกเดิมที่เขาอยู่มา เมื่ออยู่ในช่วงสิ้นเดือนมิถุนายน ท้องฟ้าที่นี่จะยังไม่มืดมากนัก
แต่ที่ภูเขาผลไม้มืดเร็ว ก็เพราะต้นไม้ที่หนาทึบคอยบดบังแสงแดดเอาไว้
ทัศนวิสัยในการมองที่มืดของหวังเย่านั้นถือว่าดี เมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์บางอย่างเขาก็สามารถมองเห็นในที่มืดได้ แต่ในภูเขาผลไม้นี้การมองเห็นของเขามีจำกัด เขาเห็นแค่ในระยะ 20-30 เมตรเท่านั้น แต่ก็ยังพร่ามัว
โดยทั่วไปแล้วต้นไม้ใหญ่ที่นี่ส่วนมากสูง 100 เมตร พวกต้นไม้สูง ๆ บางต้นอาจจะสูงถึง 300 เมตร ดังนั้นกิ่งไม้แต่ละต้นจึงหนาและมีพุ่มไม้แผ่ออกไปจนหนาทึบ ทำให้หวังเย่าไม่อาจจะจำแนกเส้นทางได้ง่าย ๆ
หวังเย่าไม่ใช่พระเจ้า ถึงเขาจะมีระบบที่สามารถวิวัฒนาการสัตว์อสูรได้อย่างรวดเร็ว แต่โดยรวมแล้วเขายังไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก เขาไม่ต่างอะไรจากคนทั่วไป
เพราะภูมิประเทศที่นี่จึงทำให้หวังเย่าเดินทางเบี่ยงออกจากเส้นทางเดิม เขาไม่รู้เลยว่าเขามุ่งหน้าไปที่ไหน
แต่จากการคำนวณ เขาน่าจะหนีมาได้ 60-70 ไมล์แล้ว แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นก็ยังเป็นป่าทึบอยู่ดี
เขาใจสั่นขึ้นมาเรื่อย ๆ เขากังวลว่าหากหนีต่อไปอย่างนี้ มีแต่จะต้องพบกับอันตราย
“การ์ฟิลด์ หยุด” หวังเย่ากระโดดลงจากหลังการ์ฟิลด์ เขากลั้นหายใจและสั่งให้การ์ฟิลด์กลั้นหายใจด้วย ตอนนี้มีแต่ความเงียบ บางครั้งก็มีเสียงนกร้องขึ้นมา
ด้านขวาไม่ไกลนักมีต้นไม้อยู่ ผลไม้ที่นั่นราวกับไข่มุกรึจะเรียกว่าเป็นลูกประคำก็ได้ มันส่องแสงสีฟ้าหม่นออกมา
หวังเย่าฟังอยู่กว่า 10 วินาที เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเขาก็คิดจะไปตรวจสอบต้นไม้นั่นและหากิ่งไหม้หนา ๆ เพื่อนอนพัก
“ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง” หวังเย่าตบหน้าผากตัวเอง
ตอนที่พักอยู่ในป่าเขาจะใช้เต็นท์ แต่ถ้าอยู่บนภูเขา เขาก็จะทำการขุดถ้ำขึ้นมา แต่ในเมื่อมีลูกแก้วจิตวิญญาณดินแล้ว ทำไมเขาถึงไม่พักที่ใต้ดินแทนล่ะ ?
แน่นอนว่าหากมีเนินเขา หวังเย่าก็จะขุดถ้ำขึ้นมา แทนที่จะนอนอยู่ใต้ดิน
เขาไม่อาจจะไปนอนใต้ต้นไม้ได้เพราะตอนกลางคืนจะมีน้ำค้างหยดลงมา อีกทั้งที่นี่มีพุ่มไม้มากเกินไปมันอาจจะมีแมลงและงูอยู่
หลังจากที่คิดอยู่ 5 นาที สุดท้ายหวังเย่าก็หาที่ที่เหมาะได้ มันคือหินที่สูงกว่า 5 เมตรและกินพื้นที่หลายสิบตารางเมตร
เขาจะใช้หินนี่เป็นโล่และขุดรูด้านล่างหินเอาไว้เพื่อความปลอดภัย เขายังสามารถย่างเนื้อด้านล่างได้ด้วย
หวังเย่ากำลูกแก้วจิตวิญญาณดินในมือไว้ก่อนที่มันจะแผ่แสงสีเหลืองและพลังธาตุดินออกมา พื้นดินโดยรอบเป็นไปตามที่หวังเย่าคิดเอาไว้ พื้นดินใต้หินนั่นเริ่มแยกตัวออก
ใช้เวลากว่า 20 วินาทีก่อนที่จะมีรูก่อตัวขึ้นมา
หวังเย่ากระโดดลงไปก็พบว่าโครงสร้างภายในเป็นแบบที่เขาคิดเอาไว้ มันคือห้องใต้ดินและยังสามารถก่อไฟด้านในได้ด้วย
หวังเย่าควบคุมลูกแก้วให้ปิดรูเอาไว้และเหลือทิ้งไว้แค่รูเล็กๆ เพื่อเอาอากาศเข้าไปหายใจ
