ตอนที่ 215 : หนี
“ ไข่ผึ้งจริง ๆ ด้วย ถ้าได้ไข่พวกนี้ไป ฉันก็จะสามารถสร้างกองทัพอากาศขึ้นมาได้ ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะใจสั่นด้วยความตื่นเต้นและความกลัว เขากังวลว่าจะโดนพวกผึ้งเจอตัว หากโดนพบตัว อย่าว่าแต่เอาไข่พวกนี้ไปเลย การที่เขาจะหนีออกไปก็ยังเป็นเรื่องยาก
หวังเย่าไม่กล้ารอช้า เขารีบปีนกำแพงแล้วเอามีดทมิฬออกมาก่อนจะเริ่มตัดรังผึ้งออกจากกำแพงหิน
ก่อนที่จะเดินทาง หวังเย่าได้ไปซื้อกระเป๋ามิติขนาดใหญ่มา 2 ใบเผื่อว่าจำเป็นจะต้องใช้
เพราะเขารู้ดีว่าการเดินทางมาที่นี่นั้นไม่ใช่การล่าสัตว์อสูร แต่เป็นการเก็บไข่ของสัตว์อสูร
และกระเป๋ามิติที่ซื้อมานั้นก็มีพื้นที่ด้านในกว่า 80 ลูกบาศก์เมตร มันคือกระเป๋ามิติที่ใหญ่ที่สุดที่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาได้ในตอนนี้ กระเป๋ามิติ 1 ใบราคาสูงถึง 80 ล้านเครดิต สองใบก็เป็นเงินกว่า 160 ล้านเครดิต
มีดทมิฬนั้นคมกริบ แม้ว่ารังกับกำแพงหินจะยึดติดกันแน่น แต่ด้วยความคมของมีดทมิฬก็ทำให้ตัดรังผึ้งขาดได้
แต่หวังเย่าก็ต้องคิ้วขมวด แม้ว่านี่จะเป็นรังผึ้งที่เล็กที่สุดแต่มันก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 5 เมตร มีดนั้นตัดได้แค่ทีละนิด ๆ เท่านั้น
หวังเย่าเก็บมีดไปก่อนจะครุ่นคิด มีดนี้ตัดได้แค่ทีละนิดเท่านั้น เมื่อทำได้ช้าแบบนี้ก็เกรงว่าผึ้งจะเจอตัวเขาก่อนที่จะตัดมันเสร็จ
ทันใดนั้นเขาก็กังวลอย่างมากเมื่อเห็นว่ามีผึ้งบินเข้ามา ดังนั้นเขาจึงรีบหลบไปที่ด้านหลังของกำแพงทันที จากนั้นก็มีผึ้งอีก 2 ตัวบินมาทางหวังเย่า ราวกับว่าจะมาตรวจสอบรังนี่
“ช้าเกินไป” หวังเย่าสบถในใจ ถ้าเขาโดนพบตัว เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกมันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ไม่ ฉันต้องจัดการกับมัน ไม่งั้นคงโดนเจอตัวแน่” หวังเย่ายังยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวตอนที่ผึ้งทั้งสองบินเข้ามา
“ตายซะ” หวังเย่าใช้รีบทักษะกระบี่บินออกมา จิตของเขาอัดแน่นเป็นกระบี่แล้วพุ่งไปใส่หัวของผึ้งทั้งสอง จิตกระบี่ได้พุ่งเข้าใส่วิญญาณของผึ้งทั้งสองจนทำให้วิญญาณของมันสั่นไหวอย่างรุนแรง
ตอนนั้นสติของผึ้งทั้งสองก็ตกอยู่ในความสับสน แม้แต่สกิลสั่งการทางจิตก็ไม่อาจจะใช้งานได้
แต่การโจมตีนี้ยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าผึ้งทั้งสองได้
ยังไงซะผึ้งนี่ก็อยู่ระดับทองแล้ว มันเลเวลของมันมากกว่า 30 มันจะโดนกระบี่จิตจัดการแล้วตายง่าย ๆ ได้อย่างไร ?
เมื่อเห็นแบบนั้น หวังเย่าก็สะบัดมือพร้อมกับใช้ใบมีดลมสองอันไปตัดหัวผึ้งทั้งสอง โดยที่ผึ้งทั้งสองไม่มีโอกาสได้ส่งเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย
ร่างของผึ้งทั้งสองร่วงลงไปในหุบเหวทันที
หวังเย่าไม่รู้ว่ารอยแยกนี่ลึกแค่ไหน หากลึกอีกแค่ไม่กี่ร้อยเมตร เกรงว่าถ้าร่างของผึ้งหล่นลงกับพื้น มันก็อาจจะทำให้เกิดเสียงดังจนทำให้ผึ้งตัวอื่น ๆ รู้ตัวได้
“มีดทมิฬตัดรังไม่ขาด ฉันต้องทำยังไง ? ”
หวังเย่าคิดหาวิธีการต่าง ๆ เขาไม่กล้าใช้ใบมีดลมเพราะมันอาจจะพุ่งชนกำแพงหิน และทำให้เกิดเสียงดังขึ้น
“ตือโป๊ยก่าย กลับมา”
เขาเรียกตือโป๊ยก่ายกลับมา ก่อนจะให้มันเปลี่ยนเป็นหมอกแทรกตัวเข้าไปในรอยแตกระหว่างรังผึ้งกับกำแพงเพื่อตัดมันออกจากด้านใน
และมันก็ได้ผล
ตือโป๊ยก่ายสามารถตัดรังผึ้งได้เร็วกว่าเขาเสียอีก
แกร๊ก !
