ตอนที่ 219 : แม่น้ำใต้ดิน
โอกาสแบบนี้ไม่ได้หามาง่าย ๆ หวังเย่าไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ให้เสียเปล่า
ถึงเขาจะกำลังตรวจสอบสถานะของอสูรกายยักษ์โบราณ แต่เขาก็ไม่หยุดที่จะใช้สกิลกระโดดสูง
ตอนที่หวังเย่ากระโดดขึ้นไปได้ 56 ครั้งและหนีออกมาได้กว่าพันเมตร ผึ้งที่พากันลนลานก็ได้รับคำสั่งจากราชินีผึ้ง พวกมันจับกลุ่มกันอีกครั้งและไล่ตามหวังเย่าต่อ
อสูรกายยักษ์โบราณกระโดดขึ้นจากพื้นพร้อมที่จะเข้าโจมตีอีกครั้ง
เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็ได้แต่ต้องรีบหนี
แม้จะรู้ว่าด้วยความเร็วของผึ้งแล้วมันยากที่เขาจะหนีไปได้ แต่เขาก็ต้องหนี
เมื่อเห็นว่าฝูงผึ้งอยู่ห่างไปแค่ 500 เมตร หวังเย่าก็ใจสั่น
เขาใช้วิธีเดิมทันที เขาปล่อยตัวให้ตกแล้วเอามิสไซน์ออกมาก่อนจะทำการยิงออกไป ด้วยแรงดีดนั้นทำให้ร่างกายเขาตกลงมาเร็วขึ้นกว่าเดิม
สำหรับมิสไซน์ที่ยิงไปนั้น แม้ว่าจะฆ่าผึ้งได้หลายตัวแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ยังไงซะมันก็แค่ไม่กี่สิบตัวจากหลายหมื่นตัว
หวังเย่าร่วงลงมา 400-500 เมตร แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่มีทางที่จะบาดเจ็บได้ ถึงมีโอกาสที่จะบาดเจ็บแต่หวังเย่าก็สามารถสร้างโล่ลมขึ้นมาเพื่อชะลอความเร็วในการตกของตัวเองได้ อีกทั้งเขายังมีร่างคิงคองที่แม้ว่าจะหล่นลงไปกระแทกพื้น แต่เขาก็คงไม่เป็นอะไร
ต้องรู้ก่อนว่า ก่อนหน้านี้เขาตกลงมาหลายพันเมตรแต่ก็ยังหยุดไว้ได้ทัน
แต่พวกผึ้งก็ยังเลือกที่จะไล่ตามเขาต่อ พวกมันหวังจะตามหวังเย่าให้ทันก่อนที่เขาจะหล่นลงไปถึงพื้น
หวังเย่าจะปล่อยให้พวกมันทำตามใจได้งั้นหรือ ? เขาเอาลูกแก้ววิญญาณไฟออกมาก่อนจะดึงพลังไฟจำนวนมากอัดแน่นเป็นลูกธนูไฟที่ยาวกว่า 2 เมตรขึ้นมา
ลูกธนูไฟนั้นถูกยิงออกไปทางฝูงผึ้งที่อยู่ตรงหน้า
ด้วยการที่ฝูงผึ้งพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกับลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่พวกมัน จึงทำให้ระยะทางนั้นหดสั้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ลูกธนูก็อัดเข้ากับตัวผึ้ง แต่ก็ต้องเกิดเรื่องน่าแปลกใจขึ้น ตอนที่ลูกธนูระเบิดออกก็ได้ก่อตัวเป็นทะเลไฟขึ้นมา ทำให้ผึ้งที่อยู่ด้านหน้าไม่อาจจะทนรับแรงระเบิดได้ แต่โชคดีที่ผึ้งพวกนี้เป็นสัตว์อสูรธาตุไฟ พวกมันจึงสามารถดูดซับพลังไฟโดยรอบได้และสร้างความเสียหายให้กับพวกมันไม่มากนัก
แต่เพราะการระเบิดของลูกธนูนี้จึงทำให้พวกผึ้งด้านหน้าแตกกระเจิงออก
ด้วยความสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้พวกผึ้งที่บินตามมาด้านหลังได้บินเข้าไปชนกับผึ้งที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง
ตอนนั้นมีผึ้งจำนวนมากที่บินชนกัน บางตัวถึงกับได้รับบาดเจ็บและไม่อาจจะบินต่อได้ พวกมันร่วงลงไปที่พื้น
หวังเย่าทำการยิงธนูไฟออกไปกว่าสิบครั้ง
อสูรกายยักษ์โบราณที่อยู่ที่พื้นเห็นแบบนั้นก็กระโดดขึ้นมา มันไม่ได้เห็นอาหารมากแบบนี้มาหลายปีแล้ว ครั้งนี้มันต้องกินพวกผึ้งให้หมด
ตอนที่หวังเย่าเพิ่งจะตกลงมาถึงพื้นก็พบว่าอสูรกายยักษ์โบราณนั้นกลับเลือกที่จะกระโดดขึ้นและอ้าปากออก เพื่อกินพวกผึ้งที่ร่วงลงมา
เขาเห็นถึงสายตายินดีของมันด้วย
หวังเย่าไม่ได้ทนดูฉากนั้น เขามองไปรอบตัวเพื่อหาที่ซ่อน
ในเมื่อไม่สามารถหนีจากอสูรกายยักษ์โบราณได้ และไม่สามารถสลัดฝูงผึ้งไปได้ เขาก็วางแผนไล่เสือกินหมาป่าขึ้นมา
พูดกันตามตรง ฝูงผึ้งพวกนี้ก็ช่างแค้นฝังหุ่นจริง ๆ พวกมันไม่รีรอที่จะระดมพล ไม่ใส่ใจต่ออาการบาดเจ็บ ขอแค่ฆ่าเขาให้ได้ ความเคียดแค้นที่รุนแรงเช่นนี้ แม้แต่มนุษย์ก็เทียบไม่ได้
แต่เขาไม่เข้าใจ แค่เสียรังไปหนึ่งรังไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้ไล่ล่ากันอย่างเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ ผ่านไปสักพักนางพญาก็สร้างไข่ขึ้นมาใหม่ได้ แล้วทำไมพวกมันต้องเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้ด้วย ?
