ตอนที่ 186 : หลอกล่อ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นพร้อมกับเสียงพูดคุยที่ดังขึ้นมา
“หัวหน้า ดูเทคนิคพวกนี้สิ เด็กนั่นเป็นคนทำจริง ๆ “ ผีเสี่ยวเปียวพูดขึ้นมา
ถันเจี้ยนซวนพยักหน้าและพูดขึ้น “ฉันรู้แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าเด็กนั่นแกร่งพอสมควร ตอนแรกฉันดูถูกมันไปหน่อย”
ผีเสี่ยวเปียวฮึดฮัดออกมา “สุดท้ายเด็กนี่ก็แค่ฉลาดอยู่บ้าง แต่โชคร้ายที่แม้ว่าจะลบร่องรอยจนเกือบหมด แต่เพราะความลนลานจึงทำให้เขาเหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้บ้าง มันคงไม่คิดว่าเราจะกลับกันมาเร็วแบบนี้ ถ้ามันไม่สนใจพวกผู้หญิง มันคงหนีไปได้ แต่ตอนนี้คงมีแค่ความตายที่รอมันอยู่”
“อย่าคิดอย่างนั้น เด็กนี่ฆ่าซ่งฉ่านได้และทำลายฐานของพวกเรา ทักษะของมันถือว่าดีไม่น้อย ก่อนหน้านี้มันยังหนีเราไปได้ แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้มันหนีไปแน่” ถันเจี้ยนซวนขมวดคิ้ว
เกาเฉียงยักไหล่ เขาไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ แต่เมื่อถันเจี้ยนซวนพูดออกมาแบบนั้น เขาก็ไม่อาจจะเถียงอะไรได้
“มีอุโมงค์ใต้ดินหรือ ? ” ผีเสี่ยวเปียวพูดขึ้น
“เด็กนั่นลืมกลบร่องรอยรึว่าจงใจถ่วงเวลาเรากันแน่ ? ” เกาเฉียงฮึดฮัดออกมา
“ช่างเถอะ ลองตามไปดูก่อน” เกาเฉียงพึมพำออกมา
ทั้งสามคนเดินลงไปในอุโมงค์ใต้ดินโดยไม่รู้เลยว่ามีร่างหนึ่งกำลังเฝ้ามองพวกเขาจากทางด้านหลัง
“แย่แล้ว เด็กนี่มันปั่นหัวเรา”
ทันใดนั้นเสียงดินถล่มก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงสบถด่า ผีเสี่ยวเปียวตกลงไป ถ้าไม่ใช่เพราะถันเจี้ยนซวนตั้งตัวได้เร็ว ไม่งั้นแล้ว ผีเสี่ยวเปียวคงตกลงไปตายแล้ว
เมื่อก้มลงไปมองมีดที่อยู่ก้นหลุม เหงื่อของผีเสี่ยวเปียวก็ชุ่มไปทั้งตัว
“ระวังตัวด้วย เด็กนี่มันฉลาด มันใช้ประโยชน์จากลักษณะของภูมิประเทศเพื่อวางกับดักจัดการกับเรา” ถันเจี้ยนซวนพูดขึ้นมา
“หัวหน้า เราจะทำยังไงกันดี ? ” เกาเฉียงถามขึ้นมา
“เราคงทำอะไรไม่ได้ ต้องให้ผีเสี่ยวเปียวนำหน้าไป แต่ต้องระวังตัวไว้ด้วย เพราะการจะช่วยพวกนายไม่ใช่เรื่องง่าย” ถันเจี้ยนซวนพูดขึ้นมา
ผีเสี่ยวเปียวพยักหน้า เขารวบรวมสติก่อนจะเอาอาวุธออกมาและเดินนำหน้าไป
ทั้งสามคนเดินหน้าต่อและพบกับโพรงต่าง ๆ ราวกับโพรงกระต่าย พวกเขาไม่อาจจะบอกได้ว่าทางไหนคือเส้นทางที่แท้จริง
“ทิ้งเครื่องหมายเอาไว้แล้วค่อยเข้าไปดู เจ้าเด็กนี่มันเจ้าเล่ห์แต่มันพาพวกผู้หญิงหนีไปด้วย คงหนีไปได้ไม่ไกลนัก” ถันเจี้ยนซวนกัดฟันพูดขึ้น
เมื่อทั้งสามเดินหน้าต่อและพบกับกับดักเข้า
“ทางนี้ไม่ใช่ กลับไปทางเดิม พวกนั้นมีกันหลายคน ฉันว่าพวกนั้นต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้บ้างแหละ”
ผีเสี่ยวเปียวพยักหน้า เขามีประสบการณ์ในการแกะรอยและวางกับดัก
พวกเขาพากันเดินกลับไปที่ตำแหน่งเดิม ในตอนที่เพิ่งจะยกเท้านั้น ผีเสี่ยวเปียวก็สีหน้าเปลี่ยนไป “กระจายตัวกันออก ! ”
เมื่อพูดจบเขาก็ดีดตัวออกมา แต่สองคนที่เหลือนั้นรู้ตัวช้าไป
ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ระเบิดที่ซ่อนอยู่ในโพรงได้ทำการระเบิดออกมา
ผีเสี่ยวเปียวพุ่งหนีไปด้านหน้า เกาเฉียงและถันเจี้ยนซวนตอบสนองได้ช้า จึงโดดถอยหลังกลับมา เมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง ก็มีหินถล่มลงมากั้นพวกเขาเอาไว้
ผีเสี่ยวเปียวที่อยู่ด้านหน้าสวมเกราะที่พอรับแรงระเบิดได้บ้าง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกอยู่ในความสับสนขึ้นมา
เขาถุยดินออกจากปากก่อนจะได้ยินเสียงแปลก ๆ ราวกับเสียงตัดอากาศ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าที่ความมืดตรงหน้านั้นมีลูกธนูพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง
สีหน้าของผีเสี่ยวเปียวเปลี่ยนไปทันที ใจเขาหล่นวูบ เขาไม่มีเวลาตั้งตัว อีกอย่างแล้วอุโมงค์นี่ก็แคบจนเขาไม่อาจจะหลบไปไหนได้
เมื่อไม่อาจจะหลบได้ เขาก็ทำได้แค่ต้องหลบไม่ให้โดนจุดสำคัญและปล่อยให้ธนูนั่นปักเข้าใส่ตัวเขา
ฉึก !