เสียงแตกหักดังขึ้นก่อนที่รังผึ้งจะเริ่มร่วงลงมา
“เยี่ยม” หวังเย่าใช้ลมประคองรังผึ้งเอาไว้ ก่อนจะรีบเก็บมันเข้าไปในกระเป๋ามิติ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตึง ตึง !
เสียงจากพื้นดินดังขึ้นมา มันน่าจะเป็นเสียงของศพผึ้งทั้งสองตัวที่หล่นกระแทกพื้น
“ที่นี่ลึกแหะ” หวังเย่าแปลกใจนิด ๆ มันผ่านไปสักพักแล้ว หากวัดความสูงแล้วมันน่าจะลึกจากที่นี่ไปอีก 5,000 เมตร ถ้าอย่างนั้น เหวนี่ไม่ใช่ลึกเป็นหมื่นเมตรเลยหรือ ?
ในตอนที่คิดอยู่นั้น ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด กลับมีสายตาแดงก่ำดูกระหายเลือดปรากฏขึ้นมา
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปมองพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ลึกลงไปในหุบเหว มีสัตว์อสูรที่น่ากลัวอาศัยอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างของมันแสดงความเย็นชาออกมา
“นี่มันอะไร ? ” หวังเย่าไม่กล้าที่จะมองลงไปอีกรอบ เขาได้แต่รีบปีนกำแพงเพื่อหนีขึ้นไป
แต่ตอนนั้นเองกลับมีกลุ่มแสงก้อนใหญ่บินลงไปที่ด้านล่าง การตกลงไปของศพผึ้งทั้งสองตัวนั้นทำให้ผึ้งทั้งหมดลนลาน ดูเหมือนว่าเสียงดังนี้กับสายตากระหายเลือดด้านล่างจะทำให้พวกผึ้งพากันตื่นตัว
เสียงหึ่งของปีกดังขึ้นพร้อมกับผึ้งที่เข้าล้อมจุดที่ศพของผึ้งทั้งสองตกลงไป
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะเร่งความเร็วขึ้น หากเขาโดนพบตัว งั้นมันก็ยากที่เขาจะหนีไปได้
แต่ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นไร้ค่า
เพราะรังเก็บไข่ที่หายไปทำให้ผึ้งทั้งหมดพากันเคลื่อนไหว ด้านหลังของเขามีกลุ่มเมฆไฟขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้น พวกผึ้งบินไล่หลังเขามาด้วยความเร็วสูง ไม่นานมันก็บินขึ้นมาได้หลายพันเมตร พวกมันเริ่มกระจายตัว เพื่อออกตามหารังผึ้งที่หายไป
หวังเย่ายิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาทำดีแล้ว และถือว่าโชคดีด้วยที่ไม่ได้ทำผิดพลาด แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะหนีออกไปได้
“ถ้าฉันใช้ลมพยุงขึ้นมาเก็บศพของผึ้งสองตัวนั้นเข้าไปในกระเป๋ามิติ บางทีฉันอาจจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้”
ตอนนี้หวังเย่าได้แต่แนบลำตัวให้ชิดกับกำแพงหินมากที่สุด เขาไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ให้เล็ดลอดออกมา ในใจของเขาได้แต่ภาวนาไม่ให้ถูกพบตัว
ตอนนี้เขาไม่มีที่ให้หนีแล้ว พวกผึ้งพากันกระจายตัวออกค้นหา ลูกแก้ววิญญาณดินนั้นไม่อาจจะใช้งานกับกำแพงหินนี่ได้
“เดี๋ยวนะ ช่องว่างในกำแพงหินนี่ เหมือนจะเชื่อมไปยังด้านล่าง ? ”
หวังเย่ากัดฟันแน่นก่อนจะเลือกเดินทางไปยังข้างล่างแทน
แม้เขาจะไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตแบบไหนรอเขาอยู่ด้านล่าง แต่นี่คือโอกาสรอดเดียวของเขา ตราบใดที่เขาระวังมากขึ้น เขาก็อาจจะไม่ถูกพบตัว