รังไข่นี้มีสมบัติรึของบางอย่างอยู่ด้านในรึไง ?
หวังเย่าเดาว่าความคิดนี้มีเหตุผล แต่เขาไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบมันเพราะตอนนี้เขายังตกที่นั่งลำบาก
“ ตรงนั้น !” หวังเย่าพบว่าที่กำแพงด้านหนึ่งมีรูลึก ปากรูสูงไม่ถึง 1 เมตร แต่ก็ลึกเข้าไปกว่า 10 เมตร มันพอให้เขาเข้าไปได้อยู่
เขาพุ่งเข้าไป แล้วก้มตัวคลานเข้าไปทันที
ตอนที่เขาเพิ่งจะเข้าไปในรูนั้นเขาก็ต้องแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา เพราะที่พื้นไม่ใช่หินแต่กลับเป็นดิน…
หวังเย่าไม่สนใจอสูรกายยักษ์โบราณที่โจมตีพวกผึ้งอยู่
เขาได้เอาลูกแก้ววิญญาณดินออกมาก่อนจะใช้พลังของมันเพื่อขุดดินที่พื้น
หวังเย่าขุดดินได้ 500 เมตร จึงพบว่านอกจากกำแพงหินในเหวแล้ว ส่วนอื่นๆนั้นเป็นดินหมด แต่เพราะที่นี่อยู่ลึกเกินไปและมีน้ำในดินเป็นจำนวนมาก ตัวของเขาจึงเปียกชุ่ม
หวังเย่าไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ตัวเองเปียกไปแบบนั้น
“ฉันน่าจะขุดไปตามแนวกำแพงหิน” มันกลับเป็นว่าเขาไม่อาจจะหนีไปทางอื่นได้ นอกจากเดินเลียบกำแพงไป เพราะกระเป๋ามิติของเขาเกือบจะเต็มแล้ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมากระเป๋ามิติทุกใบของหวังเย่าก็เกือบจะเต็ม
ตอนนี้เขาขุดขึ้นมาได้เกือบ 20 ไมล์แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีน้ำในดินมากเกินไป เขาคงใช้เวลาไม่นานขนาดนี้
“ถ้าขุดเป็นแนวตั้ง ฉันก็ไม่น่าจะเจอกับกำแพงหินอีก ” หวังเย่าสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับเอาหมวกใบใหม่ออกมาสวม
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอย่างต่อเนื่อง
ใต้ดินนี้ไม่ได้มีออกซิเจนมากนัก ยิ่งอยู่ใต้ดินร่างกายของคนเราก็ยิ่งต้องการออกซิเจนมากกว่าเดิม หมวกที่ใช้ได้ 1 ชั่วโมงตอนนี้กลับใช้ได้แค่ 30 นาทีเท่านั้น
ดินที่ถูกขุดล้วนแต่ถูกควบคุมโดยลูกแก้ววิญญาณดินให้เข้าไปในกระเป๋ามิติอย่างต่อเนื่อง
เขาขุดได้ไกลกว่า 700-800 เมตรในอึดใจเดียว เขาขุดขึ้นมาไม่เจอหินเลยแม้แต่น้อยซึ่งทำให้เขาโล่งอกอย่างมาก ตราบใดที่ไม่มีหินก้อนใหญ่ขวางทางอยู่ งั้นลูกแก้ววิญญาณดินก็สามารถแสดงพลังของมันออกมาได้
“ มีเสียงน้ำ ! ” หวังเย่าได้ยินเสียงน้ำไหล “ ใต้ดินนี่มีแม่น้ำอยู่รึไง ?”
ถ้าใต้ดินมีแม่น้ำอยู่ งั้นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เขาจะได้พักล้างเนื้อล้างตัวด้วย
หวังเย่าตั้งใจฟังเพื่อพยายามหาทิศทางก่อนจะรู้ถึงตำแหน่งของเสียงน้ำ เขารีบขุดรูไปหาตำแหน่งนั้นทันที
เสียงน้ำดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อขุดมาได้ 300 เมตร หวังเย่าก็หยุด ดูเหมือนว่าแม่น้ำนั้นจะอยู่บนหัวเขา
“ รึว่าจะไปทางอื่น ?” หวังเย่าลังเล หากขุดขึ้นไปต่อน้ำก็จะไหลลงมา เนื่องจากดินที่ขุดถูกเก็บไว้ในกระเป๋ามิติของเขา ถ้าเขาขุดขึ้นไปถึงแม่น้ำ งั้นน้ำนี่ก็จะไหลไปตามรูที่เขาขุดขึ้นมาและไหลไปที่เหว
หวังเย่านิ่งอยู่สักพัก เขาเกรงว่ามันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ยิ่งกว่านั้นเขาก็กังวลเรื่องอสูรกายยักษ์โบราณที่โดนขังไว้ที่นี่มาหลายปีและไม่อาจจะออกไปได้ ถ้าน้ำนี่ไหลท่วมไปทั่วทั้งเหว งั้นคงไม่นานระดับน้ำคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้อสูรกายยักษ์โบราณออกจากเหวนี้ได้