จากนั้นเขาก็เอาแร่ไฟขนาดเท่ากับนิ้วก้อยออกมา เขาใช้มันก่อไฟ ก่อนจะมีเปลวไฟขนาดเท่ากับกำปั้นจะลุกโชน เดาว่ามันคงติดได้กว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งมันเพียงพอที่จะให้ความอุ่นกับเขาได้
นี่คือเศษเสี้ยวแร่ไฟ มันไม่มีควันและกลิ่นอีกทั้งไม่มีเสียงเผาไหม้อีกด้วย
ชีวิตเขาดูขมขื่นและลำบากจริง ๆ
ทำไมถึงขมขื่น ? เพราะเขาไม่ได้กินอะไรดี ๆ เขามีแต่ผลไม้ ถึงรสชาติมันจะดีแต่หากต้องกินมันทุกวัน มันก็ทำให้เขาไม่อยากกินมันอีก เขาอยากกินเนื้อบ้าง
ลองคิดภาพว่าหากต้องกินผลไม้ตลอด 7-8 วัน มันดีตรงไหน เขาไม่ใช่พระ และการกินเบบนี้มันทำให้ร่างกายของเขาไม่มีแรงมากนัก
โดยเฉพาะความเหนื่อยล้าในวันนี้ เขาเดินทางเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาผลไม้ ก่อนจะต่อสู้กับอสูรผู้พิทักษ์แล้วโดนไล่ล่าจากโจร จนทำให้เขาต้องหนีลงใต้ดิน และต้องหนีต่ออีกหลายชั่วโมง
เมื่อหาที่พักได้ หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ตอนนี้เองที่เขารู้สึกเหนื่อยล้าและหิวขึ้นมา
หลังจากกินเนื้อย่างที่มีในกระเป๋ามิติและไวน์ไป หวังเย่าก็เผยสีหน้าพอใจออกมาก่อนจะนอนอยู่หน้ากองไฟแล้วหลับไป
ต้องบอกว่าแร่ไฟนี่คือของที่ดี มันอำนวยความสะดวกให้กับพวกทหารรับจ้างได้อย่างมาก มันไม่ใช่แค่ช่วยเพิ่มความอบอุ่น แต่ยังใช้ทำอาหารได้ด้วย มันคือสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมนุษย์
ส่วนค่ายกลเคลื่อนย้ายนั้นยังอยู่ในระหว่างเตรียมการ มีแค่ 2-3 องค์กรที่เริ่มสร้างค่ายกลนี้ขึ้นมา หากมีโอกาสหวังเย่าจะลองไปใช้ดู
เพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้ไม่นานเขาก็กรนออกมา
ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเขาปวดฉี่ แม้ว่าเขาจะสะลึมสะลือแต่ก็ยังมองไปที่สายรัดข้อมือเพื่อตรวจสอบเวลา
เขาหลับไปตอน 20.30 นาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลา 2.00 นาฬิกา เขาหลับไปไม่ถึง 6 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกสะลึมสะลือแบบนี้
แต่เพราะกระเพาะปัสสาวะที่บีบจึงทำให้หวังเย่าต้องขมวดคิ้ว เขาทนอยู่นานแต่ก็ไม่อาจจะทนได้
เขากำลังจะเอาลูกแก้วจิตวิญญาณดินออกมาเปิดกำแพงถ้ำเพื่อเดินออกไปเยี่ยว จากนั้นเขาก็จะปิดกำแพงไว้ดังเดิม
ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องเพลงของผู้หญิงดังขึ้น
เขาหยิกตัวเองและรู้สึกว่าเขาไม่ได้ฝันไป เสียงนั้นชัดเจนขึ้นและดูว่ามันอยู่ห่างจากเขาไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร
“นี่ฉันเจอผีงั้นหรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะกลัวขึ้นมา ป่าลึกขนาดนี้จะมีผู้หญิงอยู่ในป่าได้ยังไง ?
นี่…เขาเจอผีจริง ๆ งั้นหรือ ?
เขากลัวจนเหงื่อชุ่มไปทั่วหน้าผาก เมื่อรวมกับท้องน้อยที่ปวดแล้ว หวังเย่าก็อดไม่ได้ที่จะถกกางเกงออกแล้วฉี่ออกไปทันที พร้อมกับฮัมเพลงออกมา
“ดูเหมือนว่าฉันจะปวดฉี่จนหลอนไปเอง”
เมื่อน้ำไหลออกจากตัว หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่มันก็ทำให้เขาตื่นตัวมากขึ้นไปด้วย คิ้วของเขากลับขมวดแน่นกว่าเดิม
เขาคิดว่าเขาไม่ได้ฝันไปและไม่ได้คิดไปเอง เพราะมันมีเสียงดังมาจากพื้นดินจริง ๆ