เสียงของเกราะโดนแทงทะลุดังขึ้น ลูกธนูได้ฝังเข้าไปที่ไหล่ซ้ายของเขาพร้อมกับเลือดที่ไหลอาบย้อมไปทั่วช่วงบนของเขา
ผีเสี่ยวเปียวรู้สึกเจ็บปวดจนสีหน้าบิดเบี้ยวไป พลังโจมตีของลูกธนูนี่สูงอย่างมาก มันทำให้เขากระเด็นไปชนกับกำแพงด้านหลังอย่างแรง
“ไอ้เด็กเวรนั่น ! ” ผีเสี่ยวเปียวเรียกตัวนิ่มออกมาขวางหน้าเพื่อหยุดหวังเย่า
ผีเสี่ยวเปียวไม่กล้าดึงลูกธนูนี่ออก ลูกธนูนี่ทำมาจากเหล็กกล้า ถ้าเขาดึงมันออก มันมีแต่จะทำให้แผลนั้นสาหัสขึ้นไปอีก ตอนนี้เขาต้องหาทางหนีให้ได้ก่อน
หวังเย่าฮึดฮัดออกมา การจะหนีจากการไล่ล่าของเขานั้นเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้นเองก็มีเสียงแหลมเล็ก ๆ คล้ายกับของมีคมทะลวงผ่านอากาศดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเข็มสีดำแทงทะลุหมวกของชุดเกาะ มันทะลุจากด้านหลังไปด้านหน้า
“นี่…นี่มัน…” ผีเสี่ยวเปียวพึมพำออกมาก่อนที่ร่างจะทรุดลงไปกับพื้น
“กิ๊…” ตือโป๊ยก่ายส่องเสียงร้องออกมาด้วยความพอใจ
หวังเย่าพยักหน้า
เมื่อผีเสี่ยวเปียวตายไป ตัวนิ่มก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความสับสน
หวังเย่ายิงธนูออกไปใส่ลูกตาของมันโดยไม่ลังเล
เมื่อตัวนิ่มร่วงลงไปกองกับพื้น หวังเย่าก็เก็บร่างของทั้งสองเข้าไปในกระเป๋ามิติ ก่อนจะเอาหินและดินออกมาเพื่อปกปิดร่องรอยของเลือดที่ติดพื้น
การกระทำทั้งหมดกินเวลาไม่ถึง 5 วินาที
“น้องเปียว นายอยู่ไหน ? ”
“ผีเสี่ยวเปียว นายได้ยินฉันมั้ย ? ”
ตอนนั้นที่อีกด้านของอุโมงค์ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา ผ่านไปหลายวินาทีแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา ถันเจี้ยนซวนและเกาเฉียงต่างก็ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อทำลายหินที่ขวางทางพวกเขาเอาไว้
“เขาอยู่ไหนกัน ? ” เกาเฉียงถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ผีเสี่ยวเปียว นายอยู่ไหน ? ” สีหน้าของถันเจี้ยนซวนหม่นลง
อุโมงค์นี้ยังเงียบสนิทดังเดิม มีแค่เสียงของทั้งคู่ที่ดังก้องไปทั่วอุโมงค์
“มีกลิ่นเลือดที่นี่ …” สีหน้าของเกาเฉียงเปลี่ยนไปทันที
“บางทีเขาอาจจะบาดเจ็บเพราะระเบิด อย่าคิดมาก ผีเสี่ยวเปียวอาจจะยังไม่ตาย ไปตามหาเขากันเถอะ”
เขามองไปที่พื้นและพบกับเลือดที่หยดลากยาวออกไป
ร่องรอยนี้ชัดแล้วว่ามันมีการบาดเจ็บ ทั้งสองไม่ลังเลอีกต่อไปและรีบตามรอยเลือดไปทันที